Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home
Stockwave Board
Welcome, Guest
Please Login or Register.    Lost Password?
Go to bottom Post Reply Favoured: 0
TOPIC: Re:CPF
#63
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 6 Months ago Karma: 0  
CPF ชี้ส่งออกกุ้งปีนี้ โตฉลุยตามเป้าหมาย ย้ำค่าเงินไม่กระทบผลการดำเนินงานของบริษัท

ซีพีเอฟส่งออกกุ้งเพิ่มมั่นใจได้ยอด ขายกุ้งทะลุ 12,000 ลบ. เหตุจากประเทศคู่แข่งประสบปัญหาโรคระบาด ย้ำค่าบาทแข็งไม่กระทบ ผลดำเนินงานบริษัทโดยรวมยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1.8 แสนลบ.
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ภาวะการส่งออกกุ้งของบริษัทในปี 2553 นี้เติบโตต่อเนื่องจากปี 2552 ที่ผ่านมา คาดว่าการส่งออกกุ้งในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 52,000 ตัน จากปีก่อนมียอดส่งออกประมาณ 34,000 ตัน หรือสูงขึ้นกว่า 53 % โดยมีมูลค่าส่งออกรวม 12,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีมูลค่า 7,800 ล้านบาท หรือสูงขึ้นกว่า 54 % ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะความต้องการของตลาดต่างประเทศที่มีเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งของไทยก็สามารถขายกุ้งได้ในราคาที่ดีด้วย
ทั้งนี้เป็นเพราะประเทศผู้ผลิตกุ้ง ที่สำคัญ อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม เม็กซิโก ต่างประสบปัญหาด้านการเลี้ยง เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับโรคระบาด ด้านบราซิลก็ยังไม่ฟื้นตัวจากการเกิดโรคระบาด ทำให้ผลผลิตกุ้งของโลกวันนี้ลดลงสวนทางกับความต้องการบริโภคกุ้ง ประเทศผู้นำเข้าจึงหันมานำเข้ากุ้งจากไทยอย่างคึกคัก คาดว่าจะส่งผลที่ดีต่อเนื่องถึงปีหน้า
นายอดิเรก กล่าวว่า สำหรับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นไม่มีผลกระทบต่อการส่งออก เนื่องจากมีการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อการเลี้ยงกุ้ง ซึ่งคิดเป็นต้นทุนประมาณ 70 % ของการเลี้ยงกุ้ง ขณะเดียวกันพันธุ์กุ้งที่นำมาเลี้ยงก็เป็นพันธุ์ที่บริษัทวิจัยขึ้นเอง และเป็นพันธุ์ที่ปลอดโรค
ตลาดส่งออกกุ้งส่วนใหญ่ของซีพีเอฟยัง คงเป็นตลาดสหภาพยุโรป ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 35 ญี่ปุ่นร้อยละ 30 สหรัฐอเมริการ้อยละ 15-20 ที่เหลือเป็นตลาดในเอเชีย เช่น เกาหลี ออสเตรเลีย เป็นต้น
สำหรับผลการดำเนินการของบริษัททั้งปี นี้ จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 180,000 ล้านบาท จากการเติบโตของธุรกิจที่มีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#64
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 6 Months ago Karma: 0  
CPF เดินหน้า SHE

นายวีรชัย รัตนบานชื่น รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวภายหลังการมอบประกาศเกียรติคุณและรางวัลพิเศษแก่พนักงานที่ประสบความสำเร็จสร้างชื อเสียงแก่บริษัทในด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (SHE- Safety Health and Environment ) ว่าบริษัทให้ความสำคัญในการดำเนินงานด้าน SHE อย่างยิ่งยวด
นอกจากจะมีการสร้างขวัญและกำลังใจด้วยการจัดงานมอบประกาศเกียรติคุณแล้ว ล่าสุดยังมีการขยายระบบ SHE Management ไปสู่กลุ่มฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โดยมีเป้าหมาย 100% รวมถึงการสร้างสรรค์โครงการอาสาสมัคร SHE ภายในโรงงาน
ระบบ CPF SHE Management ประสบความสำเร็จอย่างมากในกลุ่มโรงงานทุกแห่งของบริษัท สามารถคว้ารางวัลในระดับประเทศได้มากมาย ขณะเดียวกันแต่ละโรงงานสร้างสรรค์กิจกรรม SHE ใหม่ๆ ขึ้นในหลายรูปแบบ เช่น โครงการอาสาสมัคร SHE ภายในโรงงาน
ขณะที่ในกลุ่มฟาร์มเลี้ยงสัตว์ยังต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แม้ที่ผ่านมามีระบบจัดการด้วยกลไกการพัฒนาที่สะอาด เช่น บ่อไบโอแก๊สอยู่แล้ว แต่จะต่อยอดด้วยการสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีจากการปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ฟาร์มให้มากยิ่งข ้น”
การปลูกไม้ยืนต้นดังกล่าวนอกจากจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว สอดคล้องกับการลดภาวะโลกร้อน ตลอดจนช่วยเพิ่มความสวยงามและสร้างภูมิทัศน์ที่ดีของฟาร์มแล้ว ยังช่วยลดผลกระทบจากการเลี้ยงสัตว์ในด้านกลิ่น ฝุ่น และแรงลมได้เป็นอย่างดีด้วย โดยต้นไม้ที่จะเลือกเข้ามาปลูกจะมีหลายชนิด เช่น ยางพารา มะฮอกกานี มะม่วง ขนุน ราชพฤกษ์ หางนกยูง เป็นต้น
สำหรับกิจกรรมอาสาสมัคร SHE นั้น มีโรงงานแปรรูปเนื้อไก่นครราชสีมาเป็นต้นแบบสร้างสรรค์ เนื่องจากจำนวนพนักงานภายในโรงงานมีมากถึงกว่า 4,000 คน ดังนั้นการมุ่งสร้างเสริมสุขภาพและความปลอดภัยเพื่อให้เข้าถึงพนักงานทุกคนนั้นเป็นการย ก
จึงทำการสร้างบุคลากรเพื่อเป็นเครือข่ายด้าน SHE ในการร่วมพัฒนางาน ภายใต้หลักการส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของตนเองในรูปแบบอาสาสมัคร โดยอาสาสมัครจะเป็นแกนนำในการพัฒนางาน SHE ในหน่วยงาน ซึ่งสามารถสร้างอาสาสมัครได้แล้วถึง 50 คน ทำให้การดำเนินงานด้าน SHE ภายในโรงงานนครราชสีมาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ CPF และเครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นหน่วยงานที่ได้รับรางวัลความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อมในการทำงานประจำปี 2553 มากที่สุดในประเทศไทย ได้แก่ รางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่นระดับประเทศ ทีมฉุกเฉินประจำสถานประกอบกิจการดีเด่นระดับประเทศ คณะกรรมการความปลอดภัยฯ หน่วยงานดีเด่นระดับประเทศ
นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล Zero Accident จากกระทรวงแรงงาน และรางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประจำปี 2553 ด้านการบริหารความปลอดภัยและการจัดการพลังงาน จากกระทรวงอุตสาหกรรมอีกด้วย
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#65
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 6 Months ago Karma: 0  
ซีพีเอฟอัด40ล.ลุยสิ้นปี อัดโปรโมชั่นสู้ศึกช่วงเจ-มั่นใจตรึงยอดขาย

ซีพีเอฟกล่าว 9 เดือนแรกยอดขายตามเป้าหมาย พร้อมลุยศึกไตรมาสสุดท้าย อัดงบตลาด 40 ล้านบาทลุย มั่นใจช่วงเจไม่กระทบยอดขายมากนัก แต่อัดโปรโมชั่นสู้ มั่นใจสิ้นปีนี้ส่วนแบ่งขยับสู่ 28%

นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทฯในช่วง 9 เดือนแรกหรือ 3 ไตรมาสแรกของปี 2553 พบว่า มีอัตราการเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้วางไว้

อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯก็มีแผนทำตลาดเชิงรุกเช่นเดิม ด้วยงบประมาณด้านการตลาด 40 ล้านบาท จากงบตลาดรวมทั้งปีนี้ที่วางไว้ที่ 200 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการจัดกิจกรรม โปรโมชั่น และการทำตลาด รวมทั้งประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่วางตลาดด้วย ทั้งนี้แบ่งสัดส่วนงบที่ใช้ออกเป็น อโบฟเดอะไลน์ 50% และบีโลว์เดอะไลน์ 50% เท่ากัน

โดยผลิตภัณฑ์อาหารที่เพิ่งออกมาใหม่ช่วงนี้คือ ไก่ย่างจิ้มแจ่ว เกี๊ยวหมุซอสญี่ปุ่น และเตรียมที่จะวางตลาดผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานใหม่อีกประมาณ 2-3 เมนู ในกลุ่มของสปาเก็ตตี้อีกด้วย

นายสุพัฒน์กล่าวว่า บริษัทฯมั่นใจว่าในสิ้นปีนี้จะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มอาหารรวมทั้งพร้อมทาน เป็น 27% - 28% ได้แน่นอน จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่ง 25% และเป็นผู้นำในตลาดอาหารแปรรูปที่จำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด (ไม่รวมช่องทางร้านเซเว่นอีเลฟเว่น) ที่มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท

รวมทั้งมีเป้าหมายที่จะให้ผลิตภัณฑ์อาหารแบรนด์ซีพีเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคนึกถึงเป็นอั ดับแรกในตลาดหรือท็อปออฟมายด์ (Top of Mind) ในกลุ่มของอาหารแปรรูปพร้อมรับประทาน และจะเพิ่มการรับรู้ว่าแบรนด์ซีพีในหมวดการเป็นอาหารแปรรูปให้ได้ประมาณ 10-15% จากปัจจุบันการรับรู้ของผู้บริโภคอยู่ในเกณฑ์ 70% ขณะที่การรับรู้ของผู้บริโภคในแบรนด์ซีพีหมวดอาหารสดนั้นมีสูงถึง 90% แล้ว

อย่างไรก็ตามแม้ว่าขณะนี้จะอยู่ในช่วงเทศกาลกินเจก็ตาม แต่นายสุพัฒน์ ให้ความเห็นว่า เท็กาลกินเจเป็นช่วงสั้นๆประมาณ 10 กว่าวันเท่านั้นเอง คงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายรวมของซีพีมากมายเท่าใด อาจจะมีบ้างที่ยอดขายลดลงเพียงแค่ 5% เท่านั้นซึ่งไม่มาก ส่วนข่าวเรื่องโรคระบาดต่างๆเวลานี้น่าหนักใจและรุนแรงมากกว่าช่วงเจอีก เพราะกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อการรับประทานอาหาร

บริษัทฯจัดรายการส่งเสริมการขายช่วงเจด้วยเช่นกัน จับกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับประทานเจ โดยจัดลดราคาในกลุ่มไก่แปรรูป 10-15% เช่น ไก่ย่างจิ้มแจ่ว ไก่เทอริยากิ นักเก็ตไก่ เหลือ 75 บาทจากราคาเดิม 85 บาท ตลอดเดือนตุลาคมนี้ และเมื่อซื้อสินค้ากลุ่มไก่แปรรูป 2 แพ็ค แถมฟรีโบโลน่าหมูพริกขนาด 150 กรัม และมีการจัดกิจกรรม ณ จุดขายด้วย
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#66
dianadadly (User)
Fresh Boarder
Posts: 2
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
ดูหนัง108
Re:CPF เดินหน้ารับรางวัลนานาชาติ 13 Years, 6 Months ago Karma: 0  
ยินดีด้วยค่ะ ขอให้เคียงข้างเกษตรกรไทยไปตลอดน่ะค่ะ ชวยเหลือเกษตรกรไทย
 
Report to moderator   Logged Logged  
 
  The administrator has disabled public write access.
#68
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 6 Months ago Karma: 0  
CPF เล็งทุ่ม 6 พันล้าน ขยายตลาดต่างประเทศปีหน้า

อดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) มั่นใจผลงานทั้งปี 53 น่าพอใจแน่นอน พร้อมเล็งทุ่ม 6 พันล้านบาทขยายตลาดต่างประเทศในปี 54 มองแนวโน้มส่งออกสินค้าอาหารยังสดใส ชี้กุ้งไทยอนาคตแจ่ม หลังประเทศคู่แข่งโดนภัยธรรมชาติกดดัน ยันบาทแข็งไม่กระทบ
ผลงาน H/53
ใน Q3/53 ก็มั่นใจว่าจะอยู่ในระดับที่ดี แม้ขณะนี้ยังไม่สามารถให้ความชัดเจนได้ว่าผลงานจะดีกว่า Q2/53 ที่เรามีกำไรระดับ 4,002,600 ล้านบาทได้ แต่เชื่อว่าจะเป็นที่น่าพอใจแน่นอน ส่วนแนวโน้มผลประกอบการ Q4/53 นั้นยอมรับว่าน่าจะอ่อนตัวลงตามฤดูกาล เนื่องจากสินค้ากุ้งส่งออกที่เป็นผลิตภัณฑ์หลักจะได้รับผลกระทบในช่วงฤดูหนาว แต่ยังมั่นใจว่าผลประกอบการในภาพรวมทั้งปีนี้จะออกมาในทิศทางที่ดี (อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายอดิเรก เปิดเผยว่า กำไรทั้งปีนี้ของบริษัทฯ จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท)
ผลกระทบจากบาทแข็ง
เรื่องค่าเงิน บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากบริษัทฯ มีสัดส่วนการส่งออกและการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบมีความใกล้เคียงกัน
แผนการลงทุน
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีแผนขยายการลงทุนเปิดตลาดส่งออกสินค้าอาหาร ทั้งในรัสเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์ รวมทั้งพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารในประเทศซึ่งทั้งหมดคาดว่าจะใช้งบลงทุน ประมาณ 6 พันล้านบาท
ภาพรวมธุรกิจของบริษัท
ผลมองว่าแนวโน้มธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารของบริษัทฯ ในภาพรวมยังมีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการส่งออกกุ้งที่หลายประเทศคู่แข่งอาทิ จีน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ผลผลิตได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยธรรมชาติ ซึ่งสวนทางกับปริมาณความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่การผลิตของไทยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งแม้ในส่วนของสินค้าไก่ ที่ในช่วงนี้ได้รับผลกระทบจากปริมาณการผลิตในภาพรวมทั้งโลกที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงเล็กน้อย แม้ว่าสัดส่วนการผลิตสินค้าไก่เพื่อการส่งออกมีไม่มาก ซึ่งกว่า 60% ผลิตเพื่อการบริโภคภายในประเทศ โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาการบริโภคภายในประเทศลดลงไป 15% แต่ทั้งหมดนี้เชื่อว่าตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ต.ค. เป็นต้นไป หลังช่วงเทศกาลออกพรรษา ซึ่งคาดว่าจะสิ้นสุดภาวะฝนตก อีกทั้งหมดช่วงเทศกาลกินเจ รวมถึงเป็นช่วงการเปิดภาคเรียน และเริ่มช่วงเทศกาลท่องเที่ยว ปริมาณการบริโภคจะเพิ่มมากขึ้น
 
Report to moderator   Logged Logged  
 
Last Edit: 2010/10/13 16:42 By Parday.
  The administrator has disabled public write access.
#69
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 6 Months ago Karma: 0  
CPF เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ ไม่เกิน 8 พันล้านบาท

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ์ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จำนวน 2 ชุด อายุ 4 ปี (อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-3 = 3.0% ต่อปี ปีที่ 4 = 4.0% ต่อปี หรือคิดเป็นอัตราเฉลี่ยที่ 3.24% ต่อปี) และอายุ 7 ปี (อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-3 = 3.0% ต่อปี ปีที่ 4-5 = 4.0% ต่อปี ปีที่ 6-7 = 5.0% ต่อปี หรือคิดเป็นอัตราเฉลี่ยที่ 3.80% ต่อปี) เพื่อนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมและใช้ในกิจการของบริษัท

กำหนดจ่ายดอกเบี้ย ทุก 6 เดือน โดยจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท (ทวีคูณ 100,000 บาท) สำหรับผู้ถือหุ้นกู้เดิม และผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป และ 100,000 บาท (ทวีคูณ 10,000 บาท) สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน กำหนดวันออกหุ้นกู้วันที่ 3 พฤศจิกายน 2553

ระยะเวลาจองซื้อ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิม วันที่ 26-27 ตุลาคม 2553 และสำหรับผู้ลงทุนสถาบัน สหกรณ์ มูลนิธิ และผู้ลงทุนประชาชนทั่วไป วันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2553

ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหุ้นกู้ดังกล่าวได้ที่สำนัก/สาขาของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. KRUNGSRI Call Center 1572 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. Call Center 1551 ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) โทร. TMB Phone Banking 1558 ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน)โทร. Contact Center 1770 ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 1595
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#70
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 6 Months ago Karma: 0  
กรุงเทพธุรกิจ 18 ตุลาคม 2553

"ซีพีเอฟ" ยึด 3 หลักบริหารธุรกิจ ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจโลก-ค่าเงิน ดันรายได้และกำไรโตสวนกระแส มั่นใจยอดขายปีนี้เกิน180,000 ล้านบาท กำไรโต 30%

นักธุรกิจจำนวนมากกำลังวิตกกับเงินบาทที่แข็งค่าช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะธุรกิจส่งออกต่างได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า แต่สำหรับบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหารซีพีเอฟ ให้สัมภาษณ์พิเศษ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า การที่ค่าเงินแข็งค่าขึ้นทั้งภูมิภาคไม่ว่าจะเป็นประเทศมาเลเซีย ญี่ปุ่น หรือประเทศไทย ผู้ส่งออกที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศเป็นหลักจะเสียเปรียบ แต่สำหรับซีพีเอฟไม่ได้รับผลกระทบส่วนนี้ เนื่องจากมีวัตถุดิบที่ต้องนำเข้ามีสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของซีพีเอฟในปี 2553 จะยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
นายอดิเรก กล่าวว่า ปัญหาเงินบาทแข็งค่ากระทบต่อซีพีเอฟน้อยมาก เพราะเรามีวัตถุดิบนำเข้าในสัดส่วนใกล้เคียงกับการส่งออก ทำให้เกิดความสมดุล ช่วงนี้หลายฝายโฟกัสที่เงินบาทแข็งค่า "แต่ผมว่าการทำธุรกิจเราต้องมอง 3 ส่วน นั่นหมายถึง ต้นทุน ราคาขายและค่าเงิน"

บาทแข็งไม่กระทบยึด 3 ส่วนบริหารธุรกิจ

ในส่วนของราคาขายต้องดูว่าภาวะตลาดเป็นอย่างไร ปรับราคาขายสินค้าได้หรือไม่ ถ้าปรับราคาขายได้เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ก็ไม่น่าจะได้รับผลกระทบอะไร ส่วนต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจะมีผลต่อผลกำไร การทำธุรกิจต้องมองต้นทุนควบคู่กับราคาขายหากควบคุมได้เป็นสิ่งที่ดี และอัตราแลกเปลี่ยน เมื่อพูดถึงอัตราแลกเปลี่ยน จะมองเรื่องค่าเงินบาทอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพิจารณาว่าราคาขาย มีการปรับขึ้นด้วยหรือไม่ ถ้าเงินบาทอ่อนค่าและราคาขายไม่ดีจะส่งผลให้ขาดทุน แต่ถ้าต้นทุนลดลงและขายในราคาเดิมก็จะได้กำไร หรือราคาเท่าเดิมแต่ต้นทุนเท่าเดิมก็อาจขาดทุน ฉะนั้นการทำธุรกิจต้องมองปัจจัยทั้ง 3 ส่วนประกอบกัน แต่คนส่วนใหญ่จะมองแค่เรื่องค่าเงินบาท
สำหรับซีพีเอฟ เราตื่นตัวกับเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมานานแล้ว ที่ผ่านมาได้ให้สถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ มาให้ข้อมูลกับฝ่ายบริหารทุกๆ สัปดาห์เพื่อให้รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเรื่องน่าตกใจสำหรับซีพีเอฟ แต่เป็นเพราะเราเตรียมการมาอย่างต่อเนื่อง "ผมว่าการบริหารจัดการธุรกิจของซีพีเอฟเราเตรียมตัวมาดี โดยมองจาก 3 ส่วนเป็นหลักในการทำธุรกิจ เรามีความเชื่อมั่นใจสินค้าของเรา ที่สามารถปรับราคาขายได้ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าจึงไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด" นายอดิเรก กล่าว

ส่งออกกุ้งกระฉูดดันกำไรปีนี้โต 30%
นายอดิเรก กล่าวว่า ผลจากการที่ซีพีเอฟตื่นตัวกับการบริหารจัดการธุรกิจที่ผ่านมา เชื่อว่าปีนี้ยอดขายทั้งปีจะสูงกว่า 180,000 ล้านบาทได้ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ส่วนอัตราการเติบโตของกำไรน่าจะโตถึง 30% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 20% มาจากการดำเนินธุรกิจที่มีความโดดเด่นและเป็นจุดแข็ง โดยในส่วนของผลิตภัณฑ์กุ้งเติบโตได้ดี หลังจากผลผลิตกุ้งทั่วโลกลดลง ส่งผลดีต่อประเทศไทยรวมถึงซีพีเอฟที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้นำเข้าต่างหันมานำเข้ากุ้งจากไทย ซีพีเอฟถือเป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่ที่สุดของประเทศ จึงได้ประโยชน์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เงินบาทที่แข็งค่าจึงไม่มีผลกระทบกับซีพีเอฟ
"ปีนี้เป็นปีทองสำหรับการส่งออกกุ้ง เพิ่มขึ้นทั้งประมาณและราคา โดยเฉพาะราคาปรับตัวสูงขึ้น 40-50% กุ้งของเราที่ส่งออกกลายเป็นพระเอกสำคัญที่สร้างรายได้ให้ซีพีเอฟไปแล้ว"
ส่วนราคาสุกรและไก่ในประเทศแม้จะลดลง เนื่องจากเข้าช่วงเทศกาลกินเจ ปิดเทอมและยังอยู่ในฤดูฝน คาดว่าภายใน 2 เดือน การบริโภคน่าจะดีขึ้นและทำให้ราคาสุกรและไก่ปรับสูงขึ้น โดยสัดส่วนรายได้ของซีพีเอฟปัจจุบันมาจากยอดขายในประเทศ 60% การส่งออก 15% และรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศ 25% ภายใน 5 ปี จะเพิ่มรายได้จากการส่งออกสัดส่วน 20% และการลงทุนต่างประเทศสัดส่วน 40%

เสือปืนไวเร่งสต็อกสินค้าล่วงหน้า
นายอดิเรก กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจยังมีสิ่งที่ต้องบริหารจัดการเพื่อ ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ อย่างล่าสุด กระทรวงเกษตรของสหรัฐ ได้ประกาศว่าผลผลิตข้าวโพดได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ราคาข้าวโพดในตลาดโลกปรับตัว 10% ซึ่งจะดึงให้ราคาถั่วเหลืองสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นกระทบกับผู้เลี้ยงสัตว์ทั่วโลกที่ต้องใช้วัตถุดิบราคาสูงขึ้น
"ส่วนซีพีเอฟเราได้วางแผนบริการจัดการไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยสั่งซื้อกากถั่วเหลือล่วงหน้าไปถึงเดือน ก.ค.2554 จึงทำให้ได้ฐานราคาต่ำ ซึ่งวัตถุดิบที่สูงขึ้นส่งผลให้ผู้เลี้ยงสัตว์รายอื่นเดือดร้อนแต่ซีพีเอฟยังอยู่ได้ เพราะวางแผนมาดี" แต่ทั้งนี้ก็ต้องติดตามภาวะราคาวัตถุดิบ ราคาข้าวโพด ถั่วเหลืองและข้าวสาลีในตลาดโลกสูงขึ้น
นายอดิเรก กล่าวว่า ซีพีเอฟยังอยู่ระหว่างจัดเตรียมแผนธุรกิจในปี 2554 เพื่อกำหนดเป้าหมายทางธุรกิจ และจัดเตรียมงบประมาณลงทุน โดยปีหน้าคาดว่าการลงทุนในต่างประเทศจะใช้เงินลงทุนประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงกับปีนี้ คาดว่าในอนาคตรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศจะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น
โดยขณะนี้มีแผนที่จะเพิ่มลงทุนในประเทศอินเดีย ฟิลิปปินส์และรัสเซีย รวมทั้งกำลังพิจารณาซื้อธุรกิจอาหารสัตว์และการเลี้ยงสัตว์ในบังกลาเทศและกัมพูชา ซึ่งจะเป็นการลงทุนเกี่ยวกับสัตว์บก อาจได้ข้อสรุปการลงทุนภายในปี 2553

หวังประชากร 1.5 พันล้านคนสร้างรายได้
นายอดิเรก ย้ำว่า การลงทุนของซีพีเอฟเรายังคงยึดที่จะเข้าไปลงทุนใน 10 ประเทศ ยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนประเทศเพราะบุคลากรไม่เพียงพอ และเห็นว่าตลาดที่มีอยู่ถือว่ามีขนาดใหญ่ โดยอินเดียมีประชากร 1,000 ล้านคน รัสเซีย 140 ล้านคน ฟิลิปปินส์เกือบ 100 ล้านคน เวียดนาม 80 ล้านคน บังกลาเทศ 150 ล้านคน ฉะนั้นประชากรกว่า 1,500 ล้านคน น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะผลิตสินค้าป้อนได้เป็นอย่างดี ขณะที่ไทยมีประชากรกว่า 60 ล้านคน จึงทำให้โอกาสของซีพีเอฟ มีมากกับการเข้าไปลงทุนใน 10 ประเทศ
ส่วนการลงทุนในทวีปแอฟริกาได้เริ่มที่ประเทศเคนยาเป็นประเทศแรก โดยเข้าไปลงทุนผลิตอาหารสัตว์และเลี้ยงไก่ คาดว่ารายได้ปี 2554 จากการลงทุนในต่างประเทศจะมีสัดส่วน 25% ของรายได้รวมทั้งหมด
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#71
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 5 Months ago Karma: 0  
ซีพีเฟรชมาร์ทเดินหน้าขยายร้านรูปแบบใหม่เจาะอาคารสำนักงาน

นายจักร์ชัย นุชประยูร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ เทรดดิ้ง จำกัด ผู้บริหารร้านค้าปลีก "ซีพี เฟรชมาร์ท" เปิดเผยว่า บริษัทมีนโยบายการเพิ่มรูปแบบร้านค้าใหม่ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทได้พัฒนาสาขารูปแบบ Take Away หรือสาขาซีพี เฟรชมาร์ท ภายในสำนักงาน ขึ้นเป็นรูปแบบที่ 5 หลังจากได้พัฒนามาแล้ว 4 รูปแบบหลักๆในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ ร้านค้าหน้าหมู่บ้าน ,ร้านค้าบริเวณชุมชน ,ร้านค้าตามจุดต่อรถ และร้านค้าตามคอนโดมิเนียม

ทั้งนี้การเปิดสาขารูปแบบใหม่ จะช่วยเข้ามาเติมเต็มกลุ่มผู้บริโภคที่ขาดหายไป โดยเฉพาะในกลุ่มพนักงานที่มีกำลังซื้อสูง เบื้องต้นบริษัทได้นำร่องสาขาแรกภายในซี.พี.ทาว์เวอร์ ถนนสีลม ก่อนที่จะเดินหน้าขยายรูปแบบดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 5 สาขา ตามอาคารสำนักงานต่างๆ ภายในสิ้นปี 2553 และจะส่งผลให้ในปี 2553 มีสาขารวม 700 สาขา

ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้วางนโยบายการดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมผลิตสินค้าใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ "ซีพี เฟรชมาร์ท" มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าใหม่ที่บริษัทไม่มีความชำนาญ อาทิ ขนมขบเคี้ยว ,น้ำดื่ม ,ขนมหวาน และไอศกรีม เป็นต้น ล่าสุดได้ดึงแบรนด์ "เถ้าแก่น้อย" เข้ามาร่วมผลิตสินค้าในกลุ่มสาหร่ายอบแห้ง โดยใช้แบรนด์ "ซีพีเฟรชมาร์ท บาย เถ้าแก่น้อย" นำร่องวางจำหน่ายแล้ว 1 รสชาติ ก่อนที่จะเพิ่มรสชาติใหม่ๆในอนาคต นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เพื่อให้เข้ามาร่วมผลิตสินค้าในกลุ่มไอศกรีมแปร และคาดว่าจะได้ข้อสรุปและเริ่มวางจำหน่ายสินค้าครั้งแรกได้ภายในสิ้นปี 2553 นี้

นายจักร์ชัย กล่าวว่า ผู้บริโภคจะมีโอกาสได้เห็นแบรนด์รองหรือซับแบรนด์ของซีพี เฟรชมาร์ทเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ ในปี 2554 เนื่องจากบริษัทต้องการความหลากหลายของสินค้าที่วางจำหน่ายในร้านซีพี เฟรชมาร์ทให้มากขึ้น และเชื่อว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะสามารถสะท้อนออกมาในรูปของยอดขายต่อใบเสร็จของลูกค้าที่เพ ่มมากขึ้น จากปัจจุบันลูกค้ามีการใช้จ่ายอยู่ที่ 200 บาทต่อคนต่อใบเสร็จ ส่งผลให้ในปี 2554 บริษัทจะมีรายได้เติบโตประมาณ 10% จากปี 2553 ที่คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#72
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 5 Months ago Karma: 0  
เครือซีพีเผยฟาร์มไม่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม ย้ำเป้ายอดขายปีนี้ 5 แสนลบ.

นายสารสิน วีระผล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในจ.นครราชสีมา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อฟาร์มเลี้ยงไก่ที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท แต่อย่างใด เนื่องจากฟาร์มดังกล่าวตั้งอยู่ใน อ.ปักธงชัย ห่างไกลจากลำน้ำมูล และฟาร์มในพื้นที่ภาคกลางก็ไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมเช่นกัน เช่น สระบุรี เป็นต้น

ส่วนเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น แม้ว่าเครือซีพีจะมีสัดส่วนส่งออก 60% แต่ได้ทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ และบริษัทได้ส่งออกไก่แปรรูปปรุงสุกที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าเดิม เป็นประมาณ 20% ขณะที่ช่วงเงินบาทแข็งค่า บริษัทมองว่าเป็นโอกาสที่จะนำเข้าวัตถุดิบในราคาต่ำลง

"มองว่าบาทแข็งเป็นโอกาสในการลงทุนในต่างประเทศ ส่วนเครือฯหันไปนำเข้าวัตถุดิบเพื่อประโยชน์จากบาทแข็ง ทำให้เราต้นทุนถูกลง ก็จะได้ประโยชน์ในปีหน้า แต่เราจะไม่เก็งกำไรจากเงินที่แข็งค่า"นายสารสิน กล่าว

นายสารสิน กล่าวว่า เครือซีพีคงเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 5 แสนล้านบาท โดยจากนี้ไปจนถึงปลายปีก็ยังเป็นไปด้วยดี เพราะมียอดคำสั่งซื้อล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว

ส่วนความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนนั้น นายสารสิน กล่าวว่า สินค้าเกษตรของไทยมีศักยภาพในการทำเป็นอุตสาหกรรมและเครื่องใช้สอย เช่น ยางรถยนต์ ไทยมีฐานการผลิตรวมถึงวัตถุดิบสามารถส่งออกไปยังจีนได้ และต่อไปอาจร่วมกับบริษัทจีนทำธุรกิจแปรรูปเชิงอุตสาหกรรมมากขึ้น เช่น เรื่องอุตสาหกรรมอาหารก็มีโอกาสเข้าไปลงทุนในจีน

"30 ปีที่ผ่านมาที่เครือซีพีเช้าไปลงทุนในจีน ทุกวันนี้ถ้าทำถูกต้องธุรกิจอาหารในจีนจะก้าวหน้า ส่วนผลกำไรเป็นเรื่องระยะยาว กำไรของซีพีคือการที่เราสามารถอยู่กับจีนและโตไปกับเศรษฐกิจจีนได้ในระยะยาว"นายสารสิน กล่าว

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงในจีนมีทุกเมื่อ เพราะแรงงานมีจำนวนมาก และจีนยังมีภัยพิบัติต่างๆ จึงต้องบริหารและการจัดการความเสี่ยงที่ดี

ทั้งนี้ เครือซีพีจะไม่ลงทุนในจีนเพิ่มเติมแล้วจะเน้นการปรับปรุงคุณภาพการบริการ โดยปัจจุบันทรัพย์สินของเครือซีพีลงทุนในจีนมีจำนวน 6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#73
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 5 Months ago Karma: 0  
ฝรั่งเก็บ CPF สูงสุด 215 ล้านบาท โบรกคาดรับผลดีราคาเนื้อสัตว์วิ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น CPF เมื่อวันอังคารที่ 2 พ.ย 2010 ปิดเที่ยงที่ 23.70 บาท บวก 0.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 921 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 1 พ.ย 2010 มีการซื้อสุทธิผ่าน NVDR สูงสุดจำนวน 9.1 ล้านหุ้น มูลค่าการซื้อสุทธิสูงสุดเช่นเดียวกันที่ 214.6 ล้านบาท

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ทางฝ่ายคาดว่าหลังน้ำท่วมจะเห็นราคาเนื้อสัตว์เพิ่มขึ้นจาก supplyที่หายไปซึ่งจะส่งผลดีต่อCPF ในไตรมาส 4 ทางฝ่าย แนะนำ"ซื้อเก็งกำไร" ราคาเหมาะสม 25.50 บาท แนวต้าน: 24.20-24.80 รับ: 23.30-23.10 ถอย: 22.80 บาท ขณะที่ บล.เอเซียพลัสมองแนวโน้มกำไร 2 ไตรมาสข้างหน้าอ่อนตัวลง และมาร์จินหด แนะนำแค่ถือราคาใกล้เป้าหมาย 25.50 บาท โดยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้

-ราคาผลิตภัณฑ์ในต.ค.53 ปรับตัวลดลงสวนทางกับต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์

CPF ได้นำส่งรายงานสถานการณ์ราคาผลิตภัณฑ์เฉลี่ยในเดือน ต.ค. 53 ที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลงจากราคาเฉลี่ยในเดือนส.ค. 53 โดยสรุปเป็นรายผลิตภัณฑ์ได้ดังนี้

1) กลุ่มราคาผลิตภัณฑ์หลักประกอบด้วย ราคาไก่เป็นที่ปรับตัวลดลงสู่ระดับราคาเฉลี่ยเท่ากับ 35 บาท/กก. ปรับตัวลดลง6.7% mom เนื่องจากในเดือนต.ค. 53 มีเทศกาลถือศีลกินเจและเป็นช่วงปิดภาคเรียน ทำให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ภายในประเทศลดลง เช่นเดียวกันกับราคาสุกรหน้าฟาร์มที่อ่อนตัวลงสู่ระดับราคาเฉลี่ยเท่ากับ 54 บาท/กก. หรือปรับตัวลดลง 3.6% mom อย่างไรก็ตามมีเพียงผลิตภัณฑ์กุ้งขาวแวนาไมท์ (ขนาด 60 ตัว/กก.) ที่ระดับราคาเฉลี่ยในเดือนต.ค. 53 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับเฉลี่ย 125 บาท/กก. หรือเพิ่มขึ้น 4.2% mom เนื่องจากปัญหา Supply กุ้งทั่วโลกยังคงตึงตัว

2) กลุ่มราคาวัตถุดิบ โดย รวมแล้วรายการวัตถุดิบอาหารสัตว์หลักๆ ปรับตัวสูงขึ้นจากเดือนที่แล้ว ได้แก่ ราคากากถั่วเหลือง (สัดส่วนราว 35% ของการผลิตอาหารสัตว์บกและสัตว์น้ำ) ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับเฉลี่ย 14.25 บาท/กก. หรือปรับตัวสูงขึ้น 4% mom ส่วนราคา

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (สัดส่วน 50% ของการผลิตอาหารสัตว์บก) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 1.6%mom มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 9.35 บาท/กก. ยกเวน้ เพียง ราคาปลาป่น (สัดส่วน 50% ของการผลิตอาหารสัตว์น้ำ) ที่ปรับตัวลดลงมากราว 11% mom มาสู่ระดับเฉลี่ย 25.90 บาท/กก. เนื่องจากมีSupply ของปลาป่นออกสู่ตลาดมากขึ้น เพราะผ่านพ้นฤดูมรสุมไปแล้ว

-แนวโน้มกำไรใน 2 ไตรมาสข้างหน้าอ่อนตัวลง...Low Season และ Margin หด

ฝ่ายวิจัยคาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q53 จะอ่อนตัวลง และทำระดับต่ำสุดของปีซึ่งจะต่อเนื่องไปจนถึงงวด 1Q54 เนื่องจากเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจส่งออก ทำให้ปริมาณขายลดลงมากเมื่อเทียบกับงวดที่ผ่านมา อีกทั้งราคาผลิตภัณฑ์หลักที่อ่อนตัวลงทั้งไก่และหมู

ภายหลังจากผลกระทบของ Suppy ที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น สวนทางกับต้นทุนวัตถุดิบที่ยังทรงตัวสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ Gross Margin ให้หดตัวลงต่อเนื่อง ทั้งนี้สถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดทั่วประเทศทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเสีย หาย โดยในส่วนของปศุสัตว์ ทำให้เกษตรกรรายย่อยผู้เลี้ยงไก่ประสบปัญหาน้ำท่วมฟาร์ม เนื่องจากพื้นที่เลี้ยงไก่ขนาดใหญ่ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายได้แก่ ปราจีนบุรี ลพบุรี และสระบุรี จึงส่งผลให้เกษตรกรเร่งระบายไก่ออกสู่ตลาดเนื่องจากกลัวว่าผลผลิตจะเสียหาย และขายไม่ได้ราคา แต่สำหรับผู้เลี้ยงสุกรไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมมากนัก เพราะพื้นที่เลี้ยงสุกรส่วนใหญ่อยู่ในแถบภาคกลาง ได้แก่ นครปฐม ฉะเชิงเทรา และราชบุรี ดังนั้นฝ่ายวิจัยคาดว่าในช่วงสั้นแนวโน้มราคาไก่เป็นอาจจะอ่อนตัวลงอีกจน กว่าภาวะน้ำท่วมจะคลี่คลาย

-คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2553-54 และคำแนะนำถือเพื่อรับเงินปันผล

ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2553-54 ของ CPF โดยกำหนด Fair value ในปี 2554 เท่ากับ 25.50 บาท อิง PER 12 เท่า และยังคงคำแนะนำถือเพื่อรับเงินปันผล เนื่องจากราคาหุ้นCPF ในปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงมูลค่าพื้นฐานปี 2554 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนด ทั้งนี้คาดการณ์Div yield ในปี 2553-54 ที่ระดับเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 4.4-4.5% p.a. (จ่ายปีละ 2 ครั้ง)

ที่มา : kaohoon.com
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#74
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 5 Months ago Karma: 0  
ซีพีเอฟ ได้รับเลือกบริษัทยอดเยี่ยมของไทย จาก The Wall Street Journal Asia

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ รายงานว่า The
Wall Street Journal Asia หนังสือพิมพ์ธุรกิจที่มีชื่อเสียง ได้เผยผลสำรวจความคิด
เห็นผู้บริหาร นักธุรกิจ และลูกค้าสมาชิกทั่วเอเชียและแปซิฟิก เกี่ยวกับ “10 อันดับ
บริษัทยอดเยี่ยมของไทย” ประจำปี 2553 โดย ซีพีเอฟ บริษัทผู้นำธุรกิจเกษตร
อุตสาหกรรมและอาหารของประเทศไทย ได้ผลคะแนนด้านความยอดเยี่ยมโดยรวม
ก้าวขึ้นเป็นอันดับ 2 จากอันดับ 3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
และเมื่อแยกเป็นประเภทต่างๆ ซีพีเอฟ ได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 2 ในด้าน
คุณภาพ อันดับ 3 ในด้านวิสัยทัศน์ระยะยาว และอันดับที่ 4 ในด้านนวัตกรรม นอก
จากนี้ ถือเป็นปีแรกที่บริษัทติดหนึ่งในห้าอันดับด้านชื่อเสียงขององค์กร
ผลสำรวจ โดยหนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal Asia จัดขึ้นเป็นประจำ
ทุกปี โดยในปีนี้ เป็นเรื่องยินดีที่ซีพีเอฟได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น จากวิสัยทัศน์ที่เดิน
ถูกทางในการมุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนด้านอาหาร ผบวกกับการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ
ทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้การดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง มั่นใจยอดขายปีนี้เกิน
เป้าหมาย 180,000 ล้านบาท



เรียบเรียง โดย พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน
อนุมัติ โดย พรทิพย์ พลสิทธิ์
อีเมล์แสดงความคิดเห็น commentnews@efinancethai.com


ที่มา อีไฟแนนซ์ไทย วันที่ 03/11/10 เวลา 14:43:57
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#75
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 5 Months ago Karma: 0  
ซีพีเอฟเผยน้ำท่วมไม่กระทบธุรกิจ ชี้ราคากุ้งสดใส แถมการลงทุนต่างประเทศส่งผลดี บวกบริหารสต๊อกวัตถุดิบล่วงหน้า มั่นใจผลดำเนินงานดีกว่าปี 52 ร้อยละ 30

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั้ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคใต้ ไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของซีพีเอฟ โดยเฉพาะในส่วนของฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ทั้งสัตว์บก สัตว์น้ำ และโรงงานไม่ได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

สภาวะผลผลิตกุ้งทั่วโลกโดยรวมในปีนี้ค่อนข้างขาดแคลนอยู่แล้ว เมื่อเกิดภาวะน้ำท่วมขึ้น ทำให้ฟาร์มกุ้งทั่วไปที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มได้รับความเสียหายบ้าง ส่งผลให้ภาวะราคากุ้งที่มีราคาอยู่ในเกณฑ์สูงอยู่แล้ว ยังคงมีระดับราคาที่สูงต่อไป เนื่องจากประเทศคู่แข่งอย่างอินโดนีเซีย และบราซิล เกิดโรคระบาดในกุ้ง ส่งผลให้ผลผลิตตกต่ำ ขณะที่การเพาะเลี้ยงกุ้งของมาเลเซีย เวียดนาม และจีน ก็ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ ทำให้ความต้องการและราคาขายสูงขึ้น 30-40% ซึ่งหลายประเทศได้นำเข้าจากไทยแทน

นายอดิเรก กล่าวว่า ในส่วนของการลงทุนในต่างประเทศก็ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ส่งผลให้การดำเนินงานของซีพีเอฟยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2552 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน บริษัทได้มีการสั่งซื้อวัตถุดิบอาหารสัตว์ล่วงหน้าไว้จนถึงกลางปีหน้าแล้ว ทำให้ซีพีเอฟมีกำไรจากภาวะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้นใน ขณะนี้ และมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงปีหน้า

นายอดิเรก กล่าวด้วยว่า จากปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ทั้งเรื่องผลผลิตกุ้งโดยรวมที่ลดน้อยลง การบริหารจัดการวัตถุดิบ และการดำเนินงานของธุรกิจในต่างประเทศ แน่นอนว่า จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของซีพีเอฟในปี 2553 นี้ดีกว่าปี 2552 ที่ผ่านมา ร้อยละ 30
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#76
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 5 Months ago Karma: 0  
ส่งออกกุ้งฉลุย ออเดอร์ทะลักถึงปีหน้า CPF คาดยอดขายเพิ่มขึ้นทั้งระดับราคาและปริมาณ
นายพิสิฐ โอมพรนุวัฒน์ (Mr.Pisit Ohmpornnuwat, Executive Vice President) รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่าในปีนี้ออเดอร์การสั่งซื้อกุ้งจากต่างประเทศมายังประเทศไทยมีปริมาณเพิ่มขึ้น ว่าปกติมาก และมีแนวโน้มว่าจะสั่งซื้อต่อเนื่องไปถึงไตรมาสแรกปี 2554
“ปกติลูกค้าในแถบยุโรป ญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา จะหยุดการสั่งซื้อกันในช่วงปลายเดือนตุลาคมของทุกปี ซึ่งถือเป็น End Year Sale แต่ในปีนี้กลับมีคำสั่งซื้อกันจนถึงนาทีสุดท้ายในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน และคาดว่าจะสั่งซื้อต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกของปีหน้าด้วย ถือเป็นคำสั่งซื้อที่มากขึ้นผิดปกติจริงๆ นอกจากปริมาณที่ลูกค้าต้องการจะมากขึ้นแล้ว ระดับราคาขายกุ้งก็ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มสูงขึ้นอีกราว 10-15% ในไตรมาสแรกปี 2554 ด้วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นกุ้งแปรรูปเพิ่มมูลค่า เช่น กุ้งที่ซีพีเอฟส่งออกอยู่ก็จะได้ราคาที่ดีขึ้นราว 30-40 % ทีเดียว”
ทั้งนี้ สาเหตุเป็นเพราะผลผลิตกุ้งทั่วโลกโดยรวมของปีนี้ค่อนข้างขาดแคลน ประเทศคู่ค้าไม่สามารถสั่งซื้อกุ้งจากผู้ผลิตกุ้งในประเทศอื่นๆ ได้ เนื่องจากผู้ผลิตกุ้งที่สำคัญ อาทิ อินโดนีเซีย เวียดนาม เม็กซิโก ต่างประสบปัญหาด้านโรคระบาดทำให้ผลผลิตกุ้งเสียหาย ด้านบราซิลก็ยังไม่ฟื้นตัวจากภาวะโรคระบาดเช่นกัน ขณะที่การเพาะเลี้ยงกุ้งของเวียดนาม และจีน ก็ประสบปัญหาภัยธรรมชาติ ทำให้ผลผลิตกุ้งของโลกวันนี้ ลดลงสวนทางกับความต้องการบริโภคกุ้ง ประเทศผู้นำเข้าจึงหันมานำเข้ากุ้งจากไทยอย่างคึกคัก
สำหรับสถานการณ์ผลผลิตกุ้งในขณะนี้ของประเทศไทย พบว่าฟาร์มกุ้งทั่วไปที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ลุ่มได้รับความเสียหายบ้างจากภาวะน้ำท่วม ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตกุ้งของไทยลดลงราว 20-30% ของกุ้งที่จะออกมาในไตรมาสนี้ ส่งผลให้ระดับราคากุ้งในประเทศขยับตัว เช่น กุ้งขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัม จากเดิมราคา 120-125 บาท ขยับเป็น 127-130 บาท ส่วนกุ้งขนาด 100 ตัวต่อกิโลกรัม จากราคา 90 บาทก็มีโอกาสจะไปขยับไปที่ 95 บาท โดยราคาจะเริ่มขยับตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป
นอกจากนี้ การเลี้ยงกุ้งในไตรมาสสุดท้ายของปีจะน้อยเป็นปกติอยู่แล้ว และปีนี้เป็นปีที่คาดการณ์ว่าอากาศจะหนาวเย็นและยาวนานกว่าทุกปี ทำให้เกษตรกรชะลอการปล่อยกุ้งลงเลี้ยง และเชื่อว่าจะทำให้ระดับราคาขยับตัวขึ้นอีกราว 10-15% เป็นผลให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งของไทยสามารถขายกุ้งได้ในราคาที่ดีด้วยเช่นกัน
ซีพีเอฟซึ่งเป็นผู้ส่งออกกุ้งรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทยก็ได้รับผลดีจากปัจจัยดังกล่าวด วย โดยภาวะการส่งออกกุ้งของบริษัทในปี 2553 คาดว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 52,000 ตัน จากปีก่อนที่มียอดส่งออกประมาณ 34,000 ตัน หรือสูงขึ้นกว่า 53 % คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 12,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีมูลค่า 7,800 ล้านบาทหรือสูงขึ้นกว่า 54 % โดยตลาดส่งออกกุ้งส่วนใหญ่ของซีพีเอฟยังคงเป็นตลาดสหภาพยุโรป ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 35 ญี่ปุ่นร้อยละ 30 สหรัฐอเมริการ้อยละ 15-20 ที่เหลือเป็นตลาดในเอเชีย เช่น เกาหลี ออสเตรเลีย เป็นต้น

สื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ ซีพีเอฟ
โทรศัพท์ 0-2625-7343-5, 0-2631-0641, 0-2638-2713
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#77
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 5 Months ago Karma: 0  
ซีพีเอฟฟันยอดขาย1.9แสนล.

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทได้ปรับเป้าหมายรายได้รวมใหม่เป็น 185,000-190,000 ล้านบาท เติบโตสูงกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดไว้ว่าจะมีรายได้รวมที่ 180,000 ล้านบาท เนื่องจากผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาเติบโตได้ดีมาก โดยบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หรือปัญหาน้ำท่วมแต่อย่างใด

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา มีรายได้รวม 141,767 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 11,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อน ได้รับผลดีจากการลงทุนในกิจการต่างประเทศรวม 10 ประเทศที่มีผลการดำเนินงานดีมาก ทั้งในประเทศอินเดีย ตุรกี และอินโดนีเซีย และรายได้จากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 27% ของรายได้รวมแล้ว ประกอบกับธุรกิจกุ้ง มียอดส่งออกเติบโตดีมาก เนื่องจากผลผลิตกุ้งในหลายประเทศประสบปัญหา ทำให้สินค้ากุ้งในตลาดโลกขาดแคลนมาก คาดว่ายอดการส่งออกกุ้งในปีนี้จะอยู่ที่ 50,000 ตัน และในปีหน้าจะมียอดส่งออกกุ้งเป็น 70,000 ตัน

ขณะที่ปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 10% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นแต่อย่างใด เพราะได้ประกันความเสี่ยงค่าเงินบาทไว้ล่วงหน้าแล้ว และมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 773 ล้านบาท รวมทั้งสินค้าบางรายการ สามารถปรับราคาขายได้สูงขึ้น เช่น กุ้ง ปรับราคาขายได้สูงขึ้น 30-40% ทดแทนปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นได้ ส่วนไก่ ได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่าเช่นกัน เพราะไม่สามารถขึ้นราคาขายได้ทัน แต่บริษัทต้องปรับแผนด้วยการเพิ่มยอดขาย หรือปรับกระบวนการผลิตสินค้าใหม่

ขณะที่แผนงานของบริษัทในปี 54 บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้ 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็น งบลงทุนในต่างประเทศ 4,000 ล้านบาท เพื่อขยายโรงงานธุรกิจอาหารสัตว์ และเลี้ยงสัตว์ในประเทศรัสเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และตุรกี รวมถึงมีแผนลงทุนในประเทศ บังกลาเทศ และกัมพูชา ส่วนงบอีก 2,000 ล้านบาท ใช้ขยายธุรกิจในประเทศไทย ทั้งในธุรกิจค้าปลีก ร้านไก่ 5 ดาว ร้านซีพีเฟรชมาร์ท และธุรกิจแปรรูปอาหาร พร้อมกับขยายโรงงานผลิตเกี๊ยวกุ้งเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ห้างค้าปลีกชื่อดังของสหรัฐ วอลมาร์ท ได้รับสินค้า เกี๊ยวกุ้ง และบะหมี่เกี๊ยวกุ้งภายใต้แบรนด์ ซีพี ไปวางจำหน่ายรวม 4,000 แห่งทั่วสหรัฐ คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายได้ในเดือน ม.ค. 54 เริ่มวางจำหน่ายจำนวน 500 สาขา เชื่อมั่นว่าจะช่วยทำให้แบรนด์ซีพีขยายตลาดไปในสหรัฐได้มากขึ้น จากปัจจุบันได้วางจำหน่ายในห้างค้าปลีกของสหรัฐหลายแห่งแล้ว ทั้งเชฟเวย์ คอสโก.
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#78
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 5 Months ago Karma: 0  
ไก่ซีพีตีปีกอียูซื้อโควตาใบละ 2 หมื่น

ซีพีเอฟโชว์แผนบุกปี 54 มุ่งขยายลงทุนต่างแดน สร้างแหล่งรายได้ใหม่ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้มากกว่า 30% ของยอดขายรวม สบโอกาสคู่แข่งเดี้ยงเร่งขยายตลาดกุ้ง เกี๊ยวกุ้งในสหรัฐฯ ขณะไก่แปรรูปขายกระฉูด อียูตลาดใหญ่แย่งซื้อโควตานำเข้าสูงลิ่วถึงใบละ 2 หมื่นบาท ส่วนในประเทศเร่งขยายสาขาธุรกิจห้าดาว ซีพีเฟรชมาร์ท ชี้บาทแข็งไม่กระทบ
นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยถึงแผนการลงทุนในปี 2554 ว่า ซีพีเอฟตั้งงบประมาณการลงทุนไว้ที่ 6,000 ล้านบาท (จากปี 2553 งบลงทุน 5,000 ล้านบาท) แบ่งเป็นการลงทุนในต่างประเทศ 4,000 ล้านบาท และในประเทศ 2,000 ล้านบาท

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ จะมุ่งเน้นการขยายการลงทุนในรัสเซีย และอินเดีย รองลงมาคือ ฟิลิปปินส์ บังกลาเทศ กัมพูชา ตุรกี และมาเลเซีย ในธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์(ไก่ สุกร) และโรงงานอาหารสัตว์ เนื่องจากประเทศเหล่านี้ยังมีปริมาณความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์อีกมาก จากที่เวลานี้ซีพีเอฟได้มีการลงทุนในต่างประเทศแล้วกว่า 10 ประเทศทั่วโลก โดยในปีนี้คาดว่ากิจการลงทุนในต่างประเทศจะช่วยสร้างยอดขายให้กับบริษัทสัด ส่วนประมาณ 27% ของภาพรวม

ส่วนการลงทุนในประเทศจะมีการขยายการลงทุนธุรกิจเลี้ยงกุ้ง การขยายร้านซีพี เฟรชมาร์ท การขยายธุรกิจห้าดาวทั้งร้านไก่ย่าง ร้านข้าวมันไก่ ร้านบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง เพื่อช่วยกระจายจุดจำหน่ายสินค้าของบริษัท นอกจากนี้ส่วนหนึ่งจะใช้ในการลงทุนขยายห้องเย็นเพื่อขยายการส่งออกเกี๊ยว กุ้งไปยังตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งล่าสุดได้ประสบความสำเร็จในการเจรจากับห้างวอล-มาร์ตเพื่อส่งเกี๊ยวกุ้ง และบะหมี่เกี๊ยวกุ้ง ไปจำหน่ายในสาขาของวอล-มาร์ตเริ่มต้น 500 สาขาจากที่มีอยู่กว่า 4,000 สาขา เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นต้นไป

"ช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ซีพีเอฟมียอดขายรวม 141,767 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 19% มีกำไรสุทธิ 11,511 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% มีส่วนสำคัญจากผลการดำเนินงานที่โดดเด่นของกิจการที่เราไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนในอินเดีย มาเลเซีย และตุรกี รวมถึงผลจากการส่งออกกุ้งที่คู่แข่งเราหลายประเทศผลผลิตเขาได้รับความเสีย หายจากภัยธรรมชาติและโรคระบาด ส่วนปัญหาค่าเงินบาทเราไม่ได้รับผลกระทบ เพราะได้มีการประกันความเสี่ยงค่าเงินไว้"

ด้านนายพิสิฐ โอมพรนุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการบริหารซีพีเอฟ กล่าวว่าธุรกิจส่งออกกุ้งของซีพีเอฟในปีนี้ค่อนข้างโดดเด่น เนื่องจากบริษัทประสบความสำเร็จในเรื่องเทคโนโลยีการเลี้ยงที่ทันสมัย ไม่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติหรือโรคระบาด ขณะที่คู่แข่งขันทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม จีน รวมถึงประเทศในแถบอเมริกาใต้ ต่างประสบปัญหาโรคระบาดผลผลิตได้รับความเสียหาย ทำให้บริษัทสามารถปรับขึ้นราคาขายกับคู่ค้าได้ประมาณ 30% ของราคาเดิม ในปีนี้คาดบริษัทจะสามารถส่งออกกุ้งได้ประมาณ 50,000 ตัน และปีหน้าคาดจะส่งออกประมาณ 75,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้น 50%

ส่วนนายธีรศักดิ์ อุรุนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร ดูแลธุรกิจไก่ กล่าวว่า การส่งออกไก่แปรรูปของบริษัทในปีนี้ยังไปได้ดี คาดจะส่งออก 86,000-87,000 ตัน มูลค่าประมาณ 15,000 ล้านบาท ส่วนปีหน้า ตั้งเป้าส่งออก 90,000 ตัน มูลค่าขึ้นกับค่าเงินบาท ปัจจุบันตลาดส่งออกสินค้าไก่ของบริษัทอยู่ที่ตลาดสหภาพยุโรป(อียู)สัดส่วน 55% และญี่ปุ่น 35% ที่เหลือเป็นตลาดอื่นๆ ซึ่งในส่วนของตลาดอียูปัจจุบันได้ให้โควตาภาษีไก่แปรรูปไทยที่ 160,033 ตันต่อปี อัตราภาษีนำเข้า 8% ส่วนนอกโควตาเสียสูงถึง 53% จากอัตราภาษีนอกโควตาที่เสียสูงมาก ปริมาณนำเข้ามีจำกัดทำให้เวลานี้ผู้นำเข้าอียูต้องซื้อขายใบโควตานำเข้าไก่ ไทยสูงถึงใบละ 300-500 ยูโร(ประมาณ 12,000-20,000 บาท คำนวณที่ 40 บาท/ยูโร)

ขณะที่นายไพศาล จิระกิจเจริญ กรรมการบริหาร และประธานผู้บริหารฝ่ายการเงิน กล่าวว่า รายได้ของซีพีเอฟในปี 2553 จะมาจากการส่งออกสินค้าไก่ กุ้ง และอาหารพร้อมรับประทานสัดส่วน 13% จากกิจการลงทุนในต่างประเทศ 27% และอีก 60% จากธุรกิจในประเทศ ส่วนปี 2554 ตั้งเป้าการส่งออกจะขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากการลงทุนในต่างประเทศคาดจะมีสัดส่วนมากกว่า 30% ที่เหลือเป็นรายได้จากในประเทศ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,583 14-17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#79
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 5 Months ago Karma: 0  
ซีพีเอฟชู 'สันกำแพง' ต้นแบบหมู่บ้านสหกรณ์เข้มแข็ง
เลี้ยงไก่ไข่จนสำเร็จ ต่อยอดสร้างตลาดชุมชน


นายสุปรี เบ้าสิงห์สวย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ มูลนิธิพัฒนาชีวิตชนบท สนับสนุนโดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ร่วมกับมูลนิธิฯ ได้ดำเนินโครงการสนับสนุนการเลี้ยงไก่ไข่ในหมู่บ้านสหกรณ์ กระทั่งสร้างรายได้แก่สหกรณ์ได้อย่างมั่นคง ล่าสุด หมู่บ้านสหกรณ์สันกำแพง จ.เชียงใหม่ สามารถขยายผลสร้าง “ตลาดชุมชน” ได้สำเร็จ
“ตลาดชุมชนของสหกรณ์สันกำแพงสร้างขึ้นในปี 2552 บริหารงานโดยคณะกรรมการของสหกรณ์ เพื่อให้เป็นแหล่งซื้อขายแลกเปลี่ยนผลผลิตและสินค้าของสมาชิกในชุมชน โดยเก็บค่าเช่าในราคาถูก ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก” นายสุปรีกล่าวและว่า
ตลาดชุมชนสหกรณ์สันกำแพงทำการจำหน่ายสินค้าที่ผลิตได้ภายในชุมชนรวมถึงสินค้าหายาก มีจำนวนผู้ขายและผู้ซื้อมากขึ้นตามลำดับ โดยมีการสร้างห้องแถวเพื่อการค้า จำนวน 13 ห้อง เกิดเป็นรายได้แก่สหกรณ์ราว 20,000 บาทต่อเดือน มีแผงค้าประจำจำนวน 30 แผง เก็บค่าเช่าวันละ 7 บาท รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าเร่อีก 10-20 รายต่อวัน ซึ่งสหกรณ์จะคิดค่าเช่าเพียงวันละ 10 บาท และหากเป็นวันเสาร์อาทิตย์ จะมีจำนวนผู้ค้าเพิ่มขึ้นอีกราว 70-80 ราย คิดเป็นธุรกรรมที่เกิดขึ้นจากตลาดชุมชนเล็กๆ แห่งนี้มูลค่ารวมปีละกว่า 12 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นว่าคนในชุมชนมองเห็นช่องทางการจัดการธุรกิจเกษตรมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ต้องการให้เกษตรกรไทยรู้จัก ระกอบการพาณิชย์ สามารถขายผลผลิตของตัวเอง ด้วยองค์กรที่เป็นของตนเอง เพื่อให้ได้ผลตอบแทนสูงสุด อันเป็นหลักการพื้นฐานของระบบสหกรณ์ที่จะนำความเจริญทางเศรษฐกิจเข้าสู่ท้องถิ่นได้อย่า ยั่งยืน
ด้าน นายเกษม วิไลประสงค์ ผู้แทนซีพีเอฟ กล่าวว่า ตลาดชุมชนนี้เกิดจากผลการดำเนินงานด้านส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงไก่ไข่ที่สหกรณ์สันกำแพงส มารถบริหารจัดการได้ดี ซึ่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยซีพีเอฟได้เข้าส่งเสริมการเลี้ยงไก่ไข่เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2520 โดยถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย พร้อมทั้งติดตามผลการเลี้ยงไก่ไข่ในสหกรณ์ให้ได้มาตรฐาน มุ่งเน้นให้เกิดกระบวนการจัดการที่เป็นระบบ ตลอดจนให้คำปรึกษาด้านการตลาดโดยคำนึงถึงความต้องการไข่ไก่ของชุมชนเป็นหลัก
ปัจจุบัน สหกรณ์สันกำแพงสร้างกำไรจากการเลี้ยงไก่ไข่ได้ปีละ 3-4 ล้านบาท จากโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ 7 โรงเรือน รวมจำนวน 36,120 ตัว ได้ผลผลิตไข่ไก่วันละประมาณ 45,000 ฟอง โดยซีพีเอฟจะเป็นผู้รับซื้อทั้งหมด และสหกรณ์จะนำไข่ไก่จำนวน 5,000 ฟองต่อวัน มาทำการตลาดเองโดยขายให้สมาชิกและชุมชนในราคาต่ำกว่าท้องตลาด เพื่อเป็นการบริการชุมชนอีกด้วย

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#80
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 4 Months ago Karma: 0  
ไข่ไก่ CP คว้ารางวัลแบรนด์ในใจผู้บริโภค

นายพิสิฐ โอมพรนุวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการบริหารบริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งเน้นการลงทุนการทำตลาดและการสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่องทั้งต าดในประเทศและต่างประเทศในหลายปีที่ผ่านมาส่งผลให้ขณะนี้ ซีพีเอฟและผลิตภัณฑ์แบรนด์ซีพีเป็นที่รู้จักและยอมรับจากผู้บริโภคทั่วโลกและเมื่อไม่นา มานี้ ผลิตภัณฑ์ไข่ไก่สดซีพี สามารถคว้ารางวัลแบรนด์ยอดนิยม (Favorite Brand) จากการจัดประกวด 10 แบรนด์สุดยอดในใจผู้บริโภคฮ่องกง ของห้าง Wellcome Superstore

รางวัลแบรนด์ยอดนิยม (Favorite Brand) เป็นการจัดประกวด 10 แบรนด์สุดยอดในใจผู้บริโภค ในแต่ละหมวด โดยห้างWellcome Superstore ผู้ประกอบการร้านซุปเปอร์มาเก็ตอันดับหนึ่งของฮ่องกง ด้วยการเปิดให้ผู้บริโภคโหวตผ่านศูนย์ฮอตไลน์และเวปไซต์ การจัดการแข่งขันครั้งนี้เป็นครั้งที่ 11 และมีแบรนด์เข้าร่วมแข่งขันถึงกว่า100 แบรนด์ในแต่ละหมวดสินค้า โดยไข่ไก่สดซีพี (CP Fresh Egg) ได้รับการโหวตให้ได้รับรางวัลแบรนด์ยอดนิยม (Favorite Brand) ในหมวดสินค้าที่มีความโดดเด่นประเภทอาหารที่มีอายุสินค้าสั้น (Outstanding Award in the Perishable Food) โดยได้มีการประกาศผลทางหนังสือพิมพ์ Sun daily

นายพิสิฐกล่าวด้วยว่า การได้รับรางวัลดังกล่าวนับเป็นความสำเร็จที่สร้างกำลังใจและความภาคภูมิใจให้แก่บริษัท ละทีมงานทุกคน ตลอดไปถึงฟาร์มเลี้ยง เพราะถือว่าเป็นแบรนด์ต่างชาติแบรนด์แรกที่ได้รับรางวัลแบรนด์สุดยอดในใจผู้บริโภคที่ฮ่ งกงภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด คือ ในระยะเวลาเพียง 3 ปีนับจากที่เริ่มวางขาย ขณะที่แบรนด์ส่วนใหญ่ต้องใช้ เวลานานถึง 7 – 8 ปี

นอกเหนือจากรางวัลดังกล่าวแล้ว ผลิตภัณฑ์อาหารภายใต้แบรนด์ CP ยังได้รับรางวัล Saveur de l’annee award France หรือ รางวัลอาหารที่มีรสชาติดีเด่น จากประเทศฝรั่งเศส ถึง 3 ปีซ้อน ตั้งแต่ปี 2008-2010
ซีพีเอฟ มีวิสัยทัศน์เป็นครัวของโลกมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณ าพและปลอดภัยอย่างต่อเนื่องสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ตลอดจนมีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยและให้บริการได้อย่างรวดเร็วจึงนำไปสู่ความพึงพ ใจสูงสุดต่อลูกค้าทั้งในและต่างประเทศอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง

ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#81
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 13 Years, 4 Months ago Karma: 0  
ส่งออกไก่ไทยคึกคัก ยุโรปเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ตรวจรับรองระบบ

นายปรีชา สมบูรณ์ประเสริฐ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ทางประเทศอียิปต์ และสหภาพยุโรป (อียู)จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจรับรองโรงงานชำแหละเนื้อไก่ของไทยในช่วงต้น ปี 2554 โดยเฉพาะอียิปต์นั้น มีความเชื่อมั่นในมาตรการควบคุมป้องกันโรคของไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งในอดีตที่ผ่านมายังไม่เคยนำเข้าเนื้อไก่สดจากประเทศไทยมาก่อน จึงถือเป็นอีกตลาดที่สดใสของเนื้อไก่สดของไทย เนื่องจากอียิปต์มีประชากรประมาณ 80 ล้านคน มีการบริโภคเนื้อไก่ประมาณ 8 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือคิดเป็นปริมาณเนื้อไก่ที่บริโภคในประเทศรวม 640,000 ตันต่อปี พร้อมกันนี้ ทางกรมปศุสัตว์ยังได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขอยกเลิกการห้ามนำ เข้าเนื้อสัตว์ปีกสดของญี่ปุ่นด้วย

กรมฯได้รับแจ้งจากหน่วยงาน Food and Veterinary Officer (FVO) ของสหภาพยุโรป (EU) ว่าจะเดินทางมาประเทศไทย เพื่อตรวจประเมินพิจารณาอนุญาตให้นำเข้าเนื้อสัตว์ปีกสดแช่แข็งจากไทย (ปัจจุบัน EU ให้นำเข้าเฉพาะเนื้อสัตว์ปีกปรุงสุกจากไทย) รวมทั้งมาตรการเกี่ยวกับการควบคุมป้องกันโรคสัตว์ที่สำคัญ (Animal Health) และตรวจประเมินด้านสวัสดิภาพสัตว์ปีก ณ โรงฆ่า (Animal Welfare Pre-Slaughter) ในระหว่างวันที่ 21-25 มีนาคม 2554 และ 28 มีนาคม – 1 เมษายน 2554 ตามลำดับ

การเข้าตรวจประเมินครั้งนี้ นับว่าเป็นโอกาสที่ดีของอุตสาหกรรมไก่ไทยที่จะสามารถเพิ่มช่องทางการส่งออก เนื้อไก่-เป็ดสดแช่แข็งไปยังตลาดสหภาพยุโรปได้ในอนาคต หลังจากที่ไม่สามารถส่งออกเนื้อสดแช่แข็งได้นับแต่ประสบปัญหาการระบาดของโรค ไข้หวัดนกในปี 2547 อย่างไรก็ดี กรมปศุสัตว์ได้ให้ความสำคัญกับมาตรการที่เข้มงวดในการป้องกันและเฝ้าระวัง การระบาดของโรคไข้หวัดนกที่เป็นไปตามหลักสากลมาตลอด โดยการระบาดของไข้หวัดนกในประเทศไทยที่เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2551 ซึ่งขณะนี้ผ่านมาเกินกว่า 2 ปีแล้วที่ไม่มีการระบาดดังกล่าว ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในการเฝ้าระวังโรคในพื้นที่ ส่งผลให้ประชาชนมีความปลอดภัยในการบริโภคเนื้อสัตว์ปีก

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ตลาดสหภาพยุโรปมีการบริหารและจัดสรรโควต้าการนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากประเทศ ที่สาม ดังนั้น การแข่งขันเรื่องคุณภาพและมาตรฐานการผลิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ หาก สหภาพยุโรปเปิดตลาดเนื้อไก่สดแช่แข็งให้ไทย เท่ากับเป็นการเปิดช่องทางการส่งออกให้กับอุตสาหกรรมไก่ไทยอีกทางหนึ่ง ซึ่งการส่งออกเนื้อไก่ไทยก่อนการระบาดของไข้หวัดนกเมื่อปี 2546 ที่ผ่านมา ไทยเคยส่งออกเนื้อไก่สดแช่แข็งไปตลาดยุโรป คิดเป็นสัดส่วนกว่า 25 % รองจากตลาดญี่ปุ่นที่มีสัดส่วนกว่า 48 % ของ การส่งออกเนื้อไก่สดแช่แข็งรวมทั้งหมดของไทย นอกจากนี้ หากไทยสามารถเปิดตลาดเนื้อไก่สดแช่แข็งไปยังสหภาพยุโรปได้จะช่วยเพิ่มโอกาส ในการเจรจาขอเปิดตลาดเนื้อไก่สดแช่แข็งไปยังญี่ปุ่นได้ง่ายขึ้นด้วย

ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของไข้หวัดนก การส่งออกเนื้อไก่สดแช่แข็งของไทยมีอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2546 มีการส่งออกเนื้อไก่สดแช่แข็งไปยังตลาดสหภาพยุโรป (EU) รวม 98,231 ตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2545 กว่า 23 %
สำหรับการส่งออกเนื้อไก่ไทยในปี 2553 มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะส่งออกได้กว่า 4.2 แสนตัน มูลค่ากว่า 53,000 ล้านบาท และประมาณการว่าการส่งออกเนื้อไก่ไทยในปี 2554 จะเพิ่มมากขึ้นจากปี 2553 เช่นเดียวกัน
http://www.biothai.net/news/6357
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#82
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF เดินหน้ารับรางวัลนานาชาติ 13 Years, 4 Months ago Karma: 0  
"ห้าดาว"งัดเมนูอินเทรนด์สร้างฐานลูกค้าใหม่

"ห้า ดาว" ปูพรมจุดขายทั่วสารทิศ เล็งบุกอาคารสำนักงาน ฟู้ดคอร์ต สถานศึกษา โยกโรงงานจากร้อยเอ็ดมาโคราชลดต้นทุน พร้อมเพิ่มสินค้าเทรนด์ใหม่ ดึงคนรุ่นใหม่วัย-เด็ก หวังสร้างฐานลูกค้าในอนาคต

นายสถิต สังขนฤบดี รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพีเอฟ ผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจแฟรนไชส์ไก่ย่าง ไก่ทอด ฯลฯ ภายใต้แบรนด์"ห้าดาว" เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากนี้ไปบริษัทจะมุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาธุรกิจภายใต้แบรนด์ห้าดาวออกมา อย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีไก่ย่าง ไก่ทอด ข้าวมันไก่ บะหมี่ เรดดี้มิลล์ ปีหน้าตั้งเป้าขยายจุดขายอีก 800 จุด (รวมทุกธุรกิจ ห้าดาว) หรือรวมประมาณ 4,500 สาขา จากปัจจุบันมี 3,600 จุด และนอกจาก จุดขายที่เป็นรถเข็นตามย่านชุมชนแล้ว อนาคตมีแผนจะขยายไปตามอาคารสำนักงาน ตามฟู้ดคอร์ต หรือสถานศึกษา

ล่าสุด บริษัทได้เช่าโรงงานและคลังสินค้าใหม่ที่นครราชสีมา มีพื้นที่ 12 ไร่ แทนโรงงานเดิมที่ร้อยเอ็ด และใช้งบฯอีก 6 ล้านบาท ติดตั้งเครื่องจักรใหม่ จะเริ่มเปิดเดินเครื่องได้ในเดือนเมษายนปีหน้า จากเดิมมีโรงงานที่กรุงเทพฯ รองรับการกระจายเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล ตะวันออก ภาคใต้ ส่วนภาคเหนือมีโรงงานที่เชียงใหม่

"โรงงานนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 4 เท่า หรือ 1.5 หมื่นตัว/วัน และรองรับตลาดได้อย่างน้อย 5 ปี และจะช่วยให้ประหยัดเวลาและต้นทุนขนส่งได้ 1% ของยอดขาย เนื่องจากโคราชเป็นศูนย์กลางของภาคอีสาน โดยเฉพาะอีสานใต้ที่เป็นตลาดใหญ่"

นาย สถิตกล่าวว่า ปีหน้าวางแผนจะใช้งบฯการตลาดมากกว่า 130 ล้านบาท จากปีนี้ใช้ 125 ล้านบาท เพื่อสร้างแบรนด์ เน้นอะโบฟเดอะไลน์ 90% นอกจากการโฆษณาผ่านสื่อแมส ทีวี สื่อสิ่งพิมพ์ เพื่อให้เข้าถึง ผู้สนใจจะเป็นแฟรนไชซีแล้ว ล่าสุดก็มี สื่อใหม่ ๆ อาทิ สื่อรถไฟฟ้า เพื่อทำให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นคนทำงานและคนรุ่นใหม่มากขึ้น และนอกจากการมีเมนูใหม่ ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็จะมีกิจกรรม มีแคมเปญโปรโมชั่นออกมาเป็นระยะ ๆ เพื่อกระตุ้นและช่วยแฟรนไชซีอีกทางหนึ่ง

นาย สถิตกล่าวต่อไปว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับคุณสมบัติของแฟรนไชซีมีอายุลดลง หรือไม่เกิน 45 ปี เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการมีอาชีพอิสระและธุรกิจ ส่วนตัวเข้ามาจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน ก็ลดอายุของกลุ่มเป้าหมาย เด็กลง โดยมีแผนเพิ่มเมนูใหม่ ๆ อาทิ เมนูของขบเคี้ยว ไก่ย่างเกาหลี รองรับเทรนด์เกาหลีที่กำลังได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่ และจะมีโฆษณาออกมาสนับสนุนด้วยในปีหน้า ซึ่งลูกค้าเด็กเหล่านี้จะมีโอกาสเป็นลูกค้าระยะยาวต่อไป รวมทั้งออกสินค้าที่มีขนาดชิ้นเล็ก อาทิ ปีกไก่ชุบ แป้งทอด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่มีครอบครัวขนาดเล็ก หรือลูกค้าคนเดียวก็สามารถซื้อได้

หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#83
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF เดินหน้ารับรางวัลนานาชาติ 13 Years, 4 Months ago Karma: 0  
CPF ฟุ้งกำไรสุทธิโตกว่า 30% ปี 54 เล็งส่งออกไก่ 9 หมื่นตัน

ซีพีเอฟฟุ้งปีนี้กำไรสุทธิโตกว่า 30% ทะลุเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้แค่ 20% เนื่องจากธุรกิจส่งออกกุ้งและการลงทุนในต่างประเทศให้ผลตอบแทนที่ดี คาดว่าปีนี้ยอดขายเติบโต 10%จากปีนี้ที่มียอดขายรวม 1.85 แสนล้านบาท แย้มปีหน้าส่งออกไก่แปรรูปกว่า 9 หมื่นตัน ขยายตัวขึ้น 10%


นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (ซีพีเอฟ) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯคาดว่ามีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 30%จากปีก่อน สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าปีนี้มีกำไรสุทธิโตขึ้น 20% เนื่องจากธุรกิจกุ้งมีการส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 30%จากเดิมที่เคยส่งออกเพียง 3 หมื่นตันเพิ่มเป็น 5 หมื่นตันในปีนี้ เนื่องจากคู่แข่งอย่างอินโดนีเซีย จีนและอเมริกาใต้ประสบปัญหาทำให้การส่งออกลดลง รวมทั้งรับรู้รายได้จากการลงทุนในต่างประเทศทั้งเวียดนาม ตุรกีและอินเดีย ที่ให้ผลตอบแทนเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจในประเทศทั้งอาหารและเนื้อสัตว์ก็มีการขยายตัวดี ส่งผลให้รายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย 1.85 แสนล้านบาท เติบโต 30%จากปีก่อน

สำหรับทิศทางในปีหน้า บริษัทฯคาดว่ามียอดขายรวมเติบโต 10% ต่อเนื่องจากปีนี้ โดยธุรกิจหลักที่ทำรายได้ดีอยู่ยังเป็นธุรกิจอาหาร กุ้ง และการรับรู้รายได้จากการลงทุนในต่างประเทศ โดยปีหน้าบริษัทฯตั้งงบลงทุนไว้ที่ 6 พันล้านบาท เป็นการลงทุนในประเทศ 2 พันล้านบาท ที่เหลือเป็นการลงทุนในต่างประเทศทั้งอินเดีย ฟิลิปปินส์ และรัสเซีย เป็นต้น

ส่วนปัจจัยเสี่ยงในปีหน้าไม่ว่าจะเป็นต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น บริษัทฯได้มีการบริหารความเสี่ยงโดยการสั่งซื้อกากถั่วเหลือล่วงหน้า ทำให้ได้วัตถุดิบในราคาต่ำ ส่วนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้น บริษัทฯมีการนำเข้าสินค้าบาลานซ์กับการส่งออกทำให้ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนน้อย าก
แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือโควตาการส่งออกไก่แปรรูปของไทยในสหภาพยุโรปที่ปัจจุบันเต็มโควต้า ล้ว 1.6 แสนตัน คงต้องจับตาดูว่าจะมีการเจรจาปรับเพิ่มโควตาได้หรือไม่

นายธีรศักดิ์ อุรุนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการบริหาร สายงานอาหารแปรรูปสัตว์บก บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าหมายการส่งออกไก่แปรรูปไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น 10%จากปีนี้ที่ส่งออก 8.6-8.7 หมื่นตัน เพิ่มขึ้นเป็น 9 หมื่นกว่าตัน ขณะที่ราคาส่งออกไก่แปรรูปได้มีการเจรจาขอปรับขึ้นราคากับผู้นำเข้าแล้ว แต่ยอมรับว่าราคาที่ปรับขึ้นนั้นต่ำกว่าการแข็งค่าขึ้นของเงินบาท โดยราคาส่งออกไก่แปรรูปอยู่ที่ตันละกว่า 4,000-5000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งราคาส่งออกไก่แปรรูปปรับขึ้นไม่ได้มากเนื่องจากการแข่งขันที่สูง

ที่ผ่านมา การส่งออกไก่แปรรูปของไทยมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงระยะเวลา 4ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ประกอบการมีผลกำไรจากการดำเนินงานมาโดยตลอด ทำให้มีการขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น

โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
Go to top Post Reply
Powered by FireBoardget the latest posts directly to your desktop

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday7583
mod_vvisit_counterYesterday42687
mod_vvisit_counterAll days167224567

We have: 510 guests online
Your IP: 18.216.190.167
 , 
Today: Apr 17, 2024

4680424