Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home
Stockwave Board
Welcome, Guest
Please Login or Register.    Lost Password?
Go to bottom Post Reply Favoured: 0
TOPIC: Re:CPF
#104
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 11 Months ago Karma: 0  
CPF ปรับเป้ากำไรสุทธิทั้งปี 54 เป็นโต 10-15% จากเดิม 10%

บมจ.เจริญโภคภัณฑ์ (CPF) ปรับเป้ากำไรสุทธิทั้งปี 54 เป็นโต 10-15% จากเดิม 10% โดยในไตรมาส 2/54 คาดกำไรสุทธิโตไม่ต่ำกว่า 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 1/54 กำไรสุทธิ 3.48 พันล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.22 พันล้านบาท และแนวโน้มในช่วงไตรมาส 3/54 กำไรก็ยังน่าจะเติบโตต่อเนื่อง ตามความต้องการสินค้าที่มีมากขึ้น
สำหรับการส่งออกในปีนี้คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ 14% ใกล้เคียงปีก่อน
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#105
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 11 Months ago Karma: 0  
ผู้บริหารมีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อราคาเนื้อสัตว์ เนื่องจากเชื่อว่าราคาจะยืนอยู่ในระดับที่สูงนี้ไปจนกระทั่งปีหน้า ด้วยราคาเนื้อสัตว์ที่อยู่ในระดับสูงกว่าที่เคยมีมา เราจึงคาดว่ากำไร 2Q-3Q11 จะเติบโตอย่างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น แนะนำ “ซื้อ”

ราคาเนื้อสัตว์น่าจะอยู่ในระดับที่สูงนานกว่าที่คาด


เราได้เข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์กับ คุณอดิเรก ศรีประทักษ์ CEO ของ CPF เมื่อวานนี้ โดยคุณอดิเรก มีมุมมองที่เป็นบวกอย่างมากต่อแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ เนื่องจากอุปทานที่มีน้อยกว่าอุปสงค์ 20% จึงทำให้ยากที่อุปทานใหม่จะสามารถเพิ่มขึ้นได้ทันความต้องการในปีนี้ ดังนั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าว เขาจึงเชื่อว่าราคาเนื้อสัตว์น่าจะอยู่ในระดับที่สูงต่อเนื่องไปยังปีหน้า ซึ่งมุมมองและเหตุผลของเขาตรงกับของ GFPT และดีกว่าที่เราคาด เนื่องจากก่อนหน้านี้เราคาดว่าราคาจะอ่อนตัวลงในช่วง 2H11

กำไร 2Q-3Q11F น่าจะเติบโตอย่างมาก


แม้ว่ากำไรจะปรับขึ้นมาอยู่บนฐานที่สูงแล้ว แต่เราคาดว่ากำไร 2Q-3Q11จะเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่สำหรับ CPF และเราคาดว่ากำไรจะเติบโตมากกว่า 20%y-y โดยมีปัจจัยผลักดันจาก 1) ราคาเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดทั้ง ไก่ หมู และกุ้ง 2) อัตรากำไรที่ขยายตัว เนื่องจากราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นกว่าต้นทุน 3) ดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และ 4) ส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมที่สูงขึ้น จากทั้ง CPALL, CP Vietnam และ CPCambodia

ธุรกิจที่ตุรกีกำลังฟื้นตัวขึ้น

เนื่องจากการลดลงอย่างมากของราคาไก่จากภาวะอุปทานล้นตลาด การดำเนินงานที่ตุรกีจึงยังคงขาดทุน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้กำไรหดตัวลงในช่วง 4Q10 และต่อเนื่องไปยัง 1Q11 แต่เนื่องจากผู้ผลิตหลักทั้งหมดได้รับผลกระทบ และทำการปรับลดอุปทานลง สถานการณ์จึงดีขึ้น และผู้บริหาร CPF คาดว่าธุรกิจจะมีผลการดำเนินงานที่บวกในช่วง 2H11ธุรกิจต่างประเทศอื่นของบริษัทฯ ในอินเดีย และมาเลเซีย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างมาก ด้วยยังคงมีแนวโน้มที่สดใส CPF คาดว่าสองประเทศนี้ และรัสเซีย ซึ่งจะถึงจุดคุ้มทุนในปีนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญผลักดันการเติบโตของกลุ่ม ธุรกิจต่างประเทศในปัจจุบันมีสัดส่วน 20% ของยอดขาย และ 15% ของกำไร และ CPF คาดว่าสัดส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเป็น 40% และ 25% ตามลำดับในปี 2014-15

มีปัจจัยผลักดันราคาหุ้นอย่างชัดเจน แนะนำ “ซื้อ”


เนื่องจากเป็นผู้ผลิตอาหารชั้นนำ ด้วยมีส่วนแบ่งตลาดในธุรกิจไก่ 20%และ 35% ในธุรกิจหมู CPF จึงเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของราคาเนื้อสัตว์ ซึ่งราคาเนื้อสัตว์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นนี้เป็นปัจจัยกระตุ้นราคาหุ้น พร้อมกันกับกำไรที่ทำสถิติสูงสุดในช่วง 2Q-3Q11Fถึงแม้ว่าราคาหุ้น CPF จะเพิ่มขึ้นราว 27% YTD แต่ยังคงซื้อขายที่ PE ที่ไม่แพงที่ 12.7 เท่า ในปี 2011F และมีอัตราผลตอบแทนจากการคาดหวังที่22% ยังคงแนะนำ “ซื้อ” CPF

ที่มา : บล.ธนชาต
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#106
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 11 Months ago Karma: 0  
CPF บวก 3.42% โบรกฯเชียร์ซื้อพบประเด็นสำคัญในงาน DB Access Asia

หุ้น CPF ราคาวิ่งขึ้น 3.42% มาอยู่ที่ 30.25 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท มูลค่าซื้อขาย 808.17 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.23 น.โดยเปิดตลาดที่ 29.50 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 30.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 29.25 บาท

ล่าสุด เมื่อ 15.30 น.หุ้น CPF อยู่ที่ 30 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท(+2.56%)มูลค่าซื้อขาย 820.06


บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น CPF ให้มูลค่าเหมาะสม 34 บาท/หุ้น โดยมีประเด็นสำคัญจากการประชุมกับ CPF ในงาน DB Access Asia ดังนี้

สภาพอากาศที่เลวร้ายในปีนี้ ประกอบกับ ต้นทุนการลงทุนที่สูงขึ้น น่าจะจำกัดความเสี่ยงขาลงสำหรับราคาไก่และสุกร แม้มีโอกาสที่ราคาจะปรับลดลง 5-10% ใน 2H54 รวมถึงแรงกดดันจากซัพพลายไก่และสุกรที่จะเพิ่มสูงขึ้นใน 2H54F ตามราคาที่ปรับสูงขึ้น อย่างไรก็ตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นน่าจะช่วยชดเชยราคาที่อ่อนตัวลงได้

ปัจจุบัน CPF สนใจตลาดภายในประเทศ เนื่องจากมีอัตรากำไรที่สูงกว่าการส่งออก บริษัทมีแผนที่จะขายผลิตภัณฑ์ไปยังต่างประเทศมากขึ้นถ้าอัตราส่วนกำไรขั้น ต้นในประเทศปรับตัวลดลง

CPF กล่าวว่า บริษัทไม่เป็นห่วงเกี่ยวกับต้นทุนวัตถุดิบ โดยชี้ว่าคู่แข่งขันของบริษัทต่างเผชิญกับปัญหานี้ บริษัทกล่าวว่าต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นบางส่วนสามารถชดเชยได้โดยการปรับ ปรุงประสิทธิภาพและการกระจายความเสี่ยงไปยังตลาดระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ CPF ให้ความสนใจมากขึ้นกับธุรกิจกุ้งในปีนี้ บริษัทคาดว่าการเติบโตของธุรกิจกุ้งจะมากกว่า 15% ในปี 2554 เทียบกับการเติบโตของยอดขายไก่แค่ 5%

ผู้บริหารคาดสาขาของ CP Freshmart จะถึงจุดคุ้มทุนในปีนี้ และวางแผนที่จะเปิดมากกว่า 300 สาขาในปี 2554

อีกทั้ง บริษัทมองเห็นศักยภาพการเติบโตที่ดีในประเทศอินเดีย ประเทศรัสเซีย ประเทศลาว และประเทศไต้หวัน แต่มีมุมมองเชิงบวกน้อยลงกับการดำเนินงานในประเทศจีน

ปัจจุบัน CPF ถือหุ้น CPALL 30% บริษัทกล่าวว่าบริษัทได้กำไรจากการลงทุนจากการขายหุ้น CPALL แต่การขายหุ้นหลัก ๆ มีเหตุผลเพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี

นักลงทุนถามเกี่ยวกับการเพิ่มงบประมาณลงทุน (Capex) ของ CPF ซึ่ง CPF วางแผนที่จะใช้เงินจำนวน 40 พันล้านบาทสำหรับการลงทุนในช่วงเวลา 5 ปีข้างหน้า ด้วย 60% เป็นการลงทุนในกิจการต่างประเทศ และ 20% เป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอาหารแปรรูปในประเทศไทย

ผู้บริหารอธิบายว่า CPF มีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศหลัก ๆ เนื่องจากค่าสกุลเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่คาดว่าจะบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนมากนักสำหรับปีนี้

--อินโฟเควสท์
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#107
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 10 Months ago Karma: 0  
ซีพีเอฟส่งไก่ปแปรรูปลุยตลาดสด

ซีพีเอฟ ลุยตลาดสด ส่งไก่แปรรูปนำร่อง คาดสิ้นปีสัดส่วนการขายแตะ 30 – 40% ดันรายได้รวมอาหารแปรรูปโต 30% มูลค่า 2,000 ล้านบาท


นายสุพัฒน์ ศรีธนาธร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านการตลาด บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัทเล็งเห็นว่าช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตลาดสดขนาดใหญ่ ซึ่งมีจำนวนประมาณ 1,400 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 200 แห่ง และต่างจังหวัด 1,000 – 1,200 แห่ง เป็นช่องทางที่มีศักยภาพในการทำตลาด จึงพัฒนาเมนูไก่ป๊อป และไก่อบซอส

ซึ่งเป็นอาหารแปรรูปประเภทไก่ปรุงสุก ขนาด 250 กรัม ราคา 39 บาท และขนาด 500 กรัม ราคา 75 บาท เพื่อจำหน่ายผ่านช่องทางนี้เท่านั้น ในขณะที่ไก่ปรุงสุกที่จำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดปัจจุบันมี 13 เมนู จัดจำหน่ายในราคา 85 บาท ขนาด 300 กรัม

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวและจำหน่ายไก่ปรุงสุกอีก 5 เมนู เพื่อจัดจำหน่ายผ่านช่องทางตลาดสด ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปที่จำหน่ายผ่านช่องทางนี้มีอยู่ทั้งสิ้น 7 เมนู โดยจะส่งผลให้รายได้จากผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปซีพีเติบโตขึ้น 30% หรือคิดเป็นมูลค่า 2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากช่องทางตลาดสด 30 – 40% และรายได้ผ่านทางช่องทางโมเดิร์นเทรด 60 – 70% จากปีที่ผ่านมามีสัดส่วน 100% จากช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ และร้านสะดวกซื้อ เซเว่น-อีเลเว่น ประมาณ 8,000 – 9,000 แห่งทั่วประเทศ

“หากการจำหน่ายไก่ปรุงสุกผ่านช่องทางตลาดสด ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค มียอดขายเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า บริษัทจะพัฒนาอาหารแปรรูปประเภทหมูปรุงสุก กุ้งปรุงสุก และปลาปรุงสุก เข้าไปวางจำหน่าย เพิ่มเติม แต่จะคงสัดส่วนรายได้ผ่านช่องทางนี้ไว้ที่ 30 – 40%” นายสุพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับภาพรวมรายได้ของบริษัทในช่วง 4 เดือนแรกที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตแล้ว 25% มากกว่าเป้าที่วางไว้ 20% จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ โดยเป้าหมายในการดำเนินงานปีนี้ ตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 32% คิดเป็นมูลค่า 6,000 ล้านบาท แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทไส้กรอก 4,000 ล้านบาท ซึ่งยังแบ่งเป็นแบรนด์ ซีพี 3,000 ล้านบาท แบรนด์บีเคพี 1,000 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป 2,000 ล้านบาท

ปัจจุบันตลาดอาหารพร้อมรับประทาน หรือ เรดดี้ มิลล์ มีมูลค่า 4,000 – 5,000 ล้านบาท บริษัทมีส่วนแบ่งในตลาดดังกล่าว 23% คาดว่าสิ้นปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ซึ่งในตลาดดังกล่าวยังแบ่งเป็นอาหารประเภทไก่ปรุงสุกมูลค่า 1,000 ล้านบาท ซีพี มีส่วนแบ่งในตลาดดังกล่าว 65% คาดว่าจากการขยายตลาดผ่านช่องทางตลาดสดจะผลักดันให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น เป็น 67%
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#108
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 10 Months ago Karma: 0  
“ธนินท์” ตอกย้ำทฤษฎี 2 สูง vs “สมคิด” ชูยุทธศาสตร์ “อาหาร-พลังงาน”

“เจ้าสัวซีพี" มองพื้นฐานเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มเติบโตหากการเมืองนิ่ง พร้อมย้ำทฤษฎี 2 สูง ปล่อยราคาสินค้าไปตามกลไกตลาด และเพิ่มรายได้ พร้อมแนะรัฐบาลชุดใหม่นำเงินทุนสำรองลงทุนในประเทศ แทนการออก-ซื้อพันธบัตร เหตุทำประเทศขาดทุน ด้าน "สมคิด" แนะรัฐบาลใหม่วางยุทธศาสตร์ "อาหาร-พลังงาน" ให้ชัดเจน หลังแนวโน้มราคาสูงขึ้น ย้ำต้องลงลึกถึงขั้นตอนการผลิต และใช้เทคโนโลยีเพิ่มศักยภาพ

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี พี) กล่าวในงานสัมมนา “Thailand Lecture 3rd "WISDOM for change" ในหัวข้อ “บริบทใหม่ทางธุรกิจการค้า” จัดโดย สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โดยมองว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีความแข็งแกร่งมาก และมีแนวโน้มจะเติบโตได้มากในเวทีโลกภายใต้เงื่อนไขการเมืองนิ่ง


ขณะเดียวกัน ผู้นำประเทศควรมีวิสัยทัศน์และมีเป้าหมายบริหารงานที่ชัดเจน เช่น กล้าตัดสินใจนำทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ ซึ่งประเทศไทยมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมากเป็นอันดับที่ 13 ของโลก มูลค่า 2.08 แสนล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 6 ล้านล้านบาท มาใช้ประโยชน์ทางการค้าการลงทุน

เช่น การลงทุนระบบชลประทาน การวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ และให้ผลตอบแทนประเทศในระยะยาว จะเป็นประโยชน์มากกว่าการออกพันธบัตรในประเทศดอกเบี้ย 3% หรือการซื้อพันธบัตรในต่างประเทศ ดอกเบี้ย 1% เพราะทำให้ประเทศขาดทุน โดยทั้งสองวิธีสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการดูแลปริมาณเงินในประเทศ และช่วยดูแลอัตราเงินเฟ้อได้

"ประเทศไทยควรนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาวิจัยโดย เฉพาะด้านเกษตรกรรม เพื่อสร้างศักยภาพให้กับประเทศไทย เพราะที่ผ่านมาเงินลงทุนต่างชาติต่างไหลเข้าเพื่อหาแหล่งลงทุนที่สร้าง ประโยชน์และเม็ดเงินส่วนใหญ่เข้าสู่ประเทศแถบเอเชีย" นายธนินท์ กล่าว

นอกจากนี้ การพัฒนาธุรกิจที่มีศักยภาพ เช่น การท่องเที่ยว ด้วยการออกไปศึกษาวิจัยประเทศที่ประสบผลสำเร็จในการสร้างรายได้จากการท่อง เที่ยว เพื่อดึงนักท่องเที่ยวที่มีรายได้สูง เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย โดยเพียงดึงคนรวยกลุ่มดังกล่าว 10% มาเที่ยวประเทศไทยก็สามารถฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวได้อย่างมาก และทำให้ธุรกิจต่อเนื่องทั้งร้านอาหาร โรงแรม สินค้าโอท็อป มีรายได้สูงขึ้นตามไปด้วย

“รัฐบาลควรมุ่งเน้นสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นจุดเด่นของ ประเทศ เน้นประเทศที่มีกำลังซื้อสูง อย่างอินเดีย และจีน แต่ทุกวันนี้เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงพากันไปท่องเที่ยวใน ประเทศเพื่อนบ้านแทนอาทิ สิงคโปร์ ฮ่องกง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าเสถียรภาพการเมืองเราไม่แข็งแกร่ง สถานการณ์การเมืองมีความรุนแรงจึงส่งผลต่อการท่องเที่ยวไทย” นายธนินท์ กล่าว

ด้านสินค้าเกษตรของไทยมีศักยภาพอย่างมากสามารถส่งออกอันดับ 1 ของโลกได้ ทั้งยางพารา ข้าว กุ้ง ส่วนอ้อยส่งออกอันดับ 2 แต่เกษตรกรผู้ผลิตสินค้าดังกล่าวกลับยากจน จึงต้องเข้าไปดูแลให้กลุ่มดังกล่าวสามารถมีรายได้ออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศ เหมือนเกษตรกรในเกาหลี ญี่ปุ่น โดยรัฐบาลควรหาทางสร้างรายได้ให้เกษตรกร เพิ่มรายได้ข้าราชการ เพื่อให้มีรายได้สูง ขณะที่มหาวิทยาลัยควรผลิตบัณฑิตออกมาให้ตรงกับตลาดแรงงาน

นายธนินท์ กล่าวว่า ความสำคัญในการบริหารเศรษฐกิจตามทฤษฎี 2 สูงนั้น รัฐบาลจะต้องยอมปล่อยให้ราคาสินค้าบางชนิดเป็นไปตามกลไกตลาด เพราะราคาน้ำมันมีแนวโน้มสูงขึ้น ราคาสินค้าย่อมสูงขึ้นไปด้วย หากใช้วิธีกดราคาก็จะควบคุมได้ไม่นาน ดังนั้น จึงต้องปล่อยให้ราคาสินค้าสูง ราคาสินค้าเกษตรสูง เกษตรกรมีรายได้ พร้อมหาแนวทางเพิ่มรายได้แรงงานและข้าราชการ เศรษฐกิจตามทฤษฎี 2 สูงก็จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไป

"ผมย้ำว่าต้องใช้สองสูง ให้คนไทยมีรายได้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่แท้จริง โดยดูจากราคาน้ำมันเป็นหลัก และภาครัฐไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเงินเฟ้อจนเกินไป เพราะทิศทางราคาสินค้าโดยเฉพาะสินค้าเกษตรนับจากนี้จะมีราคาสูงขึ้น แต่เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 20 เท่าจากเมื่อ 30 ปีก่อน พบว่าราคาสินค้าเกษตรของไทย และรายได้ข้าราชการมีอัตราขยายตัวไม่เท่ากัน ซึ่งรัฐบาลต้องดูแลให้รายได้สอดคล้องกับราคาสินค้าเกษตร” นายธนินท์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เชื่อว่าสินค้าเกษตรและพลังงานจะมีการปรับตัวสูงขึ้นอีก เนื่องจากปัญหาการขาดแคลน หลังจากความต้องการของประชากรเพิ่มสูงขึ้น ทั้งความต้องการบริโภคและการใช้พลังงานทดแทน จึงเป็นโอกาสของประเทศที่จะหันไปพัฒนาระบบการเกษตร เพราะไทยจัดเป็นประเทศที่เกษตรกรเก่งเป็นอันดับต้นๆ ของโลก จึงอยากให้รัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านทรัพยากรธรรมชาติผ่านนวัต กรรมเทคโนโลยี โดยประเทศไทยมีทรัพยากรทางด้านยาง, ข้าว และ กุ้งดีที่สุด ขณะเดียวกันยังมีพืชพลังงานที่ดีที่สุด อาทิ ปาล์ม อ้อย มันสำปะหลัง

นายธนินท์ กล่าวว่า พรรคการเมืองต่างๆ ที่ออกนโยบายเพื่อเรียกคะแนนเสียงต้องระบุให้ชัดเจนว่าสามารถทำได้ และแนะว่าจะหาช่องทางนำรายได้จากที่ใดมารองรับโครงการต่างๆ โดยรัฐบาลควรดึงผู้มีความรู้ความสามารถทั้งนักวิชาการ เอกชน ที่มีจำนวนมากไปช่วยงาน เพราะเชื่อว่าประเทศจะหาทางออกได้ โดยการเมืองต้องอย่าทำเพื่อการเมือง การเมืองต้องทำเพื่อประเทศชาติ

“ในส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้มีทิศทางที่ดี เพราะพรรคการเมืองแข่งขันกันด้านนโยบาย ซึ่งการหาเสียงต้องขึ้นกับเงื่อนไขว่าปฏิบัติได้จริงตามนโยบายหรือไม่ หากดำเนินการไม่ได้ ประชาชนจะไม่เลือกพรรคการเมืองนั้นๆ อีก” นายธนินท์ กล่าว

ขณะเดียวกัน อยากแนะนำรัฐบาลชุดใหม่เอาแบบอย่างประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันประเทศดังกล่าวถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องราคาสินค้าเกษตรสูง แต่ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อของประชากร เนื่องจากประชากรต่อคนมีสัดส่วนการซื้อสินค้าเพื่อบริโภคเพียง 10-11% ต่อรายได้ 1 เดือน และมีสัดส่วนการใช้เงินเพียง 15% เป็นค่าเดินทาง ทำให้อีก 60% ที่เหลือเป็นเงินเก็บ สวนทางกับประเทศไทยที่ประชากรต่อคนมีการใช้เงินเพื่อบริโภคสูงถึง 60%

ด้านนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "นโยบาย เศรษฐกิจ เข็มทิศประเทศไทย" ว่า อยากเห็นการเลือกตั้งครั้งนี้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงประเทศ หลังจากการพัฒนาของไทยหยุดชะงักมา 4-5 ปี โดยนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ ควรเน้นการพัฒนามากกว่าเอาใจประชาชน และต้องรู้ว่าประเทศต้องการสิ่งใด ไม่ใช่แค่จัดการเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนรัฐบาล แต่ควรให้นำมาซึ่งนโยบายที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และเติบโตอย่างกระจายตัวในทุกชนชั้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันราคาอาหารและพลังงานมีแนวโน้มสูงขึ้น รัฐบาลใหม่ควรกำหนดยุทธศาสตร์สองเรื่องนี้ให้ชัดเจน เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุดขณะนี้ เพราะไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมอยู่แล้ว แต่วิธีการทำงานที่ผ่านมาใช้ไม่ได้ การกำหนดเพียงการประกันรายได้หรือรับจำนำคงไม่เพียงพอ ต้องเป็นนโยบายที่ลงลึกไปถึงเรื่องการผลิต การตลาด และการนำเทคโนโลยีมาเพิ่มศักยภาพผลผลิต

"การเมืองแบบศรีธนญชัยไม่เอาแล้ว ต้องเป็นการเมืองแบบรัฐบุรุษ ทำเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง นโยบายที่แต่ละพรรคการเมืองกำหนดมา ควรเป็นนโยบายที่ทำได้จริง ไม่ใช่เอาใจประชาชน หรือใช้ความไม่รู้ของประชาชนให้เป็นประโยชน์" นายสมคิด กล่าว
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#109
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 10 Months ago Karma: 0  
CPF-TUF สดใส ข่าวดีบาทอ่อน ราคาต่ำพื้นฐาน

หุ้นส่งออกอาหารรับข่าวดี ค่าเงินบาทอ่อนหนุน โบรกฯเชียร์ซื้อลงทุน CPF เป้า 32 บาท GFPT เป้า 13 บาท และ TUF เป้า 51 บาท “ธีรพงศ์” ระบุค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลง จัดเป็นแนวโน้มที่ดีต่อธุรกิจการส่งออก พร้อมเป้าหมายได้รายได้รูปเงินดอลลาร์เติบโต 30-40%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (13 มิ.ย.) อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง โดยอยู่ที่ระดับ 30.46 บาท ก็น่าจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มส่งออก อย่างธุรกิจอาหาร เช่น บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUF และบริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มอาหารมีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตตามราคาที่ปรับตัวขึ้น โดยในไตรมาส 2/54 CPF น่าจะมีกำไรสุทธิ 4,000-5,000 ล้านบาท ส่วน GFPT ได้รับผลดีจากราคาไก่ที่ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางไตรมาส และ TUF ที่น่าจะมีแนวโน้มผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น จากการเข้าลงทุนใน MWB

ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มอาหารจัดเป็นหุ้นที่น่าสนใจในการลงทุน เนื่องจากผลประกอบการในไตรมาส 2/54 มีทิศทางที่เติบโต และเพื่อรับเงินปันผล ซึ่งจากการคาดการณ์กำไรสำหรับปี 2554 ของ CPF ที่ประมาณ 16,000 ล้านบาท เติบโต 18% จากปีก่อน ส่วน TUF น่าจะอยู่ที่ประมาณ 4,100 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อน และ GFPT ประเมินรายได้ไว้ประมาณ 13,000 ล้านบาท เติบโต 17-18% จากปีก่อน

ดังนั้น จากทิศทางผลประกอบการที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มธุรกิจส่งออก อาหาร ทั้งไตรมาส 2/54 และภาพรวมทั้งปี 2554 จึงแนะนำ “ซื้อลงทุน” โดยประเมินราคาเป้าหมาย CPF ไว้ที่ 32 บาท, GFPT ที่ 13 บาท และ TUF ที่ 51 บาท

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TUF กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2/54 มีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 1/54 ทั้งในด้านของรายได้และกำไร เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนของการเข้าลงทุน MWB

ส่วนกรณีค่าเงินบาทที่เริ่มอ่อนค่าลง จัดเป็นแนวโน้มที่ดีต่อธุรกิจการส่งออก โดยปีนี้เชื่อว่าอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินจะมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับบริษัทมีการป้องกันความเสี่ยงจากการส่งออกตั้งแต่อัตราค่าเงินบาทอยู่ ที่ระดับ 29 บาท

นายธีรพงศ์ กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของบริษัทมีทิศทางเติบโตตามเป้าหมาย โดยปีนี้ทั้งปีบริษัทตั้งเป้าหมายได้รายได้ในรูปเงินดอลลาร์เติบโต 30-40% ตามการเติบโตของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการปรับราคาสินค้า ตามราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

“แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/54 ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของรายได้และกำไร เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนของการลงทุน MWB ขณะที่ทั้งปี บริษัทตั้งเป้ารายได้ในรูปเงินดอลลาร์เติบโต 30-40% จากปีก่อน ตามภาวะตลาด” นายธีรพงศ์ กล่าว
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#110
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 10 Months ago Karma: 0  
CPF ตุรกี รับรางวัล EU QUALITY AWARDS 2011

มร.ฟารี อุสตาโอกลู (Mr.Fahri Ustaoglu) ประธาน WORLD CONSUMER ACADEMY มอบรางวัลและใบประกาศนียบัตร “EU QUALITY AWARDS 2011” หรือ รางวัลคุณภาพยอดเยี่ยมในสหภาพยุโรป แก่ ซีพีเอฟ ประเทศตุรกี ที่มีกระบวนการผลตสินค้า รวมถึงการให้บริการ เป็นไปตามมาตรฐานที่สหภาพยุโรปกำหนด โดยมี นายเกษม จารุสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ ซีพีเอฟตุรกี เป็นผู้แทนรับมอบ ณ เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อเร็วๆนี้

ที่มา : cpfworldwide
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#111
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 10 Months ago Karma: 0  
CPF ปลื้มพลังงานแสงอาทิตย์

CPF ประสบความสำเร็จโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบผสมผสาน อีกหนึ่งพลังงานสะอาด ช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ 432 ตันคาร์บอนต่อปี และลดการนำเข้าน้ำมันเตา 146,283 ลิตรต่อปี คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่าปีละ 2.7 ล้านบาท

นายศุภชัย อังศุภากร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ล่าสุด ได้ริเริ่ม “โครงการผลิตน้ำร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบผสมผสาน” ซึ่งใช้ความร้อนจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Collector) และความร้อนจากชุดแลกเปลี่ยนความร้อน (Economizer) มาผสมผสานการทำงานกัน เพื่อทดแทนการใช้น้ำมันเตาในการผลิตน้ำร้อนป้อนเข้าหม้อไอน้ำ โดยนำร่องที่โรงงานแปรรูปเนื้อไก่มีนบุรีเป็นแห่งแรก

“โครงการผลิตน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์แบบผสมผสานนี้ เกิดขึ้นจากความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมที่ CPF ให้ความสำคัญเสมอมา โครงการนี้จะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่บรรยากาศได้ปีละ 432 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ และยังช่วยลดการนำเข้าน้ำมันเตา 146,283 ลิตรต่อปี คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่าปีละ 2.7 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นอีกโครงการหนึ่งในการช่วยลดภาวะโลกร้อนที่ CPF ประสบความสำเร็จ และคาดว่าจะดำเนินการขยายผลไปยังโรงงานอื่นๆ ต่อไป” นายศุภชัย กล่าว

ทั้งนี้ โรงงานแปรรูปเนื้อไก่มีนบุรีของ CPF ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทตัวแทนของประเทศไทยในการเข้าร่วมโครงการ บัญชีบริหารสิ่งแวดล้อม (Environments Management Accounting : EMA) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยวิธีนำข้อมูลทางด้านบัญชีมาวิเคราะห์ขบวนการ เพื่อหาจุด Hot Spot หรือจุดที่มีการใช้พลังงานสูง แล้วนำมาจัดทำโครงการเพื่อลดการใช้พลังงานต่างๆ ภายในบริษัทต่อไป

ซึ่งนับเป็นวิธีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศแถบยุโรป โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนจากมหาวิทยาลัย Luenburg ประเทศ Germany เข้ามาเป็นที่ปรึกษาโครงการ ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมันผ่านทาง Asian Society For Environmental Protection (ASEP)

สำหรับ “โครงการผลิตน้ำร้อนพลังงานแสงอาทิตย์แบบผสมผสาน” เป็นโครงการอนุรักษ์พลังงานที่เกิดจากการนำแสงอาทิตย์ที่เป็นพลังงานสะอาดมา ใช้ประโยชน์สำหรับการผลิตน้ำร้อนโดยใช้เทคโนโลยี Solar Collector ร่วมกับชุดแลกเปลี่ยนความร้อน (Economizer) โดยการนำน้ำอุณหภูมิปกติ (30 องศาเซลเซียส) มาทำให้ร้อนขึ้นเป็น 60 องศาเซลเซียส ด้วยวิธีแลกเปลี่ยนความร้อนจากแสงอาทิตย์ ผ่านชุด Solar Collector จำนวน 195 แผง มีพื้นที่ในการรับแสง 2.56 ตารางเมตรต่อแผง คิดเป็นพื้นที่รับแสงรวม 499.2 ตารางเมตร จะทำให้ได้น้ำร้อนที่ผลิตจากชุด Solar Collector ประมาณ 20,000,000 ลิตรต่อปี

นายศุภชัย กล่าวว่า ภายใต้แนวคิด “การใช้พลังงานจากของเสีย” จากที่ปรึกษาโครงการ EMA จึงนำน้ำร้อนที่ได้จากชุดแลกเปลี่ยนความร้อน (Economizer) จากปล่องไอเสียของหม้อไอน้ำที่อุณหภูมิ 210 องศาเซลเซียส แลกเปลี่ยนกับน้ำที่อุณหภูมิปกติ (30 องศาเซลเซียส) ให้สูงขึ้นเป็น 60 องศาเซลเซียส นั้น สามารถผลิตน้ำร้อนได้ 10,000,000 ลิตรต่อปี รวมปริมาณน้ำร้อนที่ผลิตได้ทั้ง 2 ระบบ คิดเป็น 30,000,000 ลิตรต่อปี

โดยปริมาณน้ำร้อนทั้งหมดนี้จะนำไปใช้เป็นน้ำป้อนเข้าหม้อไอน้ำในกระบวน การผลิต โครงการนี้สามารถลดการใช้น้ำมันเตาที่เคยใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไอน้ำ ได้ 146,283 ลิตรต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 432 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี หรือเทียบเท่าการปลูกป่า 2.4 ไร่ โดยโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนเงินลงทุนส่วนหนึ่ง จากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน

ทั้งนี้ CPF เป็นผู้นำธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ที่ให้ความสำคัญกับกระบวนการผลิตอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด และยังคงเดินหน้าคิดค้นและสรรหาพลังงานทดแทน ภายใต้กลไกการพัฒนาที่สะอาด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดภาวะโลกร้อนอย่างต่อเนื่องต่อไป

ที่มา : ข่าวหุ้น
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#115
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 9 Months ago Karma: 0  
ซีพีเอฟหนุนเต็มที่ เครื่องมือคำนวณ คาร์บอร์ฟุตพริ้นท์

นางสาวกุหลาบ กิมศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ CPF เปิดเผยว่า ซีพีเอฟเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารที่ให้ความสำคัญต่อสิ่งแวด ล้อมและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ให้ความร่วมมือกับโครงการวิจัยเรื่อง “FOODprint®-เครื่องมือคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ สำหรับผลิตภัณฑ์เกษตรและอาหาร” เพื่อสนับสนุนการสร้างเครื่องมือคำนวณปริมาณคาร์บอนในอุตสาหกรรมเกษตรและ อาหารของประเทศไทย

โครงการดังกล่าวดำเนินการโดยศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกลยุทธ์ธุรกิจที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สถาบันอาหาร และองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก(องค์การมหาชน) โดยได้รับทุนสนับสนุนหลักจากสหภาพยุโรป

“CPF ดำเนินการเรื่องคาร์บอนฟุตพริ้นท์มาอย่างต่อเนื่อง จึงยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ โครงการสาธิตนี้เพื่อเป็นต้นแบบในการดำเนินโครงการ และเพื่อสนับสนุนให้เกิดเครื่องคำนวณที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนา และยกระดับอุตสาหกรรมอาหารของประเทศไทย อันจะนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารในตลาดโลก โดยการเข้าร่วมโครงการสาธิตนี้ CPF จะดำเนินการสาธิตผลิตภัณฑ์ 3 ประเภท ได้แก่ กุ้งต้มสุกทั้งตัว เป็ดตัวตัดแต่งและไข่ไก่เบอร์ 2 แพ็ก 10 ฟอง”

สำหรับ CPF นับเป็นผู้ผลิตเนื้อไก่รายแรกของโลกที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ โดยจัดเริ่มทำฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์เป็นครั้งแรกในปี 2551 ด้วยผลิตภัณฑ์อาหารชิกเก้นสแนค (Chicken Snack) ที่ส่งออกไปยังประเทศอังกฤษ ต่อมาในปี 2552 ได้เข้าร่วมโครงการส่งเสริมการใช้ฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์กับองค์การบริหาร จัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) และได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์ คือ ไก่สด ไก่ย่างเทอริยากิ และขนมขบเคี้ยวสำหรับสุนัข (Jerhigh Chicken Stick) โดยซีพีเอฟยังคงดำเนินการด้านคาร์บอนฟุตพริ้นท์อย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันซีพีเอฟได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์แล้วถึง 40 รายการ
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#116
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 9 Months ago Karma: 0  
CPF คว้า 54 รางวัล ตอกย้ำภาพลักษณ์

CPF คว้ารางวัล “สถานประกอบกิจการดีเด่น ด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมการทำงาน” และรางวัล “เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่นระดับประเทศ” ประจำปี 2554 ถึง 54 รางวัล
นายวีรชัย รัตนบานชื่น รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ในฐานะประธานคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า บริษัทสามารถคว้ารางวัล “สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน” และรางวัล “เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) ดีเด่นระดับประเทศ” ประจำปี 2554 ได้ถึง 54 รางวัล

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนโยบายและระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม หรือ CPF SHE Management System ของบริษัทที่คำนึงถึงหลักปฏิบัติด้านความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยเป็นสำคัญ ตลอดจนมีการติดตามและรายงานผลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ CPF ได้รับรางวัลเป็นประจำทุกปี

โดยในปีนี้มีโรงงานของ CPF ถึง 5 แห่งที่ได้รับรางวัลติดต่อกันตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ได้แก่ 1.บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อุตสาหกรรม จำกัด เป็นโรงงานพิษณุโลก จ. พิษณุโลก 2.บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อีสาน จำกัด (มหาชน) เป็นโรงงานโคกกรวด จ.นครราชสีมา 3.บริษัท กรุงเทพผลิตผลอุตสาหกรรมการเกษตร จำกัด (มหาชน) เป็นโรงงานลำพูน จ.ลำพูน และ 4.บริษัท บี.พี.อาหารสัตว์ จำกัด จ.สระบุรี และ 5.บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) เป็นโรงงานอาหารสัตว์น้ำบ้านพรุ จ.สงขลา

ขณะที่รางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่นระดับประเทศในปีนี้ เป็นของ CPF ถึง 4 รางวัล จากทั้งประเทศที่มีเพียง 7 รางวัล ได้แก่ นายยศวัฒน์ บวรธนกิจไพศาล จากโรงงานอาหารสัตว์ปักธงชัย นายเชลง งามสม จากโรงงานอาหารสัตว์ พิษณุโลก นางสาวจุฑาทิพย์ ขรรค์ชัยศักดิ์ จากโรงงานอาหารแปรรูปสัตว์น้ำ มหาชัย และ นายชุติพนธ์ อุปการ จากโรงงานอาหารสัตว์น้ำบ้านพรุ ซึ่งโรงงานอาหารสัตว์น้ำบ้านพรุนี้ นับเป็นหน่วยงานที่ได้รางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานดีเด่นระดับ ประเทศติดต่อกันถึง 3 คน ตั้งแต่ปี 2549 ถึงปัจจุบัน

“ปีนี้เป็นอีกหนึ่งปีที่ CPF ประสบความสำเร็จ การที่ได้รับรางวัลอย่างต่อเนื่องทุกปี เป็นสิ่งยืนยันได้ว่า บริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดีต่อพนักงาน ที่ไม่เพียงส่งผลดีต่อพนักงานหรือบุคลากรในด้านขวัญและกำลังใจในการทำงาน และทำให้การทำงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังส่งผลเป็นลูกโซ่ไปยังกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพทั้งต่อระบบการผลิตและ ผลิตภัณฑ์ ท้ายสุดแล้วเมื่อผลิตสินค้าได้คุณภาพดี ก็จะย้อนกลับมาสู่ผู้บริโภคที่จะได้บริโภคสินค้าที่ดีมีคุณภาพ”

ทั้งนี้ โรงงานทุกแห่งของ CPF ต้องผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิตในระดับสากล อาทิ GMP, HACCP, ISO 9001, IFS, BRC Global Standard-Food, HALAL, ISO 14001-Environment Management System, Social Accountability (SA 8000), รวมถึง Thai Labor Standard (มาตรฐานแรงงานไทย-มรท), OHSAS 18001 (Occupational Health and Safety System) หรือ ACC (Aquaculture Facility Certification) และทุกแห่งจะปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัด
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#123
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 8 Months ago Karma: 0  
ซีพีเอฟอานิสงส์เอดี คาดส่งออกกุ้งทั้งปีเติบโตฉลุย

นายพิสิฐ โอมพรนุวัฒน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ สายธุรกิจการค้าต่างประเทศ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า จากผลการทบทวนอัตราภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-dumping หรือ AD) สินค้ากุ้งแช่แข็งของประเทศสหรัฐอเมริกา ประจำปีครั้งที่ 5 (POR 5) โดยมีอัตราภาษีเฉลี่ยอยู่ที่ 0.41 – 0.73% ลดลงจากเดิมที่มีอัตรา 1.11 – 4.39% ว่าจะส่งผลดีโดยรวมต่อประเทศ เนื่องจากเป็นตลาดส่งออกกุ้งอันดับ 1 ของไทย โดยสินค้ากุ้งกว่าร้อยละ 46 ในปี 2553 ที่ไทยผลิตถูกส่งไปขายในตลาดนี้ อัตราภาษีที่ลดลงข้างต้นจึงช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกุ้งแช่แข็งไทยในตลาด หรัฐฯ สำหรับซีพีเอฟ ซึ่งเป็นผู้นำการส่งออกในอุตสาหกรรมกุ้ง ก็จะได้รับประโยชน์จากอัตราภาษีที่ลดลงนี้ด้วย โดยในภาพรวมการส่งออกกุ้งของปีนี้คาดว่าจะสามารถส่งออกกุ้งไปสหรัฐอเมริกาฯเพิ่มขึ้นประ าณ 35% จากปริมาณการส่งออกในปีที่ผ่านมา (2553)

นายพิสิฐ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตลาดสหรัฐฯยอมรับในคุณภาพและมาตรฐานการผลิตกุ้งของไทย และจากผลการทบทวนอัตราภาษีเอดีที่ลดลง ก็นับเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสินค้าส่งออกกุ้งไทยไม่ได้มีการทุ่มตลาดในสหรัฐฯแต่อ ่างใด โดยในปี 2553 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกกุ้งโดยรวมทั้งอุตสาหกรรมที่ปริมาณ 407,000 ตัน คิดเป็นมูลค่า 100,400 ล้านบาท ในส่วนของซีพีเอฟมีสัดส่วนส่งออกกุ้งในปีดังกล่าวอยู่ที่ 50,000 ตัน และคาดว่าจะสามารถส่งออกได้เพิ่มขึ้นเป็น 60,000 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนเพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ร้อยละ 20 ในปีนี้ (2554) โดยคาดการจะมีสัดส่วนส่งออกที่เพิ่มขึ้นโดดเด่นในตลาดหลักคือ สหรัฐฯ ที่ 35% ส่วนยุโรป ญี่ปุ่น และออสเตรเลียที่ 15-25%

ทั้งนี้ จากปริมาณการส่งออกของประเทศไทยข้างต้นส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯที่ 45% และในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย. 2554) ส่งออกที่ 58,970 ตัน คิดเป็นมูลค่าการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้น คือจาก 14,224 ล้านบาท เป็น 16,123 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน สามารถสร้างมูลค่าราคาที่สูงขึ้นได้ในตลาด ส่งผลให้ยอดส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐฯ สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนของซีพีเอฟได้ดำเนินกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ โดยยึดหลักของอาหารปลอดภัย (Food safety) และการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางที่ดำเนินธุรกิจกุ้งครบวงจร จึงนับเป็นผลดีต่อการเติบโตของยอดขายอาหารกุ้ง และการผลิตลูกกุ้งตามไปด้วย

สำหรับ อัตราภาษีเอดีที่ไทยได้รับปัจจุบันเฉลี่ยที่ 0.73% เป็นอัตราที่ต่ำกว่าคู่แข่งสำคัญ อย่างประเทศจีน ที่ถูกเรียกเก็บอัตราร้อยละ 112.8 อินเดีย ที่อัตราร้อยละ 1.69 และเวียดนาม ซึ่งถูกเรียกเก็บที่ 1.52%
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#124
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 7 Months ago Karma: 0  
CPF กำไรQ3 ทำนิวไฮ เป้าราคาเกิน 36 บาท : รายได้ต่างประเทศทะลัก ดันปีนี้ยอดขาย 2.2 แสนล้าน

CPF เชื่อไตรมาส 3/54 แนวโน้มดีกว่าไตรมาสก่อน เนื่องจากธุรกิจในต่างประเทศเติบโตดี โดยเฉพาะอินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม “อดิเรก” ยันเป้ายอดขายปีนี้ 2.2 แสนล้านบาท ด้านโบรกฯคาดกำไรไตรมาส 3/54 ทำสถิติใหม่ หลังราคาเนื้อสัตว์สูง พร้อมปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 36 บาท

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่าโดยภาพรวมแนวโน้มไตรมาส 3/54 น่าจะดีกว่าไตรมาส 2/54 เนื่องจากธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่อินเดีย มาเลเซีย และเวียดนาม มีการเจริญเติบโตดี ส่วนราคาเนื้อสัตว์ยังทรงตัวอยู่ในระดับเช่นเดียวกับไตรมาส 2/54

อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายไว้ประมาณ 220,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 12% จากปีก่อนที่ประมาณ 195,000 ล้านบาท ขณะที่ก่อนหน้านี้ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น รวมถึงการที่บริษัทขยายธุรกิจต่างประเทศ และมุ่งในธุรกิจอาหาร ทำให้เกิดการเติบโตและสร้างกำไรอย่างสม่ำเสมอ

บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า CPF ในไตรมาส 3/54 น่าจะมีกำไรทำสถิติใหม่อีกครั้ง จากราคาเนื้อสัตว์ในประเทศโดยเฉพาะหมูคาดว่าจะยังอยู่ในระดับที่สูง แม้ว่ากระทรวง พาณิชย์จะมีมาตรการใดๆ ออกมาแต่พบว่าราคาไม่ลดลงเนื่องจากอากาศที่แปรปรวนยัง เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเลี้ยง ขณะที่ราคาไก่เริ่มปรับขึ้นมาอีกครั้งคาดว่าเป็นผลจากการหันมาบริโภคแทนหมู จากราคาที่สูง

สำหรับราคาวัตถุดิบแม้ว่าแนวโน้มราคากากถั่วเหลืองจะ เพิ่มขึ้นประมาณ 10% แต่จะใช้เพียง 25% ของต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์บก ขณะที่แนวโน้มราคาข้าวโพดจะลดลงประมาณ 10% เนื่องจากช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม จะเป็นช่วงผลผลิตออก โดยใช้ ข้าวโพดประมาณ 75% ของต้นทุนการผลิตอาหารสัตว์บก โดยอาหารสัตว์บกคิดเป็น 15% ของยอดขายรวม

และหากพิจารณาการขายในครึ่งปีหลังซึ่งเป็นฤดูการขายจะทำให้ปริมาณขายทั้ง อาหารสัตว์และการส่งออกมากขึ้น ขณะเดียวกันคาดว่าการดำเนินงานในต่างประเทศจะฟื้นตัวโดยเฉพาะที่ตุรกี รวมถึงประเทศอื่นๆ เช่น ลาวและอินเดีย ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้กำไรไตรมาส 3 ทำสถิติใหม่

โดยเป้าหมายสำคัญที่จะสนับสนุนการเติบโตในอนาคตจะมาจาก 1.ขยายการลงทุนในต่างประเทศ และ 2.เพิ่มน้ำหนักในกลุ่มอาหารมากขึ้น สำหรับการขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีศักยภาพการบริโภคสูง คาดว่าอินเดีย, รัสเซีย และฟิลิปปินส์ จะเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงจากจำนวนประชากรที่มาก

ทั้งนี้ ล่าสุดได้ลงทุนในประเทศโปรตุเกส เพื่อดำเนินธุรกิจแปรรูปกุ้งและอาหารทะเล โดยCPF ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว 90% เพื่อใช้ประเทศดังกล่าวในการขยายฐานการส่งออกกุ้งแปรรูปมากขึ้น ส่วนการดำเนินงานในประเทศคาดว่าจะไม่เห็นการเติบโตมาก โดยคาดว่าปี 2557 สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มเป็น 40% จาก 26% ในปัจจุบัน ส่วนการขายในประเทศจะเหลือเพียง 45% ของยอดขายจาก 60%

ส่วนการส่งออกจะอยู่ที่ 15% จาก 14% และจะเพิ่มสัดส่วนการขายในกลุ่ม Feed, Farm และ Food ให้มีสัดส่วนเท่าๆ กันในปี 2557 จากปัจจุบันที่มีอยู่ 35%, 42% และ 23% ตามลำดับ การเพิ่มสัดส่วนในกลุ่ม Food ให้มากขึ้นเพื่อช่วยให้ผลการดำเนินงานมีเสถียรภาพมากขึ้นจากปัจจุบันที่ยัง มีความผันผวนตามราคาเนื้อสัตว์ รวมถึงยังเน้นการใช้เครื่องหมายการค้า CP

จากแนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ที่สูง ประกอบกับการเข้าสู่ฤดูขายและการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานในต่างประเทศยัง สนับสนุนต่อผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ว่าจะทำสถิติใหม่อีกครั้ง ซึ่งมองเป็นบวกต่อกลุ่มส่งออกอาหารของไทยว่าจะยังมีศักยภาพที่สูงหากเทียบ กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค อีกทั้งการเป็นผู้นำในธุรกิจที่ครบวงจรทำให้มีความได้เปรียบทั้งในการผลิต และการขายเหนือคู่แข่ง จึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก "ซื้อเก็งกำไร" เป็น "ซื้อ" ปรับราคาเหมาะสมปี 2554 เป็น 36 บาท และเพิ่มเป็น 39.50 บาทในปี 2555 อิงบนอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) 15 เท่า

สำหรับนโยบายของรัฐบาลใหม่ให้ปรับค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน และเงินเดือน 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป แม้ว่าปัจจุบันบริษัทจะจ่ายค่าแรงเกินกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว แต่คาดว่าจะทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 2% ปัจจุบันค่าแรงคิดเป็น 10% ของต้นทุนการผลิต แต่ในมุมมองที่เป็นบวกจากนโยบายดังกล่าวคือ ค่าแรงที่ เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้มีกำลังซื้อสูงขึ้นจากผู้บริโภค ขณะที่การลดภาษีคาดว่าคงไม่ส่งผลบวกต่อบริษัท เนื่องจากบริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนทำให้อัตราภาษีจ่ายต่ำกว่า เกณฑ์ที่จะได้รับ
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#125
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 7 Months ago Karma: 0  
CPF หนุนนโยบายรัฐฯ ขึ้นค่าแรง 300 บาท ทันทีหลังรัฐบาลประกาศใช้] พร้อมเดินหน้าจัดคาราวานสินค้าลดค่าครองชีพชี้ราคาหมูอ่อนตัวอีกปัจจัยช่วยประชาชน

นายอดิเรก ศรีประทักษ์กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหารบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟเปิดเผยว่า บริษัทพร้อมขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททันทีที่รัฐบาลมีการประกาศใช้นโยบายเพิ่มรายได้ดังกล่าว ขณะเดียวกัน ซีพีเอฟยังสนับสนุนการลดค่าครองชีพเพื่อช่วยคนไทยทั่วประเทศ ด้วยการจัดคาราวานสินค้า CP ยืนเคียงข้างประชาชนสู้ภัยเศรษฐกิจที่จัดขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ.2552 เป็นต้นมา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนด้านค่าครองชีพแก่ประชาชนด้วยการนำหลากหลายผลิตภัณฑ์อาหารซีพี ุณภาพดีราคาต่ำกว่าปกติเฉลี่ยที่20-30% โดยครั้งต่อไปซีพีเอฟจะจัดคาราวานสินค้าดังกล่าวที่ จ.กาญจนบุรี ในวันที่ 20-25 กันยายน และที่ จ.นครราชสีมา ในวันที่ 27-30 ตุลาคม ศกนี้ กิจกรรมดีๆ เช่นนี้จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ
นายอดิเรก กล่าวอีกว่า สำหรับราคาสุกรและไก่เนื้อที่อ่อนตัวลงในช่วงนี้นับเป็นโอกาสที่ผู้บริโภคจะได้บริโภคสิ ค้าราคาถูกลง ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยแบ่งเบาภาระผู้บริโภค ซึ่งซีพีเอฟให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง เพื่อสนับสนุนนโยบายการเพิ่มรายได้และลดภาระค่าครองชีพประชาชนอีกทางหนึ่ง.
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#126
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 7 Months ago Karma: 0  
CPF เผย 2 ย่อยเพิ่มทุนใช้ขยายการผลิตกุ้งครบวงจร – ปรับโครงสร้างเงินทุน

บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงการเพิ่มทุนของบริษัทย่อย 2 บริษัท ได้แก่ Asia Aquaculture (M) Sdn. Bhd. ซึ่งประกอบธุรกิจเพาะเลี้ยงกุ้งและแปรรูปกุ้ง ได้เพิ่มทุนจาก 50 ล้านริงกิต หรือประมาณ 510 ล้านบาท เป็น 100 ล้านริงกิต หรือประมาณ 1,020 ล้านบาท เพื่อใช้ในการโครงการลงทุนขยายกำลังการผลิตกุ้งครบวงจร ในประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ Charoen Pokphand Foods (Malaysia) Sdn. Bhd. ถือหุ้น 100%

นอกจากนี้ บริษัท ซีพี เมอร์เชนไดซิ่ง จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (CPF ถือ 99.99%) เพิ่มทุนจาก 1,850 ล้านบาท เป็น 9,000 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างเงินทุนให้เหมาะสม โดยเปลี่ยนจากการกู้ยืมจาก CPF เป็นทุน
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#127
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 6 Months ago Karma: 0  
ซีพีเอฟ คว้า 27 รางวัล มาตรฐาน CSR-DIW จากกระทรวงอุตสาหกรรม ตอกย้ำองค์กรรับผิดชอบสังคม สะท้อนความสามารถพัฒนาธุรกิจสู่ ISO 26000

นายวีรชัย รัตนบานชื่น รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม ของซีพีเอฟ เปิดเผยว่า 25 โรงงานของซีพีเอฟ ได้รับเลือกจากกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ได้รับโล่และเกียรติบัตรการปฏิบัติตามมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบ การอุตสาหกรรมต่อสังคม หรือ CSR-DIW (Corporate Social Responsibility, Department of Industrial Works) ประจำปี 2554 จำนวน 27 รางวัล

แบ่งเป็น CSR-DIW ขอใหม่เป็นปีแรก จำนวน 16 รางวัล, CSR-DIW Continuous จำนวน 9 รางวัล, CSR-DIW Network จำนวน 1 รางวัล และ CSR-DIW in Supply Chain จำนวน 1 รางวัล

นายวีรชัย กล่าวอีกว่า ซีพีเอฟเป็นผู้นำด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร ที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ภายใต้กระบวนการผลิตที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด ซึ่งถือเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมและผู้บริโภค โดยคำนึงถึงการป้องกันและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชนและผู้เกี่ยวข้อง และดำเนินธุรกิจบนหลักสามประโยชน์สู่ความยั่งยืนคือ ประเทศ ประชาชน และบริษัท นอกจากนี้ ยังมีนโยบายให้ทุกหน่วยงานนำหลัก CSR มาใช้ โดยมีพนักงานเป็นแรงขับเคลื่อนอันสำคัญ

“ความตั้งใจจริงในการดำเนินการพัฒนาระบบมาตรฐานการทำงานในทุกด้าน เพื่อให้ตรงตามเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนด ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ซีพีเอฟสามารถคว้ารางวัล CSR-DIW มาได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์องค์กรชั้นนำที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และแสดงออกถึงความสามารถในการพัฒนาธุรกิจสู่เกณฑ์มาตรฐานสากล (ISO 26000 : Social Responsibility) ที่กำลังเป็นกระแสและอยู่ในความสนใจของผู้บริโภคในปัจจุบัน

เป็นที่น่ายินดี ที่ปีนี้ซีพีเอฟโดยโรงงานแปรรูปสุกรแปดริ้ว จังหวัดฉะเชิงเทรา สามารถคว้ารางวัล CSR -DIW Supply Chain เนื่องจากสามารถเชิญชวนคู่ค้าร่วมกันดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อ สังคม โดยมีบริษัทเป็นพี่เลี้ยง (Coaching) รวมถึงรางวัล CSR แบบ Network จากโรงงานแปรรูปเนื้อไก่ จังหวัดนครราชสีมา ที่สามารถสร้างกลุ่มเครือข่ายและเชื่อมโยงผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในพื้นที่ ใกล้เคียงให้มีส่วนในการทำกิจกรรมเพื่อสังคมชุมชนร่วมกัน ทั้งสองรางวัลนี้นับเป็นการผลักดันให้ผู้ที่ได้รับรางวัล CSR-DIW ได้ร่วมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งจะกลายเป็นตัวอย่างให้กับหน่วยงานอื่นๆ ต่อไป” นายวีรชัย กล่าว
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#128
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 6 Months ago Karma: 0  
CPF ยกเลิกกิจการบริษัท “CP West” ในสหรัฐ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า บริษัทแจ้งมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ CP Foods West,Inc. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPF ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ได้อนุมัติยกเลิกการจดทะเบียนบริษัทและชำระบัญชี เนื่องจาก CP West ซึ่งดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหาร ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โอนการดำเนินธุรกิจทั้งหมดของตนไปอยู่ภายใต้การ ดำเนินงานของ C.P. Food Product,Inc. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอีกบริษัทหนึ่งที่ CPF ถือหุ้นในสัดส่วน 100% และฝ่ายบริหารของ CP West ไม่มีนโยบายที่จะดำเนินธุรกิจเชิงพาณิชย์ภายใต้บริษัทย่อยนี้อีกต่อไป การเลิกบริษัทย่อยดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของ CPF และบริษัทย่อยแต่อย่างใด
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#129
Parday (User)
Expert Boarder
Posts: 96
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 12 Years, 5 Months ago Karma: 0  
CPF ไม่ผิดหวัง กำไร 5 พันล้าน กิจการ ตปท.26%

CPF กำไรไตรมาส 3/54 มาตามนัดทะลุ 5พันล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมมั่นใจยอดขายทั้งปีทะลุ 2 แสนล้านบาท แม้ภาวะน้ำท่วมกระทบด้านการกระจายสินค้าบางพื้นที่ก็ตามและกลยุทธ์เน้นขยายกิจการต่างปร เทศ ยันเป้าหมายยืนอย่างน้อย 40% ในปี 2557

นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF กล่าวว่า บริษัทได้รายงานยอดขายไตรมาส 3/54 จำนวน 54,446 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,086 ล้านบาท ถือว่าเป็นกำไรที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ผลการดำเนินงานทั้งปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเกิน 2 แสนล้านบาท ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยในรอบ 9 เดือนนี้ ได้รายงานยอดขาย 153,420 ล้านบาท เติบโต 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 13,434 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ภาวะน้ำท่วมจะกระทบด้านการกระจายสินค้าในบางพื้นที่ก็ตาม

สำหรับยอดขายรวมนั้น กิจการในประเทศไทยที่จำหน่ายในประเทศคิดเป็น 61% กิจการส่งออกจากประเทศไทยคิดเป็น 13% และกิจการจากต่างประเทศคิดเป็น 26% โดยบริษัทยังคงกลยุทธ์ในการสร้างการเติบโตจากกิจการในต่างประเทศเป็นสำคัญ ซึ่งคงเป้าหมายที่จะผลักดันการขยายธุรกิจในต่างประเทศให้เป็นอย่างน้อย 40% ในปี 2557 ทั้งจากการเร่งขยายกิจการในประเทศต่างๆ รวมถึงอินเดีย รัสเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ตลอดจนยังมุ่งหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังประเทศใหม่ๆ ให้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน ในด้านยอดขายตามประเภทสินค้า เป็นธุรกิจอาหารสัตว์ 38% ธุรกิจฟาร์ม43% และธุรกิจอาหาร 19% ซึ่งธุรกิจอาหารโดยเฉพาะสินค้าอาหารพร้อมทานภายใต้ตราซีพีมีการเติบโตสูงสุดในอัตรา 17% จัดว่าเป็นไปตามกลยุทธ์ที่ได้วางไว้ โดยการขยายตัวของสินค้าอาหารพร้อมทานนี้เป็นผลมาจากการได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค และการเพิ่มสินค้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดตามความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม โดยการเติบโตนี้เห็นได้อย่างโดดเด่นทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะยังคงรักษาอัตราการเติบโตเช่นนี้ต่อไปในระยะ 3 ปีข้างหน้า

นายอดิเรก กล่าวว่า ส่วนภาวะน้ำท่วมครั้งนี้ นับได้ว่าเป็นวิกฤตของประเทศไทย คาดว่าความเสียหายต่อภาคเศรษฐกิจน่าจะค่อนข้างมากและต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปอีกระยะหนึ่ง ริษัทจึงมีนโยบายให้ความช่วยเหลือทั้งพนักงานของบริษัทและประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัย ย่างเต็มที่

ด้านพนักงานนั้น บริษัทได้ให้ความช่วยเหลือเริ่มต้นจากการจัดหากระสอบทราย การช่วยหาที่อยู่อาศัย สถานที่จอดรถ การให้สวัสดิการช่วยเหลือเพิ่มเติม การจัดศูนย์อพยพสำหรับพนักงาน รวมถึงการจ่ายเงินโบนัสล่วงหน้าครึ่งหนึ่งก่อนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ

ในส่วนของพื้นที่ประสบภัย บริษัทได้ให้เงินสนับสนุนความช่วยเหลือและถุงยังชีพผ่านมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ รวมถึงสำนักนายกรัฐมนตรี กองทัพบก กองทัพเรือ กระทรวงยุติธรรม สภากาชาดไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย นอกจากนี้บริษัทยังได้สนับสนุนผลิตภัณฑ์ทั้งเนื้อไก่สุก เนื้อไก่สด และไข่ไก่ให้กับมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย และได้ให้หน่วยธุรกิจจัดศูนย์อาหารตามพื้นที่ประสบภัย 14 จุด ใน 13 จังหวัดซึ่งจะจัดตั้งต่อเนื่องจนกว่าภาวะน้ำท่วมจะคลี่คลาย และได้ตั้งงบช่วยเหลือประมาณ 100 ล้านบาท

สำหรับกิจการของบริษัทซึ่งส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สิน โรงงาน ฟาร์ม ตลอดจนร้านค้าปลีก โดยรวมแล้วได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยในส่วนของร้านค้าปลีก ได้แก่ ซีพีเฟรชมาร์ท และซุ้มห้าดาว ซึ่งจุดขายได้ปิดชั่วคราวไปประมาณ 15% ส่วนฟาร์มและโรงงานหลักของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนในเรื่องการกระจายสินค้าได้รับผลกระทบบ้าง แต่มีมาตรการแก้ไขโดยการจัดส่งให้โดยตรงกับลูกค้าของบริษัท
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#36824
Teashewhaky (User)
Platinum Boarder
Posts: 436
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 10 Years, 10 Months ago Karma: 0  
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#37701
ageannolfRef (User)
Fresh Boarder
Posts: 4
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 10 Years, 10 Months ago Karma: 0  
Suffering From Erectile Dysfunction? Be freed from It Naturally • Headaches - experienced by 16 percent of those who use it viagra super active 100mg pills see a lot more Ways to Help Erectile Dysfunction
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
#62659
Aspesiabreace (User)
Fresh Boarder
Posts: 10
graphgraph
User Offline Click here to see the profile of this user
Re:CPF 10 Years, 4 Months ago Karma: 0  
Get used to your coffee to water percentage in purpose of the procedure you might be using to produce your caffeine. A Technivorm or perhaps a vacuum cooking pot will need you to use much more coffee grounds than a French hit or possibly a drip equipment. Drip models are the cheapest strategy to make caffeine but you will definitely get a much better flavor with some other strategies. Timberland Sverige
Be sure to study any online games that you wish to acquire prior to buying them. Ensure you are having the edition from the video game that works in your certain program because so many are created for several systems. Also, be on the lookout for limited and particular additions of your own chosen headline since these can be more expensive compared to the standard types. Woolrich Prezzi
An important suggestion to consider with hire property is to find the whole commitment and terms on paper. This is very important because this is your home and when something fails throughout the time period of hire, you desire just as much in writing to back you up as probable. Canada Goose Outlet
When you know before hand that you may be experiencing an anxiety producing condition, you then should prepare for it. Make sure that you have all of the things you must deal with it.Don't allow yourself to dwell on what may go improper. Enter in the condition, well prepared and confident. Parajumpers Jakke
Make sure to obtain a adequate level of sleep at night should you suffer from depression. Getting to sleep not enough or too much can effect your frame of mind and how that you believe. Make an effort to set a particular time to visit sleeping every single night and try to awaken simultaneously everyday. Tend not to technique homeschooling as a means of producing your personal courses. It is with the welfare of your own youngster which you adhere to formal rules and make sure you educate your son or daughter everything they have to know. Constantly remain purpose and make reference to established curriculum every day. Moncler Outlet
http://tourvam.com/forum/index.php?action=profile;u=69242 http://www.thesaferlist.com/board/member.php?action=profile&uid=5587 http://www.mysizedoctor.com/forum/member.php?14033-errothFrofe http://b1.com.tr/diji/forum//index.php?action=profile;u=207 http://www.taylorhicks.us/member.php?u=427977
 
Report to moderator   Logged Logged  
  The administrator has disabled public write access.
Go to top Post Reply
Powered by FireBoardget the latest posts directly to your desktop

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday11113
mod_vvisit_counterYesterday42687
mod_vvisit_counterAll days167228097

We have: 488 guests online
Your IP: 18.118.7.85
 , 
Today: Apr 17, 2024

4154080