บล.กรุงศรีอยุธยา : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 27/05/53
|
|
|
|
Thursday, 27 May 2010 10:47 |
Market Recap and Trend: คาด SET เคลื่อนไหว SIDEWAYS ตามตลาดหุ้น ต่างประเทศ SET ปรับสูงขึ้นตามที่คาดไว้ เนื่องจากการปรับสูงขึ้นของตลาดหุ้นโลก โดย ปิดตลาดปรับสูงขึ้น 1.06% ที่ 728.94 จุด ด้วย ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น 21,778 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติขายหุ้นสุทธิต่อเนื่องอีก 5,266 ล้านบาท การ ปรับลดลงของตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนที่ผ่านมาจากความกังวลต่อปัญหาหนี้ใน ยุโรป จะเป็นปัจจัยกดดัน SET อีกครั้งวันนี้ คาด SET เคลื่อนไหวในรูปแบบ Sideways หรือ Sideways Down โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวที่บริเวณ 720-732 จุด ทั้งนี้แม้ว่าตลาดหุ้น Dow Jones จะปรับสูงขึ้นในช่วงเปิดตลาด แต่หลังจากค่าเงินยูโร ที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของยุโรปอ่อนตัวลงอีกครั้ง ส่งผลให้มีแรง ขายเข้ามามากในช่วงก่อนปิดตลาด และทำให้ดัชนีหุ้น Dow Jones ปิดตลาดปรับลด ลง 0.7% ต่ำกว่าระดับ 10000 จุดเป็นครั้งแรกตั้งแต่ ก.พ.ที่ผ่านมา เราคงมองเหมือน เดิมว่า SET และตลาดหุ้นโลกยังมีความเสี่ยงจากการพักฐานระยะสั้น โดยระดับ ที่น่าสนใจเข้าสะสมหุ้นอีกครั้งอยู่ที่บริเวณ 700 จุด Investment Strategy: แนะนำถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของพอร์ต...TRADING กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้แม้ SET จะมีแนวโน้ม Rebound ต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของตลาดหุ้นโลก อย่างไรก็ตามเราแนะนำนักลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน เพียง 50% ของพอร์ตต่อเนื่อง เนื่องจากตลาดหุ้นโลกยังอยู่ในแนวโน้มการพักฐานใน ระยะกลาง โดยการปรับสูงขึ้นของ SET เป็นเพียงโอกาสในการเข้าTRADING กลุ่ม หุ้นขนาดใหญ่อย่างกลุ่มกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB, BBL, TCAP) และสื่อสาร (ADVANC) เป็นหลัก ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานจะกลับมามีโมเมนตัมที่ดีอีกครั้งหลัง จากราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น US$2.76/บาร์เรล เมื่อคืนทีผ่านมา กลับมายืนเหนือระดับ US$70/บาร์เรล อีกครั้ง อย่างไรก็ตามจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลงแรงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เราคาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะมีผลการดำเนินงานในช่วง 2Q53 ที่ไม่ดีนัก เนื่อง จากอาจมีการบันทึกขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มโรงกลั่นอย่าง TOP, IRPC และ PTTAR…สำหรับกลุ่มหุ้น Defensive, High Yield, และ Low Beta ที่น่า สนใจยังคงเป็น DCC, SPALI, MAKRO,TICON, CPALL, ADVANC, RATCH, GLOW, และ EGCO Futures Strategy: ปิดสถานะ SHORT ในกรณีที่ S50M10 ปรับสูงขึ้นเหนือ ระดับ 510 จุด (ดูรายละเอียดใน Derivatives Strategy) Recommended Portfolio: พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +0.9% ดีกว่าอัตรา ผลทอบแทน SET ที่ +0.7% (Update วันที่ 10 พ.ค. 53) พอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทน +0.9% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในขณะที่ SET มี อัตราผลตอบแทน +0.7% หรือพอร์ตจำลองมีอัตราผลตอบแทนสูงกว่า SET อยู่ 0.2% ในขณะที่ถ้าพิจารณาตั้งแต่จัดทำพอร์ตจำลอง (ก.ย. 49) มีอัตราผลตอบแทน +159% ดีกว่าตลาดที่มีอัตราผลตอบแทน +9.6% อยู่ 137% โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา CPALL เป็นหุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนดีที่สุด +4.7% ขณะที่ STANLY ปรับลดลง 1.9% ให้อัตราผลตอบแทนต่ำที่สุดในพอร์ต…สำหรับสัปดาห์นี้ถือหุ้นทั้ง 4 ตัวต่อเนื่อง จากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ STANLY (ได้รับผลดีจากหอุตสาหกรรมรถยนต์ฟื้นตัว) CPALL (การขยายสาขา และเพิ่มกำไรขั้นต้นส่งผลดีต่อผลการดำเนินงาน) TUF (คาด ผลการดำเนินงานขยายตัวดีต่อเนื่องในปี 2010) TICON (ให้อัตราผลตอบแทนจาก เงินปันผลสูง ธุรกิจโรงงานให้เช่าฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ) และเพิ่ม TCAP เข้ามา ในพอร์ต โดยคาดว่า TCAP จะมีโอกาสในการเติบโตสูงหลังจากควบรวมกิจการกับ SCIB
|
Comments