Error
กูรูทิสโก้เตือนจับตา Bond Yield สหรัฐฯ
Print
Monday, 25 September 2017 08:14

กูรูทิสโก้เตือนจับตาผลตอบแทนพั นธบัตรสหรัฐฯ หากพุ่งเกิน 2.5% อาจเริ่มกดดันตลาดหุ้นทั่ วโลกปรับฐาน หลัง Fed ประกาศลดงบดุลดันเงินดอลลาร์แข็ งค่า แถมจ่อขึ้นดอกเบี้ยอีก 4 ครั้งในปี 2560-2561 แนะโยกเงินลงหุ้นญี่ปุ่น ยุโรป เลี่ยงสินค้าโภคภัณฑ์

นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุ ทธ์ทิสโก้ (Mr.Komsorn Prakobpol, Head of Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit : TISCO ESU) เปิดเผยว่า ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมามีมติให้ให้เริ่มดำเนิ นการลดขนาดงบดุลในเดือนต.ค.ตามค าด ในขณะเดียวกัน Fed ยังย้ำว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในปี 2560 และปรับขึ้นอีก 3 ครั้งปี 2561 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบั ตรสหรัฐฯ (Bond Yield) และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มกลับมาฟื้นตัวหรือแข็งค่ าขึ้น

ทั้งนี้ Bond Yield ของสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องมาตั้ งแต่วิกฤติเศรษฐกิจในปี 2551 มีส่วนสำคัญในการผลักดันตลาดหุ้ นให้ปรับตัวขึ้นมาซื้อขายที่ ระดับ Valuation ที่สูงกว่าในอดีต ดังนั้น ทิศทางของ Bond Yield สหรัฐฯ ในระยะข้างหน้า จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิ ศทางของตลาดหุ้นต่อไป

โดยปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อ Bond Yield ต่อไป ได้แก่ 1) การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ของสหรัฐฯ ในวันที่ 13 ต.ค. ซึ่งหากเงินเฟ้อยังส่งสัญญาณฟื้ นตัวต่อเนื่องจากเดือนที่แล้ว ก็จะส่งผลให้ตลาดประเมิ นโอกาสในการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น และ 2) การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 26 ต.ค. ซึ่งเราคาดว่า ECB จะประกาศลด QE ซึ่งจะส่งผลให้ Bond yield ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

“Bond Yield สหรัฐอเมริกาที่ทยอยเพิ่มขึ้ นจากระดับต่ำในปัจจุบันซึ่งอยู่ ที่ระดับ 2.2% อาจยังไม่ส่งผลกระทบต่อ Valuation ของตลาดหุ้นมากนัก แต่เราประเมินว่า หาก Bond Yield ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าระดับ 2.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปี ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปี 2557 ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาน้ำมันเริ่ มลดลง และส่งผลให้เงินเฟ้อลดลงมาทรงตั วอยู่ในระดับต่ำ ก็อาจส่งผลกดดันให้ตลาดหุ้นทั่ วโลกปรับฐาน” นายคมศร กล่าว

อย่างไรก็ตาม Bond Yield สหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มกลับมาเพิ่มขึ้น ประกอบกับความคาดหวังต่ อนโยบายปฏิรูปภาษีที่จะเข้าสู่ กระบวนการพิจารณาในสภา Congress ในช่วงไตรมาส 4 นี้ จะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น หลังจากที่อ่อนค่าลงมาต่อเนื่ องในปี 2560 เราแนะนำให้เน้นลงทุนในสินทรั พย์ที่จะได้ประโยชน์จากการแข็ งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งได้แก่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น และอาจซื้อเก็งกำไรระยะสั้ นในตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตั วลงมาแรงก่อนหน้านี้ และแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุ นในสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ น้ำมัน และโลหะอุตสาหกรรม ซึ่งจะถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่า

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment