Daily View - บล.กสิกรไทย |
Monday, 09 October 2017 09:35 | |||
Daily View
ภาพลักษณ์ประเทศดีขึ้น รวมไปถึงสัญญาณการเลือกตั้งที่ชัดเจนมากขึ้น ทั้งหมดจะสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างประเทศ หนุน SET Index เป็นขาขึ้นระยะยาว อย่างไรก็ตามระยะสันการขึ้นเกิน 1,700 จุดเป็นโอกาสในการทยอยขายหุ้น Upside ต่ำและให้สลับมาเป็นหุ้นมีประเด็นบวกเฉพาะตัว TICON BDMS และ MINT ภาพลักษณ์ของประเทศดีขึ้น หนุน Fund Flow ไหลเข้า SET ต่อเนื่อง : ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของต่างประเทศดีขึ้นตามลำดับ โดยเฉพาะนับตั้งแต่ ส.ค.60 ที่ผ่านมา งาน Thailand Futures และ งาน"ยุทธศาสตร์ความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น" ซึ่งมีกองทุน และนักลงทุนญี่ปุ่นเข้าร่วมงานมากเป็นประวัติการณ์ ต่อเนื่องด้วย การเดินทางไปเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-สหรัฐ ของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 2-4 ต.ค. ตามคำเชิญของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐ และล่าสุดองค์การการบินระหว่างประเทศ (ICAO) ได้ปลดธงแดงหน้าชื่อประเทศไทย (ICAO ได้ปักธงแดงไทยตั้งแต่ 8 มิ.ย.58) ภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นดังกล่าว เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปมากจากเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนรวมไปถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากขึ้น เป็นบวกโดยตรงต่อ ภาคการลงทุน (นิคมฯ AMATA WHA TICON รับเหมาฯ STEC SYNTEC UNIQ วัสดุ SCC) ภาคส่งออก (ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ KCE HANA) และภาคการท่องเที่ยว (โรงแรม CENTEL MINT ERW โรงพยาบาล BH BDMS สายการบิน THAI AAV) เป็นต้น ทั้งนี้การปลดธงแดงของ ICAO THAI จะได้รับประโยชน์สูงสุด เนื่องจาก 90% ของรายได้ THAI มาจากเที่ยวบินต่างประเทศ (สามารถที่จะเพิ่มเที่ยวบินไปยังประเทศที่อิงกับ ICAO ได้) ขณะที่ AAV และ BA แม้จะไม่ได้ประโยชน์ทางตรง แต่ภาพรวมของไทยที่ดูดีขึ้นเป็นการเพิ่มความเชื่อมี่นให้กับนักเดินทาง สัญญาณการเลือกตั้งปี 2561 ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุน Fund Flow ไหลเข้า : สัญญาณการเลือกตั้งปี 2561 ชัดเจนมากขึ้น นอกจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวยืนยันในงานเลี้ยง สภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน และสภาหอการค้าสหรัฐฯ เมื่อค่ำวันที่ 3 ต.ค.60 ที่สหรัฐฯว่าจะประกาศวันเลือกตั้งในปี 2561 แน่นอน ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ต.ค.60 ได้มีรายงานว่ามีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองแล้ว ซึ่งต่อเนื่องจาก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง ที่ได้มีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อ 13 ก.ย.60 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ที่รอการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยังเหลือ อีก 2 ฉบับคือ การเลือกตั้ง สส. และที่มาของ สว. ซึ่ง สนช. มีเวลาในการพิจารณาไม่เกิน 60 วันหลังจากที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้ส่งร่างมาให้ สนช. เมื่อดูตามกำหนดเวลาการให้อำนาจหน้าที่ต่อ กรธ.ในการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 240 วัน สนช.ควรจะต้องพิจารณาเสร็จสิ้นในช่วงต้นเดือน ธ.ค. นี้ หลังจากนั้นจะเป็นกระบวนการรอประกาศใช้เป็นกฎหมาย และเมื่อร่างทั้ง 4 ฉบับมีผลบังคับใช้แล้ว ให้ กกต. จัดให้มีการเลือกตั้งหลังจากนั้น 150 วัน โดยเป็นที่คาดหมายกันว่าจะเกิดขึ้นในช่วง ส.ค.61 จากสถิติที่ผ่านมา SET Index จะตอบรับต่อการเลือกตั้งหลังรัฐประหาร 2 ครั้งที่ผ่านมา (ปี 2534 และ 2549)ล่วงหน้า 6-8 เดือน โดยให้ผลตอบแทนระหว่าง 10 - 28% สำหรับรอบนี้ด้วยความที่ไทยอยู่ภายใต้รัฐบาล คสช. มานานเกือบ 4 ปี ได่มีการปฎิรูปรวมไปถึงการลงทุนและวางยุทธศาสตร์ไปหลายด้านแล้วนั้น ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่ SET Index จะตอบรับต่อการเลือกตั้งดีกว่าที่เคยเป็นมา
กลยุทธ์การลงทุน การขึ้นผ่าน 1,700 จุดในวันนีจะเป็นโอกาสในการทยอยขายทำกำไรลดนำหนักพอร์ตการลงทุนเพื่อไปรอซืออีกครังที่ 1,660 จุด : คาดว่าวันนี้ SET Index จะขึ้นตอบรับต่อภาพลักษณ์ของประเทศที่ดีขึ้น ซึ่งจะเกินกว่า 1,700 จุด (Forward PER 15.8 เท่า +1.8 S.D.) เป็นโอกาสให้นักลงทุนระยะสั้นได้ทยอยขายทำกำไรในกลุ่มหุ้น Upside ต่ำ มีปริมาณการ Short Sale สูง หรือหุ้นที่ NVDR เริ่มพลิกกลับมาขายสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ และให้หันไปลงทุนหรือเก็งกำไรในหุ้นเด่นรายตัว ซึ่งในวันนี้เลือก TICON BDMS และ MINT ส่วนระยะกลาง ยังคงกลยุทธ์ "ขึ้นถือ ลงซื้อ" โดยสามารถซื้อเพิ่มได้เมื่อดัชนีย่อตัวมาแถว 1,660 จุด (ปรับขึ้นจากแนวเดิมที่ 1,650 จุด) ในชุดหุ้น Top Pick ใน MTLS CPALL TICON STEC JWD BLA TPCH และที่ KS Research ไม่ได้ออกบทวิเคราะห์ WHA SYNTEC MCS UNIQ MINT PLANB KAMART
Daily Picks Daily Picks Trading Target MINT 46.00 TICON 16.70 BDMS 22.50
Alternative Trading SET50 Futures: S50Z17 รอ Long ที่ 1,085 จุด เพื่อขายทำกำไรที่ 1,100 จุด
หุ้นแนะนำ Long Long ระดับ เป้าทำกำไร MINTZ17 ATO 46.00 PSHZ17 ATO 24.60
หุ้นแนะนำ Short Short ระดับ เป้าทำกำไร -
KS Daily Portfolio ปัจจุบัน KS Daily Portfolio มีหุ้นลงทุนทั้งหมด 4 ตัวคือ TISCO SPALI TICON KCE
KS Daily Portfolio Top Pick 1. หุ้นที่จะได้ประโยชน์จาก EEC TICON ความคืบหน้าการออกร่าง พ.ร.บ. พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก จะเป็นประเด็นบวกต่อ TICON ซึ่งมีพื้นที่ในโซน EEC กว่า 3 พันไร่ นอกจากนั้น TICON ยังมีประเด็นบวกที่ซ่อนอยู่จากผลประโยชน์จากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของกลุ่มเฟรเซอร์ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใหม่ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งยังไม่ถูกสะท้อนลงไปในราคาหุ้นปัจจุบัน 2. หุ้นที่กำไรน่าจะมีการฟืนตัวในไตรมาส 3 และ 4 TISCO : เลือกเป็นหุ้นเด่นสำหรับการเก็งกำไรผลประกอบการงวด 3Q60 โดย KS Research คาดกำไรสุทธิไว้ที่ 1.6 พันลบ. โต 26.9% YoY และ 5.4% QoQ ถือว่าโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคารฯโดยรวม ปัจจัยหนุนการเติบโตกำไรมาจากการตั้งสำรองที่ลดลงในไตรมาส และได้รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่ดีขึ้น นอกจากนี้ TISCO ยังเป็นหุ้นที่มีคุณภาพของสินทรัพย์ดีที่สุดในกลุ่มธนาคารเล็ก NPL ratio จะลดลงเหลือ 2.36% จาก 2.41% ในไตรมาส 2/2560 และ coverage ratio คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 8 ไตรมาสติดต่อกันมาอยู่ที่จุดสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 183% KCE เป็นหนึ่งในบริษัทที่จะมีผลประกอบการทำจุดสูงสุดในงวด 3Q60 โดยราคาหุ้นยังมีประเด็นบวกให้เก็งกำไรจากโอกาสในการพลิกกลับไปอ่อนค่าของเงินบาท และการปรับลดลงหนักของราคาทองแดง โดย KS Research ยังคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 102 บาท SPALI การเร่งเปิดตัวโครงการในครึ่งหลังของปี คาดว่าจะทำให้ยอดขายปี 2560 ไปถึงเป้าหมาย 2.7 หมื่นล้านบาทไม่ยาก (ต้นปี-ปัจจุบัน SPALI ทำยอดขายได้ 2 หมื่นล้านบาทแล้ว)เรายังคาดว่าการณ์ว่ากำไรจะเติบโตดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ในไตรมาสที่ 3 และ 4/60 ทั้งนี้ KS Research ให้ราคาเป้าหมายที่ 24.0 บาท
Analyst (s)
ประกิต สิริวัฒนเกตุ This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
KS Research Team
Kasikorn Securities PCL
โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ประจำวันที่ 9 ต.ค. 2560
|
Comments