Daily View - บล.กสิกรไทย
Print
Wednesday, 15 August 2018 10:23

วิกฤติค่าเงิน Lira ผ่อนคลายชั่วคราวหลังธนาคารกลางตุรกีดำเนินมาตรการลดการตั้งสำรอง และประกาศพร้อมอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ ส่งผลให้สกุล Lira และสกุลอื่นๆใน Emerging Market ฟื้นตัว เป็นปัจจัยบวกต่อ SET Index ฟื้นตัวต่อเนื่องในวันนี้คาดดัชนีจะกลับไปเกิน 1,700 จุด ยังคงเลือก KTB COM7 SVI เป็นหุ้นเด่น

วิกฤติสกุล Lira เริ่มผ่อนคลาย แต่ยังต้องเฝ้าระวัง : หลังจากที่ธนาคารกลางตุรกีได้เร่งดำเนินการเข้าแก้วิกฤติค่าเงิน Lira ด้วยการปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารต่างๆลง 250 bps สำหรับหลักทรัพย์ที่มีอายุทุกประเภท พร้อมกับลดสัดส่วนการกันสำรองลงถึง 400 bps สำหรับภาระหนี้สกุลต่างประเทศประเภทอายุสั้นไม่เกิน 3 ปี เพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่องในตลาดการเงินสกุล Lira นอกจากนั้นธนาคารกลางตุรกียังประกาศจะเฝ้าระวังสกุล Lira อย่างใกล้ชิดและพร้อมอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ

สกุล Lira ฟื้นตัวขึ้นมา 7.3% สู่ 6.5 Lira/USD เช่นเดียวกับสกุลอื่นๆใน Emerging Market โซนละตินอเมริกา อาร์เจนตินา บราซิล ขยับฟื้นตัวขึ้นมากันเล็กน้อย

วิกฤติค่าเงิน Lira ดูเหมือนจะเริ่มผ่อนคลาย แต่สถานการณ์ยังคงมีความเสี่ยงสูง สภาวะผ่อนคลายอาจเป็นแค่ชั่วคราว จึงยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง โดยนับจากนี้ต้องติดตามมาตรการต่างๆจากทางรัฐบาลและธนาคารกลางตุรกี รวมไปถึงการดำเนินการขอความช่วยเหลือจาก IMF จะเกิดเมื่อใด

MSCI Rebalance ในวันที่ 31 สค. นี้ MSCI จะมีการ Rebalance ซึ่งผลไม่น่ากังวลอย่างที่คาดเนื่องจากไม่มีหุ้นไทยถูกปรับออกแต่อย่างใด มีเพียงหุ้นที่ถูกปรับลดน้ำหนักลงเล็กน้อย ได้แก่ CPALL AOT PTT และไปปรับเพิ่มน้ำหนักในตัว IVL ทำให้ความกังวลเรื่องเงินทุนไหลออกนั้นไม่สูงอย่างที่คาด เชื่อว่าจะมีแรงซื้อในกลุ่มธุรกิจที่อิงกับเศรษฐกิจในประเทศที่แข็งแกร่งเข้ามาชดเชยได้

คาด SET Index ฟื้นตัวหลัง 1,685 จุด ทำงานได้ดี : ดัชนีฟื้นตัวและลดช่วงลบหลังจากลงมาทดสอบ 1,685 จุดโดยทำจุดต่ำสุดที่ 1,684 จุด ก่อนจะมาปิดตัวที่ 1,695.35 จุด ภาพของตลาดเริ่มเห็นแรงซื้อกลับในกลุ่มหุ้นที่ถูก Sell on fact ไปก่อนหน้า โดยเฉพาะหุ้นที่รายงานกำไรไม่ได้แย่ไปกว่าที่ตลาดคาด และมีแนวโน้มที่จะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง เช่น พลังงาน สื่อสาร รับเหมาฯ ธนาคาร การเงิน อาหาร คาดว่า Momentum การฟื้นตัวจะมีต่อเนื่องในวันนี้ และดึงให้ SET Index กลับไปเกิน 1,700 จุดอีกครั้ง

 

กลยุทธ์การลงทุน

คาดวันนี้ SET Index จะฟื้นตัวกลับไปเกิน 1,700 จุด ก่อนจะแกว่งตัวในกรอบ 1,700 - 1,720 จุดและเดินหน้าทดสอบ 1,735 จุดในสัปดาห์หน้า ยังคงเลือก KTB COM7 และ SVI เป็นหุ้นเด่น ส่วนหุ้นระยะกลางถึงยาวให้สะสมกลุ่มหุ้น Monthly Pick ของ KS Research เช่น BBL KTB MTC ORI LH AP SPALI QH CPN CPALL ROBINS DELTA TNR IVL

 

Daily Picks

Daily Picks  Trading Target

KTB            20.00

COM7           20.00

SVI             5.00

 

Monthly pick

BBL CPN KTB CPALL MTC ROBINS ORI BEM LH DELTA AP TNR SPALI IVL QH

 

KS Daily Portfolio

KS Daily Portfolio วันนี้ขายหุ้น DELA และซื้อ SVI ที่ระดับเปิด ทำให้ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนประกอบด้วยหุ้น PTTGC ROBINS STEC BBL SVI

1. หุ้นที่อิงกับ Investment Cycle

STEC คาดราคาหุ้นจะตอบสนองต่อ มติ ครม. เกี่ยวกับประเด็น พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ลดความกังวลว่าจะเป็นการเพิ่มขั้นตอนและทำให้การประมูลโครงการต่างๆล่าช้า คาดนับจากนี้จะได้เห็นการเข็นงานประมูลออกมามากขึ้นในครึ่งปีหลัง หนุนการฟื้นตัวของ STEC นอกจากนี้ด้วย Backlog ที่มีอยู่ 1.2 แสนล้านบาทจะเริ่มเห็นการเร่งรับรู้รายได้ในตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2561 และยาวไปจนถึง 2563 หนุนกำไรเติบโตต่อเนื่อง

PTTGC แม้ความน่าสนใจของกลุ่มโรงกลั่นจะลดน้อยลงจากแรงกดดันของค่าการกลั่น (GRM) แต่ ในบรรดาหุ้นกลุ่มโรงกลั่นทั้งหมด ชอบ PTTGC มากที่สุดเนื่องจากเป็นบริษัทตัวแทนกลุ่มต้นน้ำ กอปรกับมีส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจโรงกลั่นที่น้อย และไม่มีการผลิตน้ำมันเบนซิน ขณะที่ประเด็นความเสียหายจากวัตถุดิบคงคลังในระบบของ GGC หายไปมูลค่ารวม 2.1 พันลบ. จะกระทบต่อ PTTGC เพียงเล็กน้อย คงคำแนะนำซื้อ

2. หุ้นผลประกอบการเด่น

SVI ก่อนหน้านี้เรามีความกังวลว่าสภาวะขาดแคลนวัตถุดิบในตลาดจะกดดันรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ปี 2561 ของ SVI อย่างไรก็ตาม จากรายได้และกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2/2561 ก็สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทสามารถบริหารจัดการปัญหาดังกล่าวได้ นอกจากนี้เราคาดว่าการเติบโตของกำไรในครึ่งหลังของปี 2561 จะแข็งแกร่งต่อเนื่องทั้งในเชิง YoY และ HoH จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ในระบบอุตสาหกรรมและโทรคมนาคม และ GPM ที่สูงขึ้นจากการอ่อนตัวของค่าเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ เราได้ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 6 บาท

BBL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2561 ที่ 9.2 พันลบ. สูงกว่าตลาดคาด 10% ปัจจัยเด่นในไตรมาสนี้คือคุณภาพสินเชื่อที่ปรับดีขึ้นอย่างมาก ด้วยอัตราส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL ratio) ที่ปรับดีขึ้นอย่างมาก QoQ (ดีกว่าคาด) จาก 4.66% เป็น 4.04% เป็นผลจากการปรับโครงสร้างหนี้ที่สูงของธนาคารและการตัดบัญชี กอปรกับการก่อตัวของ NPL โดยรวมที่ลดลง คาดว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีต่อผลประกอบการอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ทั้งนี้กำไรครึ่งแรกของปี 2561 คิดเป็น 51.2% ต่อประมาณการกำไรปี 2561 คงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 232 บาท

ROBINS ยอดขายสาขาเดิมช่วงครึ่งหลังปี 2561 จะมีอัตราการเติบโตแข็งแกร่งว่าช่วงครึ่งแรกปี 2561 ซึ่งคาดแรงหนุนจาก 1) การบริโภคที่ฟื้นตัวอย่างทั่วถึง, 2) การเพิ่มสินค้า private brand products เช่น Haven และ 3) แรงกดดันอัตรากำไรขั้นต้นลดลงน้อยลงจากการเร่งระบายสต็อก คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2 เติบโต 7.3% YoY แต่ลดลง 7.1% QoQ มาที่ 629 ล้านบาท แนะนำ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 70 บาท

 

Strategist

 

ประกิต สิริวัฒนเกตุ

This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it

 

ศักดิ์สิทธิ์ ผลมานะ

Assistant analyst

 

KS Research Team

 

Kasikorn Securities PCL

 

โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ประจำวันที่ 15 ส.ค. 2561

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment