Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Economic View สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย PDF Print E-mail
Thursday, 16 February 2017 10:34

Snapshot

 

สหรัฐอเมริกา

นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแถลงรอบครึ่งปีต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 โดย นางเยลเลนได้อ่านถ้อยแถลงที่เตรียมมาต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ  โดยมีเนื้อหาเช่นเดียวกับที่ได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งมีสาระสำคัญที่ว่า  Fed ยังคงใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ขณะที่ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า นางเยลเลนยังระบุว่า การขาดดุล และการยึดทรัพย์จำนองได้เริ่มลดน้อยลงแล้ว นอกจากนี้ ประธานเฟดยังชี้แจงถึงผลกระทบหากรัฐบาลทำการตัดสวัสดิการสังคม โดยจะกระทบต่อครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ ขณะที่สวัสดิการว่างงานจะช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายในช่วงเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง

สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้น 0.4% ขณะที่ยอดขายในภาคธุรกิจพุ่งขึ้น 2.0% ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2011 ด้านยอดขายในภาคการผลิตเพิ่มขึ้น 2.2% ขณะที่ภาคค้าปลีกรายงานยอดขายเพิ่มขึ้น 1.2%

ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขานิวยอร์ค รายงาน ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ในเดือนกุมภาพันธ์มีการขยายตัวสูงที่สุดในรอบกว่า 2 ปีมาอยู่ที่ระดับ 18.7 โดยเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2014 เมื่อเทียบกับระดับ 6.5 ในเดือนมกราคม โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ทั้งนี้ ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว

ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนมกราคมลดลง 0.3% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนธันวาคม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมจะทรงตัว อันเป็นผลมาจากการได้รับผลกระทบจากการลดลงของภาคสาธารณูปโภค หลังสภาพอากาศไม่หนาวเย็นมากนัก ทำให้ลดความต้องการใช้พลังงานในการให้ความอบอุ่น ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นการประเมินผลผลิตในภาคการผลิต ภาคสาธารณูปโภค และภาคเหมืองแร่ของสหรัฐ โดยภาคการผลิต และภาคเหมืองแร่ ต่างก็ปรับตัวขึ้นในเดือนมกราคม ขณะที่ภาคสาธารณูปโภคลดลง

ยอดค้าปลีกในเดือนมกราคมปรับตัวขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนธันวาคม มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.1% โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แม้ว่ายอดขายรถยนต์ลดลงก็ตาม เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 5.6% (yoy) เมื่อพิจารณาทั้งปี 2016 ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.3% จากที่เพิ่มขึ้น 2.3% ในปี 2015 ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.4% (mom) หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธันวาคมเช่นกัน เพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.3%

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนมกราคม 0.6% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2013 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธันวาคม โดยเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 2.5% (yoy) ซึ่งสูงกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และเป็นการเพิ่มขึ้นรายปีมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม2012  หลังจากเพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนธันวาคม  ดัชนี CPI ดังกล่าวบ่งชี้ถึงเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และหากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานขยับขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธันวาคม เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 2.3% (yoy) หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ ดัชนี CPI สำหรับทั้งปี 2016 ปรับตัวขึ้น 2.1% เทียบกับระดับ 0.7% ในปี 2015

สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐฯ รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านในเดือนกุมภาพันธ์ปรับตัวลง 2 จุด สู่ระดับ 65 จากระดับ 67 ในเดือนมกราคม NAHB ระบุว่า ผู้สร้างบ้านมีความกังวลเกี่ยวกับกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ NAHB พร้อมทำงานร่วมกับสภาคองเกรส และรัฐบาลเพื่อลดแรงกดดันต่อธุรกิจขนาดเล็ก และทำให้ประชาชนสามารถซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น ด้านดัชนีย่อยด้านสภาวะยอดขายในปัจจุบัน ลดลง 1 จุด สู่ระดับ 71 ในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ดัชนีคาดการณ์ยอดขายในช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า ลดลง 3 จุด สู่ระดับ 73 ทั้งนี้ ค่าดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จัดการประชุมร่วมกับผู้บริหารของกลุ่มบริษัทค้าปลีกที่ทำเนียบขาว โดยเขาให้คำมั่นที่จะปรับลดกฎระเบียบ และปรับลดภาษีลง ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะทำการปรับลดกฎระเบียบทั่วภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากกฎระเบียบดังกล่าวได้ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายจำนวนมากต่อภาคธุรกิจ ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาจะลดกฎระเบียบเพื่อให้เกิดการสร้างงาน นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า การปฏิรูปภาษีจะถือเป็นหนึ่งในโอกาสดีที่สุดที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยการจัดเตรียมแผนการด้านภาษีของรัฐบาลกำลังเป็นไปด้วยดี และจะมีการประกาศออกมาในไม่ช้า ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า แผนปฏิรูปภาษีดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ดี และมีความเรียบง่าย

 

ยุโรป: สวีเดน

ธนาคารกลางสวีเดน หรือริกส์แบงก์ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.50% ในวันนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยริกส์แบงก์ระบุว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ทางธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง มากกว่าที่จะปรับขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ ริกส์แบงก์เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อจะยังไม่ปรับตัวมีเสถียรภาพที่ระดับ 2% จนกว่าจะถึงช่วงสิ้นปี 2018

 

เอเซีย: จีน

หยวนอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในวันพุธที่ผ่านมา แต่อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินอินเตอร์แบงก์เพิ่มขึ้นมาก หลังจากธนาคารกลางจีนได้ดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณเพิ่มเติมที่บ่งชี้ถึงการคุมเข้มนโยบาย ธนาคารกลางจีนกำหนดค่ากลางที่ 6.8632 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐฯก่อนเปิดตลาด ดอลลาร์สหรัฐฯได้แรงหนุนหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐว่า เฟดอาจจะจำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมที่กำลังจะมาถึง อย่างไรก็ดีเขาแสดงความระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนมากมายเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

 

ญี่ปุ่น

นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) กล่าวว่า เขาไม่มีแผนการในขณะนี้ในการปรับขึ้นเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นยังคงอยู่ห่างจากระดับเป้าหมายที่ 2% นายคุโรดะกล่าวต่อรัฐสภาว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ห่างจากระดับเป้าหมายของเราที่ 2% ดังนั้นสิ่งที่เหมาะสมคือการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอย่างแข็งแกร่งของเราต่อไป เพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นายคุโรดะกล่าวย้ำว่า บีโอเจกำลังปฏิบัติตามข้อตกลงของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 (จี-7) และข้อตกลงของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา 19 ประเทศ รวมทั้งสหภาพยุโรป (จี-20) ด้วยการใช้นโยบายการเงินเพียงเพื่อจุดประสงค์ภายในประเทศเพื่อให้บรรลุเสถียรภาพของราคา

 

มาเลเซีย

มาเลเซียจะเปิดเผยตัวเลขอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 4/2016 ในวันพฤหัสนี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า เศรษฐกิจมาเลเซียอาจจะเติบโตเร็วขึ้นในไตรมาส 4 โดยได้รับแรงหนุนจากยอดส่งออกน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากที่อุปสงค์ในตลาดโลกอยู่ในภาวะเฉื่อยชามาเป็นเวลานานกว่าหนึ่งปี  รอยเตอร์สำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 14 รายในการจัดทำโพลล์นี้ โดยโพลล์คาดว่าเศรษฐกิจมาเลเซียอาจเติบโต 4.5 % ต่อปีในไตรมาสเดือนต.ค.-ธ.ค. 2016 หลังจากเติบโต 4.3 % ต่อปีในไตรมาส 3/2016

 

ไทย

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) มองเงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ผันผวนในขณะนี้ เป็นผลจากมีปัจจัยมากระทบดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งธปท.พร้อมเข้าดูแล หากเคลื่อนไหวมากเกินไป ขณะที่มองเงินทุนไหลเข้าไทยในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่มากนัก ขณะเดียวกันก็มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป และไม่กระทบต่อเศรษฐกิจโลก ดังนั้น ฃจึงไม่ต้องกังวลกับการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวเมื่อวานนี้ว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งใดครั้งหนึ่งในอนาคต พร้อมระบุว่าการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจทำให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดตามสถานการณ์ไม่ทัน และต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วขึ้นซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี คาดผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ของไทยในปี 60  จะขยายตัวได้ราว 3.5-4.0% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากสถานการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพ และความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประชาชนที่เพิ่มขึ้น เขากล่าวว่าประเทศไทยมีจุดแข็งหลายอย่างในการประสานกับเอเชียและโลก โดยในอนาคตไทยตั้งเป้าที่จะเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตและการบริการ ศูนย์กลางด้านยานยนต์ ศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวของ CLMV+T และศูนย์กลางด้านสุขภาพและ Wellness

 

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันพุธ (15 กพ.) เงินบาททรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ขณะที่วันนี้ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเอเซียส่วนใหญ่เนื่องจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)กล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าหากตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญเช่นการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อยังปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องตามการคาดการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงินในการประชุมครั้งต่อๆไปการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกก็เป็นสิ่งที่เหมาะสม โดยที่ผ่านมาทั้งการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวเข้าสู่เป้าหมายของเฟดอย่างต่อเนื่อง โดยด้านการจ้างงานเฉลี่ยครึ่งหลังปีที่แล้วเพิ่มเฉลี่ยเดือนละ 190,000 ตำแหน่ง ขณะที่ในเดือนมกราคมที่ผ่านมาเพิ่มถึง 227,000 ตำแหน่ง โดยที่ผ่านมานับจากปี 2010 การจ้างงานในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมาแล้วรวมประมาณ 16 ล้านตำแหน่ง ขณะการอัตราการว่างงานลดลงมาอยู่ที่ 4.8% ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยลดลงมากว่า 5% จากที่ขึ้นไปสูงสุดในปี 2010 ด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคก็ขยายตัวแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% แม้ยังต่ำกว่า 2% อยู่เล็กน้อย ทั้งนี้นางเจเน็ต เยลเลน  มีกำหนดการกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในคืนนี้

- ดอลลาร์/เยน วันพุธ (15 กพ.)  เงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้เนื่องจากประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าซึ่งชี้ถึงโอกาสในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในไม่ช้า ทั้งนี้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าเล็กน้อยในช่วงตลาดสหรัฐฯ

- ยูโร/ดอลลาร์ วันพุธ ( 15 กพ.) เงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้เนื่องจากนักลงทุนจับตาประเด็นเรื่องแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯมากขึ้นหลังประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคารและมีกำหนดการกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในคืนนี้ ทั้งนี้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าเล็กน้อยในช่วงตลาดสหรัฐฯ

 

Capital Market

- ตลาดสหรัฐฯ วันพุธ ( 15 กพ.) ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไปในวันพุธ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความเชื่อมั่นที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะปรับลดภาษีภาคธุรกิจ ทั้งนี้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.52% สู่ระดับ 20,611.86, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 0.50% สู่ระดับ 2,349.25 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 0.64% สู่ระดับ 5,819.44

- ตลาดหุ้นเอเชีย วันพุธ ( 15 กพ.) ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่สูงขึ้นในวันนี้แม้ว่าวันนี้นักลงทุนจะจับตาประเด็นเรื่องแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯมากขึ้นหลังประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคารและมีกำหนดการกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในคืนนี้ ทั้งนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯมีมุมมองในเชิงบวกต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และชี้ถึงความเป็นไปได้มากขึ้นในการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมครั้งต่อๆไปหากตัวเลขการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวดีขึ้นค่อเนื่องตามที่คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯคาดการณ์ไว้ โดยปิดตลาดวันนี้ดัชนีนิกเกอิเพิ่มขึ้น 1.03% มาอยู่ที่ 19,437.98 ซึ่งปัจจัยหนุนมาจากการที่เยนกลับมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนดัชนีฮั่งเส็งปิดเพิ่มขึ้น 1.23% สู่ระดับ 23,994.87

- ตลาดหุ้นไทย วันพุธ ( 15 กพ.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงในช่วงแรกก่อนที่จะสูงขึ้นในช่วงบ่ายขณะที่วันนี้ปัจจัยเรื่องการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการชึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯส่งผลต่อตลาดการเงินหลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวันอังคารและมีกำหนดการกล่าวต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในคืนนี้ โดยปิดตลาดวันนี้ SET INDEX เพิ่มขึ้น 1.13 จุด

 

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 16 ก.พ. 2560

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday27808
mod_vvisit_counterYesterday52922
mod_vvisit_counterAll days166380679

We have: 534 guests online
Your IP: 3.85.85.246
 , 
Today: Mar 29, 2024

4187016