Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Economic View สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย PDF Print E-mail
Friday, 28 April 2017 09:31

Snapshot

 

สหรัฐอเมริกา

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้แจ้งต่อผู้นำของแคนาดาและเม็กซิโกว่า เขาจะไม่ยกเลิกข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือหรือ (นาฟตา) แต่จะเจรจาต่อรองข้อตกลงดังกล่าวอีกครั้ง ทั้งนี้ การประกาศดังกล่าวมีขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์ และที่ปรึกษาของทำเนียบขาวกำลังพิจารณาเรื่องการออกคำสั่งบริหารเพื่อถอนสหรัฐออกจากข้อตกลงนาฟตาที่ทำกับแคนาดาและเม็กซิโก

สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ในเดือนมีนาคมลดลง 0.8% เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น และสต็อกบ้านในระดับต่ำ โดยยอดการทำสัญญาร่วงลงในแถบมิดเวสต์ และภูมิภาคตะวันตก ขณะที่ภูมิภาคทางใต้ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ดัชนีเพิ่มขึ้น 0.8% (yoy) ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาไปจนกระทั่งปิดการขาย

ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ในเดือนมีนาคม ปรับตัวขึ้น 0.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2% ขณะเดียวกัน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนกุมภาพันธ์

ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ในสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 257,000 ราย ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่ายอดผู้ขอสวัสดิการว่างงานรายใหม่จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 245,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 112 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 500 ราย สู่ระดับ 242,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ สำหรับยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย. มีจำนวนเพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 1.99 ล้านราย ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 2.0 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2000

 

ยุโรป: ยูโรโซน

ที่ประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.4% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB นอกจากนี้ ECB ยังได้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% ขณะเดียวกัน ECB ได้ประกาศปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) สู่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน ตั้งแต่เดือนเม.ย.-ธ.ค. จากระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นไปตามที่ ECB ประกาศไว้ในการประชุมเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ECB แถลงว่า อาจมีการขยายเวลาในการใช้มาตรการ QE เกินกว่าเดือนธ.ค.ปีนี้ หากมีความจำเป็น

นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า เศรษฐกิจของยูโรโซนยังคงปรับตัวขึ้น ขณะที่เผชิญความเสี่ยงน้อยลง ทั้งนี คำกล่าวของนายดรากีถือเป็นการส่งสัญญาณในเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซน นอกจากนี้ ยังระบุว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ในระดับต่ำในปีนี้ พร้อมระบุว่า ความเสี่ยงในช่วงขาลงได้เบาบางลงแล้ว ขณะที่ความเสี่ยงขนาดใหญ่ต่อยูโรโซนมาจากภาวะชะลอตัวของการปฏิรูปโครงสร้างของประเทศสมาชิก

นายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของ ECB ไม่ได้มีการหารือกันเกี่ยวกับการยุติการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และไม่มีการหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงออกจากนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ขณะเดียวกัน ยังระบุว่า ความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายในประเทศของยูโรโซนได้ลดลงแล้ว ขณะที่ความเสี่ยงจากระดับโลกได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังระบุความเสี่ยงจากการกีดกันทางการค้าได้บรรเทาลงแล้ว และขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะทำการตัดสินใจโดยอิงจากนโยบายของรัฐบาลสหรัฐ นอกจากนี้ นายดรากียังระบุว่า ความเสี่ยงจากภาวะเงินฝืดได้หมดสิ้นลงแล้ว

 

เอเชีย: จีน

สำนักงานสถิติของจีนเปิดเผยว่า กำไรของบริษัทภาคอุตสาหกรรมของจีนพุ่งขึ้น 23.8% ในเดือนมี.ค.จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยชะลอตัวจากช่วงหลายเดือนก่อน  ทั้งนี้กำไรในเดือนมี.ค.พุ่งสู่ระดับ 6.887 แสนล้านหยวน (9.99 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) กำไรภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 28.3% ในไตรมาสแรกจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว สู่ระดับ 1.7 ล้านล้านหยวน ซึ่งชะลอตัวจากที่เพิ่มขึ้น 31.5% ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ การขยายตัวของภาคการก่อสร้างในจีนช่วยกระตุ้นยอดขาย และราคาวัสดุก่อสร้าง ซึ่งพลิกฟื้นผลกำไรสำหรับอุตสาหกรรมที่ก่อมลภาวะ อาทิ โรงงานเหล็กกล้า และโรงถลุง แต่นักวิเคราะห์บางคนระบุว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) กำลังแตะระดับสูงสุด ซึ่งอาจจะชะลอความสามารถในการทำกำไร และการลงทุนใหม่ในปีนี้ หนี้สินของบริษัทอุตสาหกรรมจีนเพิ่มขึ้น 6.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ณ สิ้นเดือนมี.ค. เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 6.6% ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้  ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวครอบคลุมบริษัทขนาดใหญ่ที่มีรายได้ทั้งปีมากกว่า 20 ล้านหยวนจากการดำเนินงานหลัก

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดการสอบสวนในวันพุธเพื่อตัดสินว่า การที่สหรัฐนำเข้าอะลูมิเนียมจำนวนมากจากจีนและประเทศอื่นๆ จะก่อให้เกิดอันตรายต่อความมั่นคงของชาติสหรัฐหรือไม่ โดยขั้นตอนนี้อาจนำไปสู่การประกาศใช้ข้อจำกัดต่อการนำเข้าอะลูมิเนียมในวงกว้าง  นายวิลเบอร์ รอส รมว.พาณิชย์สหรัฐกล่าวว่า การสอบสวนนี้มีความคล้ายคลึงกับประกาศของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้วเรื่องการนำเข้าเหล็กกล้า โดยประกาศดังกล่าวอ้างมาตรา 232 ในกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติปี 1962 ซึ่งป็นกฎหมายที่ประกาศใช้ในช่วงของสงครามเย็น นายรอสกล่าวว่า การสอบสวนนี้ได้รับแรงกระตุ้นจากการนำเข้าอะลูมิเนียมอย่างไม่เป็นธรรม โดยการนำเข้าดังกล่าวก่อให้เกิดแรงกดดันทางการแข่งขันอย่างรุนแรงมากต่ออุตสาหกรรมอะลูมิเนียมของสหรัฐ และส่งผลให้โรงงานถลุงอะลุมิเนียมบางแห่งในสหรัฐต้องปิดกิจการ หรือต้องระงับการดำเนินกิจการในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ขณะที่โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวในวันนี้ว่า จีนมีความกังวลเป็นอย่างมากต่อการสอบสวนของสหรัฐ และจีนหวังที่จะคลี่คลายความขัดแย้งผ่านทางการเจรจาต่อรอง โดยจีนถือเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้ใช้อะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดในโลก สหรัฐอาจจะดำเนินมาตรการบางอย่างในระยะนี้เพื่อสกัดกั้นกระแสการนำเข้าอะลูมิเนียมที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ นอกจากคดีล่าสุดนี้แล้ว กระทรวงพาณิชย์สหรัฐก็กำลังสอบสวนตามข้อกล่าวหาที่ว่า บริษัทจีนนำแผ่นเปลวอะลูมิเนียมมาทุ่มตลาดสหรัฐในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน และบริษัทจีนได้รับประโยชน์จากเงินอุดหนุนอย่างไม่เป็นธรรมจากรัฐบาลจีน

 

ญี่ปุ่น

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติตรึงนโยบายการเงินไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา และนำเสนอมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว โดยเป็นการส่งสัญญาณความเชื่อมั่นว่าอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศจะช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการส่งออกของญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง แต่บีโอเจได้ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อลงเล็กน้อยสำหรับปีงบประมาณนี้ในการทบทวนการคาดการณ์รายไตรมาส ซึ่งบ่งชี้ว่า บีโอเจจะยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นด้านการเงินครั้งใหญ่ต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%  บีโอเจระบุว่า "เศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับมามีการขยายตัวปานกลาง" เมื่อเทียบกับการประเมินในเดือนที่แล้วว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงฟื้นตัวปานกลางตามแนวโน้ม บีโอเจคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ -0.1% หลังสิ้นสุดการประชุมครั้งนี้ พร้อมทั้งคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (JGB) อายุ 10 ปีไว้ที่ระดับ 0%

 

เกาหลีใต้

เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ขยายตัวในอัตราที่สูงเกินคาดในไตรมาสแรกจากยอดส่งออกและการลงทุนด้านทุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสัญญาณที่มีความหวังว่า เกาหลีใต้จะมีความแข็งแกร่งที่เพียงพอจะรับมือกับความท้าทายทางการเมืองและเศรษฐกิจในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในช่วงต้นปีจะคลายกังวลให้แก่ผู้กำหนดนโยบาย หลังจากที่เศรษฐกิจตกต่ำมานานหลายเดือน และเกาหลีใต้เตรียมที่จะเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ในเดือนหน้าท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นกับเกาหลีเหนือและจีน ทั้งนี้ธนาคารกลางเกาหลีเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เพิ่มขึ้น 0.9% ในไตรมาสแรก โดยเพิ่มขึ้นจาก 0.5% ในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว และนั่นเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2016 ซึ่งจีดีพีขยายตัว 0.9% ขณะที่ค่ากลางในผลสำรวจของรอยเตอร์อยู่ที่ 0.7%  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จีดีพีเพิ่มขึ้น 2.7% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่จีดีพีเพิ่มขึ้น 3.4% ในไตรมาส 2 ของปี 2016

นายยู อิล-โฮ รมว.คลังเกาหลีใต้กล่าวว่า การร่างงบประมาณเสริมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจดูเหมือนจะเป็นสิ่งไม่จำเป็นในขณะนี้เนื่องจากยอดส่งออกปรับตัวดีขึ้น เขากล่าวหลังการประชุมกับรมว.อื่นๆว่างบประมาณพิเศษเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวไม่ใช่เป็นสิ่งที่จำเป็น เขากล่าวอีกว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2 จะไม่ชะลอตัวลงรุนแรง แม้ความไม่แน่นอนต่างๆ จะยังคงดำเนินต่อไปก็ตาม

 

ไทย

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) คงคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ของไทยปี 60 เติบโต 3.6% โดยมีปัจจัยหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ รวมถึงการส่งออกที่มีแนวโน้มขยายตัว จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า ขณะที่ปรับเพิ่มคาดการณ์การส่งออกปีนี้ เป็นขยายตัว 3.3% จากเดือนม.ค.ที่คาดโต 2.5%  นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการ สศค.กล่าวในการแถลงข่าวว่า แม้สศค.จะปรับเพิ่มคาดการณ์ส่งออกปี 60 แต่การเพิ่มขึ้นของการส่งออกดังกล่าว ยังไม่มากพอที่จะทำให้มีการปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้ โดยขอรอดูความต่อเนื่องของการส่งออกอีกระยะหนึ่ง และอาจมีการปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจได้ เนื่องจากเชื่อว่าการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนหลังเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ามีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ สศค.ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าของไทยเป็นขยายตัว 3.51% จากเดิมที่ 3.41%  เขา กล่าวว่าสำหรับงบประมาณกลางปี ซึ่งเป็นส่วนงบประมาณลงทุน 1.6 แสนล้านบาท คาดว่าจะเบิกจ่ายได้ในปีงบประมาณนี้ราว 60% โดยขณะนี้มีการเบิกจ่ายแล้วกว่า 1 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ สศค.ยังคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 60 จะอยู่ที่ 1.4% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 1.8% ขณะที่การนำเข้าจะขยายตัว 7.5% ทำให้ดุลการค้าเกินดุล 2.93 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 3.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัว 2.7% หลังมีแนวโน้มว่าการลงทุนของภาคเอกชนขณะนี้เริ่มจะเพิ่มมากขึ้น จากการลงทุนของภาครัฐ ส่วนการลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัว 10.9% ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนคาดจะเติบโต 3.0% และคงคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ไว้ที่ 35 ล้านคน และมีรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.84 ล้านล้านบาท เขากล่าวถึงการที่สหรัฐจับตาดูประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐจำนวนมากว่ายังไม่มีผลกระทบในขณะนี้ โดยยังคงต้องติดตามรอดูต่อไป เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนว่า สหรัฐจะมีมาตรการอะไรออกมา อย่างไรก็ตามเห็นว่าการนำเข้าของไทยที่เริ่มเพิ่มมากขึ้นในระยะหลังน่าจะช่วยทำให้การเกินดุลการค้าที่ไทยมีต่อสหรัฐลดลงได้บ้าง

 

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันพฤหัส (27 เมย.) เงินบาททรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้หลังจากที่เมื่อวานนี้เงินบาทและค่าเงินเอเชียอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จากการที่นักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ในทางบวกเกี่ยวกับมาตรการลดภาษีของสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีดอลลาร์สหรัฐฯลดช่วงบวกลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆหลังตลาดมองว่าการประกาศปฏิรูปภาษีของทำเนียบขาวในช่วงค่ำยังขาดรายละเอียดใหม่ โดยนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าหากนำมาแผนดังกล่าวมาบังคับใช้จะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมาก และแผนการดังกล่าวยังขาดรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง และมีแนวโน้มต้องใช้เวลานานกว่าจะสามารถนำมาบังคับใช้เป็นกฏหมาย ขณะที่สมาชิกสภาจากพรรคเดโมแครตก็ออกมาโจมตีว่าแผนภาษีของปธน.ทรัมป์ขาดความรับผิดชอบด้านการคลัง ทั้งนี้บาทอ่อนค่าในช่วงตลาดสหรัฐฯ

- ดอลลาร์/เยน วันพฤหัส (27 เมย.)   เงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่วันนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีมติตรึงนโยบายการเงินไม่เปลี่ยนแปลง และมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน โดยส่งสัญญาณความเชื่อมั่นว่าอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในต่างประเทศจะช่วยหนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการส่งออกของญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง แต่ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อลงเล็กน้อยสำหรับปีงบประมาณนี้ ซึ่งชี้ว่าบีโอเจจะยังคงดำเนินมาตรการกระตุ้นด้านการเงินครั้งใหญ่ต่อไปอีกระยะหนึ่งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2%

- ยูโร/ดอลลาร์ วันพฤหัส ( 27 เมย.) เงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่วันนี้จะมีการประชุมธนาคารกลางยุโรป โดยธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ลงมติคงอัตราดอกเบี้ยและจุดยืนด้านนโยบายไม่เปลี่ยนแปลง โดยอีซีบีดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย แม้การขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ อีซีบีคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.00%, คงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ที่ -0.40% และ 0.25% ตามลำดับ นอกจากนี้ อีซีบียังคงมีแผนที่จะซื้อพันธบัตรวงเงิน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนไปจนถึงเดือนธ.ค ทั้งนี้ยูโรอ่อนค่าหลังการประชุม ECB

 

Capital Market

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัส ( 27 เมย.) ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับตัวขึ้นในวันพฤหัสบดี โดยดัชนี Nasdaq ปิดที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้น Comcast, PayPal และ Intuit ขณะที่ดัชนี S&P 500 และดาวโจนส์ปิดตลาดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หุ้น Amazon และ Alphabet พุ่งขึ้นมากกว่า 4% หลังเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง รอยเตอร์ประมาณการว่า ผลกำไรโดยรวมของบริษัทในดัชนี S&P 500 จะเพิ่มขึ้น 12.4% ในไตรมาสแรก ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2011 ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.03% สู่ระดับ 20,981.33, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 0.06% สู่ระดับ 2,388.77 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวขึ้น 0.39% สู่ระดับ 6,048.94

- ตลาดหุ้นเอเซีย วันพฤหัส ( 27 เมย.) ดัชนีตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ลดลงในวันนี้หลังจากเพิ่มขึ้นมาติดต่อกัน 3 วันก่อนหน้านี้จากปัจจัยการเลือกตั้งฝรั่งเศส อย่างไรก็ดีวันนี้ปัจจัยจากการที่นักลงทุนผิดหวังเกี่ยวกับการเปิดแผนการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐซึ่งขาดรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจงและมีแนวโน้มจะทำให้ยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นอย่างมากส่งผลลบต่อภาวะการซื้อขายในวันนี้ ทั้งนี้ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดลดลง 0.19% มาอยู่ที่ 19,251.87 ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดตลาดบวก 0.37% มาอยู่ที่ 3,152.55 ขณะที่การเพิ่มขึ้นอย่างมากของหุ้นขนาดเล็กช่วยหนุนตลาดท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีน และกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น

- ตลาดหุ้นไทย วันพฤหัส ( 27 เมย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้เคลื่อนไหวในแดนลบในช่วงเช้าตามทิศทางตลาดหุ้นเอเซียส่วนใหญ่โดยมีปัจจัยลบจากแผนการปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯซึ่งสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุน ขณะที่ในช่วงบ่ายดัชนียังเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ ส่งผลให้ปิดตลาดวันนี้ SET INDEX ลดลง 0.70 จุด

 

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 28 เม.ย. 2560

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday11886
mod_vvisit_counterYesterday52922
mod_vvisit_counterAll days166364757

We have: 469 guests online
Your IP: 54.144.81.21
 , 
Today: Mar 29, 2024

4214168