สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
Print
Friday, 10 November 2017 09:30

Snapshot

 

สหรัฐอเมริกา

ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 10,000 ราย สู่ระดับ 239,000 ราย โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 231,000 ราย อย่างไรก็ดี ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 139 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2513 ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของยอดผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 1,250 ราย สู่ระดับ 231,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 44 ปี สำหรับยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 ต.ค. มีจำนวนเพิ่มขึ้น 17,000 ราย อยู่ที่ระดับ 1.90 ล้านราย โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.89 ล้านราย

นางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ และพยุงเศรษฐกิจสหรัฐ

 

ยุโรป: ยูโรโซน

คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) แถลงว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มขยายตัวในปีนี้ในอัตราสูงสุดในรอบ 10 ปี หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สดใส ขณะที่ปัจจัยทางการเมืองชัดเจนขึ้น หลังการเลือกตั้งในหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี และเนเธอร์แลนด์ ทั้งนี้ EC คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะขยายตัว 2.2% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 โดยปรับตัวขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.7% นอกจากนี้ EC ยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าสู่ระดับ 2.1% จากเดิมที่ 1.8% ขณะที่เศรษฐกิจปี 2562 มีแนวโน้มขยายตัว 1.9%

 

เยอรมนี

สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่ายอดการส่งออกในเดือนกันยายนลดลง 0.4% และยอดการนำเข้าลดลง 1.0% นอกจากนี้ สำนักงานสถิติยังได้ปรับลดตัวเลขการส่งออกและนำเข้าในเดือนสิงหาคม โดยปรับเป็นยอดการส่งออกเพิ่มขึ้น 2% จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 3.1% ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 0.8% จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 1.2% ทั้งนี้ การส่งออกที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้รัฐบาลเยอรมนีต้องพึ่งพาการบริโภค การใช้จ่ายของรัฐ และการก่อสร้างเป็นปัจจัยผลักดันการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

 

ฝรั่งเศส

ธนาคารกลางฝรั่งเศสคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะมีการขยายตัว 0.5% ในไตรมาส 4 โดยจะได้แรงหนุนจากการผลิตในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในกลุ่มโลหะ เคมีภัณฑ์ และยานยนต์ พร้อมระบุว่า ยอดคำสั่งซื้อได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 80.6% นอกจากนี้ ธนาคารกลางคาดว่าภาคบริการจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนพฤศจิกายน

 

สเปน

นายหลุยส์ เดอ กินโดส รมว.เศรษฐกิจ, อุตสาหกรรม และการแข่งขันของสเปน ระบุว่า เศรษฐกิจสเปนมีแนวโน้มขยายตัว 2.3% ในปีหน้า โดยตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวได้รวมผลกระทบจากวิกฤตการเมืองในแคว้นกาตาลุญญาไว้แล้ว พร้อมกันนี้ยังระบุว่า รัฐบาลอาจปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าว หากสถานการณ์ในแคว้นกาตาลุญญามีการพัฒนาในเชิงบวก ขณะเดียวกัน นายเดอ กินโดสยังปฏิเสธคำกล่าวของนายมาริอาโน ราฮอย นายกรัฐมนตรีสเปน ที่ได้กล่าวว่า รัฐบาลอาจปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าของสเปนอีกครั้งหนึ่ง อันเนื่องจากวิกฤตการเมืองในแคว้นกาตาลุญญา ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว รัฐบาลสเปนได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้าสู่ระดับ 2.3% จากเดิมที่ระดับ 2.6%

 

เอเชีย :จีน

สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนต.ค.จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 1.8% และเทียบกับที่เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 6.9% ในเดือนต.ค. ซึ่งเท่ากับอัตราการเพิ่มในเดือนก.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 6.6%  เศรษฐกิจของจีนมีการขยายตัวดีเกินคาดในอัตราเกือบ 6.9% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากภาคการผลิต และภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากงบรายจ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากของรัฐบาล, ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัว และการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด แต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคก่อสร้าง ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลัก กำลังเริ่มที่จะชะลอตัวลงเนื่องจากมาตรการของรัฐบาลเพื่อชะลอราคาที่อยู่อาศัยที่ร้อนแรง และต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น

สถานีโทรทัศน์ไชน่า เซ็นทรัลของทางการจีนรายงานว่า บริษัทโบอิ้งได้ลงนามข้อตกลงเชิงพาณิชย์มูลค่า 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯในจีนขณะร่วมคณะเดินทางด้านการค้ากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่เยือนจีนอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ บริษัทของสหรัฐและจีนยังได้ลงนามในข้อตกลงอุตสาหกรรมชิปมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯในระหว่างพิธีลงนามในข้อตกลงด้วย

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐกล่าวกับประธานาธิบดีสี่ จิ้นผิงของจีนว่า เขาเชื่อเช่นเดียวกับปธน.สี่ว่า มีทางแก้ไขปัญหาเกาหลีเหนือ ปธน.ทรัมป์กล่าวด้วยว่า เป็นเรื่องที่เลวร้ายเกินไปที่ฝ่ายบริหารชุดที่แล้วของสหรัฐปล่อยให้การค้าเสียสมดุล แต่เราก็จะทำให้การค้ามีความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยเขาแสดงความเห็นกับปธน.สี่ขณะที่พวกเขาเริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการที่มหาศาลาประชาคม

รัฐบาลสหรัฐแถลงว่า บริษัทซิโนเปกซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของรัฐบาลจีน, ธนาคารแบงก์ ออฟ ไชน่าของจีน และบริษัทไชน่า อินเวสท์เมนท์ คอร์ป (CIC) ซึ่งเป็นกองทุนบริหารความมั่งคั่งของรัฐบาลจีน ได้ตกลงที่จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในรัฐอลาสกา โดยถือเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางเยือนจีนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ  รัฐบาลสหรัฐระบุว่า บริษัทอลาสกา แก๊สไลน์ ดีเวลอปเมนท์ คอร์ป (AGDC), รัฐบาลรัฐอลาสกา, ซิโนเปก, CIC และแบงก์ ออฟ ไชน่า ซึ่งถือเป็นหนึ่งในธนาคารชั้นนำของจีน ได้ลงนามในข้อตกลงในการพัฒนาอุตสาหกรรม LNG ในรัฐอลาสกา ข้อตกลงนี้จะเกี่ยวข้องกับการลงทุนขนาด 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, การสร้างงาน 12,000 ตำแหน่งในสหรัฐในช่วงที่มีการก่อสร้าง, การปรับลดยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐต่อจีนลง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี และการจัดหาพลังงานสะอาดให้แก่จีน

บริษัทไชน่า อินเวสเมนต์ คอร์ป (CIC) และบริษัทโกลด์แมน แซคส์ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมทุนเพื่อจัดตั้งกองทุนความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมของจีนและสหรัฐ ในระหว่างที่ประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์เดินทางเยือนกรุงปักกิ่งอย่างเป็นทางการในสัปดาห์นี้ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า กองทุนใหม่ของ CIC และโกลด์แมนจะกำหนดเป้าหมายการลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพื่อลงทุนในบริษัทของสหรัฐในอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ การผลิต, อุตสาหกรรม, ผู้บริโภค และเฮลธ์แคร์ ซึ่งมีหรือสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ทางธุรกิจในจีนได้

 

ญี่ปุ่น

สำนักคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานลดลงในเดือนก.ย. และบริษัทต่างๆคาดว่า ยอดสั่งซื้อจะยังคงลดลงต่อไปในเดือนต.ค.-ธ.ค.ท่ามกลางสัญญาณที่บ่งชี้ว่า การลงทุนทางธุรกิจกำลังชะลอตัว  ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานลดลงเกินคาด 8.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนส.ค. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานอาจลดลง 1.8% ในเดือนก.ย.

 

ไทย

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) มีมติคงค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ(เอฟที) ในงวดเดือนม.ค.-เม.ย.61 ที่ติดลบ 15.90 สตางค์/หน่วย แม้ค่าเชื้อเพลิงทุกชนิดจะปรับเพิ่มขึ้น แต่จะใช้เงินสะสมจากการไฟฟ้าต่างๆ มาช่วงตรึงราคาไว้ ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยของผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทในงวดดังกล่าว คงอยู่ที่ 3.5966 บาท/หน่วย นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในฐานะโฆษก กกพ.กล่าวในเอกสารเผยแพร่ว่า ในการคำนวณค่าเอฟทีงวดดังกล่าว ค่าเชื้อเพลิงทุกชนิดปรับเพิ่มขึ้น โดยก๊าซธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้นถึง 15.42 บาท/ล้านบีทียู น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 0.77 บาท/ลิตร น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.24 บาท/ลิตร ถ่านหินนำเข้าเฉลี่ยของโรงไฟฟ้าเอกชนเพิ่มขึ้น 163.46 บาท/ตัน ซึ่งส่งผลให้ค่าเอฟทีในส่วนของเชื้อเพลิงสูงขึ้น 20.25 สตางค์/หน่วย อย่างไรก็ตาม จะมีการนำเงินสะสมของการไฟฟ้าต่างๆ ตั้งแต่กลางปี 60 ที่มีอยู่ 1.26 หมื่นล้านบาท มาช่วยตรึงราคาไว้ รวมทั้งเก็บไว้ช่วยพยุงค่าเอฟทีในงวดเดือนพ.ค.-ส.ค.61 ไม่ให้สูงขึ้นมากจนเกินไป เพื่อช่วยบรรเทาภาระผู้ใช้ไฟฟ้า

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.อยู่ที่ 76.7 จาก 75.0 ใน ก.ย. ซึ่งเป็นการปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 โดยเป็นผลจากการที่ผู้บริโภคมีความหวังว่า เศรษฐกิจไทยในอนาคตจะปรับตัวดีขึ้น ตามการส่งออกและการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวขึ้น และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ประกอบกับ ผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มคลายกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน และเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองในอนาคต น่าจะมีเสถียรภาพมากขึ้น

 

อื่นๆ

นายโทชิมิตสึ โมเตกิ รมว.เศรษฐกิจญี่ปุ่นกล่าวว่า ประเทศที่เหลืออีก 11 ประเทศในความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) จะหารือเรื่องข้อเสนอสำหรับการทำข้อตกลงในหลักการในการเดินหน้า TPP ต่อไป หลังจากสหรัฐถอนตัวออกจาก TPP รัฐมนตรีจาก 11 ประเทศนี้จะประชุมกันที่เมืองดานังในเวียดนาม โดยอยู่นอกรอบการประชุมสุดยอดของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ระหว่างวันที่ 10-11 พ.ย.นี้ สมาชิก TPP ประกอบด้วยออสเตรเลีย, บรูไน, แคนาดา, ชิลี, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, เม็กซิโก, นิวซีแลนด์, เปรู, สิงคโปร์ และเวียดนาม

 

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันพฤหัส (9 พย.) เงินบาททรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในเช้าวันนี้ขณะที่วันนี้ดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเอเซียส่วนใหญ่ เนื่องจากดอลลาร์สหรัฐฯถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับความล่าช้าของแผนปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

- ดอลลาร์/เยน วันพฤหัส (9 พย.) เงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับความล่าช้าของแผนปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่ด้านญี่ปุ่นวันนี้สำนักคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานลดลงในเดือนก.ย. และบริษัทต่างๆคาดว่า ยอดสั่งซื้อจะยังคงลดลงต่อไปในเดือนต.ค.-ธ.ค.โดยยอดสั่งซื้อเครื่องจักรพื้นฐานลดลงเกินคาด 8.1% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนส.ค.

- ยูโร/ดอลลาร์ วันพฤหัส (9 พย.) เงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้จากความวิตกเกี่ยวกับความล่าช้าของแผนปฏิรูปภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่นายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐระบุในวันพุธถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการชะลอการปรับลดภาษีนิติบุคคลครั้งใหญ่ หลังวอชิงตัน โพสต์รายงานว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภากำลังพิจารณาทางเลือกดังกล่าว

 

Capital Market

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัส (9 พย.) ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงในวันพฤหัสบดี โดยการลดลงของหุ้นไมโครซอฟท์และหุ้นเทคโนโลยีอื่นๆถ่วงตลาดลงด้วย ขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่แผนการของวุฒิสภาพรรครีพับลิกันซึ่งจะเลื่อนการปรับลดภาษีนิติบุคคลออกไป 1 ปี โดยข้อเสนอของสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาแตกต่างจากของสภาผู้แทนราษฎร และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตของอัตราภาษีนิติบุคคลถ่วงดัชนี S&P 500 ร่วงลงมาก ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 0.43% สู่ระดับ 23,461.94, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 0.38% สู่ระดับ 2,584.62 และดัชนี Nasdaq ปิดปรับตัวลง 0.58% สู่ระดับ 6,750.05

- ตลาดหุ้นเอเซีย วันพฤหัส (9พย.) ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดลดลง 0.20% สู่ระดับ 22,868.71 หลังจากการแกว่งตัวผันผวนในระหว่างวัน ซึ่งทำให้ดัชนีนิกเกอิ และดัชนี Topix พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี แต่ดัชนีลดลงในช่วงบ่าย ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวก 0.36% สู่ระดับ 3,427.79 โดยหุ้นบลูชิพเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 2 ปี ขณะที่นักลงทุนได้รับแรงหนุนจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นของจีน ทั้งนี้วันนี้สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) ของจีนเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนต.ค.จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 1.8% และเทียบกับที่เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนก.ย. ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 6.9% ในเดือนต.ค. ซึ่งเท่ากับอัตราการเพิ่มในเดือนก.ย.ดัชนีฮั่งเส็งปิดเพิ่มขึ้น 0.79% สู่ระดับ 29,136.57  โดยความเชื่อมั่นของนักลงทุนได้แรงหนุนจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นของจีน

- ตลาดหุ้นไทย วันพฤหัส ( 9 พย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ลดลงสวนทางตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ โดยปิดตลาดวันนี้ SET INDEX ลดลง 11.62 จุด โดยวันนี้มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พลังงาน และกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

 

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 10 พ.ย. 2560

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment