นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันนี้คาดว่ามีโอกาสปรับตัวลดลงทดสอบแนวรับที่ 736-730 จุด ทั้งนี้ ได้รับปัจจัยลบกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดฯ ปรับลดลงแรงประมาณ 126 จุด อีกทั้งตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่เปิดการซื้อขายในแดนลบเฉลี่ยประมาณกว่า 1% เนื่องจากนักลงทุนกังวลปัญหาหนี้ในยุโรปอาจลุกลามเป็นวิกฤตด้านการเงินของยุโรป

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปิดตลาดฯ ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 17 เซนต์  มาปิดตลาดที่ 70.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจึงประเมินว่าจะไม่มีผลต่อบรรยากาศการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับหากพิจารณาจากปัจจัยในประเทศในขณะนี้ยังขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ๆ ที่จะเข้ามากระตุ้นบรรยากาศการลงทุน

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจประจำเดือนของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะมีการแถลงในปลายสัปดาห์นี้ว่าจะมีตัวเลขออกมาอย่างไร ด้านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยในไตรมาส 1/2553 แม้จะมีตัวเลขออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่ในขณะนี้นักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับผลกระทบจากเหตุการณ์จลาจลว่าจะกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างไร

นอกจากนี้ ยังต้องติดตามมาตรการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการจลาจล เช่นมาตรการด้านภาษีว่ารัฐบาลจะมีแนวทางอย่างไร

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำพิจารณารอซื้อที่บริเวณแนวรับในหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 736 จุด และ 730 จุด และประเมินแนวต้านไว้ที่ 753-755 จุด

ด้านนายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่กรุ๊ป กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในเช้าวันนี้จะอ่อนตัวลงคล้ายวานนี้ แต่จะไม่แรงมากนัก เนื่องจากยังไม่พบปัจจัยบวกเกิดขึ้น ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์ไม่ดีนัก ตั้งแต่ทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคเอเชียที่อ่อนตัวลง เนื่องจากกังวลในปัจจัยเดิมถึงสถานการณ์ทางการเงินของยุโรป โดยเฉพาะประเด็นของสถาบันการเงินวิตกว่าจะมีเหตุการณ์อะไรรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในแถบยุโรปได้รับผลกระทบ และต่อเนื่องมายังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดังนั้นจากปัจจัยต่างประเทศจึงเป็นปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นไทย

นอกจากนี้  ประเด็นที่นักลงทุนต่างชาติเป็นผู้ขายสุทธิต่อเนื่องและจำนวนมาก ส่งผลทางจิตวิทยาทำให้นักลงทุนรายอื่นๆไม่มั่นใจมากขึ้น ส่วนปัจจัยจากภายในประเทศไทย เริ่มมีความไม่มั่นใจเรื่องการลงทุน หลัง สศช. ประเมินล่วงหน้า 1 ไตรมาสว่า อาจมีแนวโน้มชะลอตัวจากไตรมาส 1/53 ที่ขยายตัว 12% สูงสุดในรอบ 15 ปี

โดยดัชนี ดาวโจนส์ ล่วงหน้า ตลาดหุ้นนิวยอร์ค เวลา 08:29 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 9,950.00 จุด ลดลง 93.00 จุด ดัชนีคอมโพสิต ตลาดหุ้นโซล เวลา 08:44 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 1,573.43 จุด ลดลง 31.50 จุดดัชนีเวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน เวลา 08:31 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 7,238.35 จุด ลดลง 84.38 จุด, ดัชนีสเตรทไทม์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เวลา 08:20 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 2,697.85 จุด ลดลง 26.02 จุด, ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เวลา 08:08 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อยู่ที่ระดับ 9,569.01 จุด ลดลง 189.39 จุด  

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ชะลอการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ และเน้นเก็งกำไรในกลุ่มอาหาร เกษตร ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนนักลงทุนที่จะลงทุนในช่วงที่หุ้นรีบาวน์ แนะนำให้รอซื้อที่แนวรับ 730 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 755 จุด

ด้านนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยเช้าวันนี้มีแนวโน้มปรับลดลง เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นต่างประเทศที่ปรับลง หลังนักลงทุนกังวลกับปัญหาหนี้สาธารณะประเทศกรีซที่อาจจะลุกลามไปประเทศอื่นๆ แถบยูโรโซนที่จะส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตามการปรับตัวลดลงจะไม่แรงเท่ากับวานนี้ เพราะวานนี้ได้มีแรงขายจากนักลงทุนที่ซื้อหุ้นสะสมไปก่อนที่ตลาดฯ จะปิดทำการ 2 วัน จากความคาดหวังว่าการเมืองไทยจะยุติลงโดยไม่เกิดความสูญเสียมากนัก แต่ซึ่งเป็นทิศทางตรงกันข้าม

กลยุทธ์การลงทุน หากดัชนีฯ ปรับลดลงทยอยซื้อ โดยประเมินแนวรับแรกไว้ที่ 735 จุด และแนวรับถัดไปที่ 720 จุด ประเมินแนวต้านที่ 750 จุด

Written by :

พิราบขาว

 

Comments

B

i

u

Quote

Code

List

List item

URL

Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions

Submit Comment