Error
กองทุนอสังหาฯดุสิตธานีขยับขายปลายปี4พันล.
Print
Wednesday, 03 November 2010 14:07

           นายชนินทธ์ โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมออกและเสนอขาย “ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี ” (DTCPF) ให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก ( IPO) ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนด้วยการซื้อกิจการโรงแรม ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต และโรงแรม ดุสิตดีทู เชียงใหม่ รวมทั้งจะเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าระยะเวลา 30 ปีในโรงแรม ดุสิตธานี หัวหิน รวมมูลค่ากองทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ “กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี” นับเป็นกองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรมกองทุนแรกที่ลงทุนในสินทรัพย์หลายโรงแรม ซึ่งเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันขนาดของกองทุนกว่า 4 พันล้านบาท ยังนับได้ว่า เป็นกองทุนประเภทโรงแรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยผู้เช่าคือ บริษัท ดุสิต แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ( DTC) ถือหุ้น 99.99% จะเช่าทั้ง 3 โรงแรมจากกองทุน ด้วยค่าเช่าคงที่และค่าเช่าแปรผัน ซึ่งจะช่วยสร้างให้ความมั่นใจและมั่นคงของผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนโดยขณะนี้กองทุนอยู่ระหว่างรอการอนุมัติจัดตั้งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน ) ในฐานะผู้จัดการ “ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี” กล่าวว่า กองทุนดังกล่าวจะเข้าลงทุนโดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ( Freehold) ในที่ดิน อาคาร และงานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมและเฟอร์นิเจอร์ ทรัพย์สินติดตรึงตราและอุปกรณ์ต่างๆ ของโรงแรม ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต และโรงแรม ดุสิตดีทู เชียงใหม่ รวมทั้งลงทุนในสิทธิการเช่า (Leasehold) เป็นระยะเวลา 30 ปี ในที่ดิน อาคาร และงานระบบสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในเฟอร์นิเจอร์ ทรัพย์สินติดตรึงตรา และอุปกรณ์ต่างๆ ของโรงแรม ดุสิตธานี หัวหิน โดยสัดส่วนการลงทุนในกองทุนนี้เป็น Freehold มากกว่า 75%

นอกจากจุดเด่นของทรัพย์สินและความหลากหลายในแต่ละทำเลของโรงแรมในเครือดุสิตธานี ซึ่งอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างสูงสำหรับชาวไทยและต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตในอนาคตแล้ว ทาง DTC  ยังรับประกันรายได้ค่าเช่าขั้นต่ำรายปีของโรงแรมทั้ง 3 แห่ง สำหรับระยะเวลา 4 ปีแรกอีกด้วย    เพื่อให้นักลงทุนได้รับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในอัตราที่น่าพอใจ โดยกองทุนรวมคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลอย่างน้อยปีละครั้ง

“DTC ในฐานะเจ้าของทรัพย์สิน จะวางหนังสือค้ำประกันที่ออกโดยธนาคารในวงเงินค้ำประกันจำนวนหนึ่ง เพื่อเป็นหลักประกันการชำระรายได้ค่าเช่าให้กับกองทุนในช่วงสัญญาเช่า 4 ปีแรกอีกด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงทุนถึงผลตอบแทนที่แน่นอน และลักษณะของการลงทุนที่ผสมผสานระหว่าง Freehold กับ Leasehold จะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจและเหมาะสมให้กับผู้ลงทุน โดยคาดว่า” นายสมชัยกล่าว

ขณะที่นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากสินทรัพย์ในกองทุนรวมที่มีมูลค่าสูงสุด ได้แก่ การลงทุนในกรรมสิทธิ์โรงแรม ดุสิต ธานี ลากูน่า ภูเก็ต รองลงมาคือ โรงแรม ดุสิตธานี หัวหิน และโรงแรม ดุสิตดีทู เชียงใหม่ นั้น พบว่าสอดคล้องกับความสามารถในการสร้างรายได้ ซึ่งโรงแรม ดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยและอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยสูงที่สุด และเมื่อพิจารณาการบริหารจัดการโดยบริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในการบริหารและจัดการโรงแรมมาอย่างยาวนานเป็นระยะเวลากว่า 60 ปี อีกทั้งแบรนด์ “ ดุสิต” ยังจัดได้ว่าเป็น Regional Brand ที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทำให้เชื่อมั่นว่า โอกาสและศักยภาพในการเติบโตของโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ซึ่งอยู่ในทำเลที่มีแนวโน้มเติบโตสูง จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนที่ลงทุนใน “ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี” ได้อย่างน่าพอใจ

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ยังกล่าวด้วยว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และเหมาะกับสถานการณ์การลงทุนในขณะนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ในระดับที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากการฝากเงินในธนาคารพาณิชย์ และโดยธรรมชาติแล้ว มีรายได้ที่เติบโตตามอัตราเงินเฟ้อ จึงเป็นการลงทุนที่มีส่วนป้องกันความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ (Inflation Protection) ได้ด้วย ซึ่งแม้ว่า ทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ที่ผ่านมา ดอกเบี้ยอยู่ในระดับที่ต่ำมาก และการปรับขึ้นก็เป็นลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น แนวโน้มผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากจึงยังไม่น่าจะสูงกว่าระดับปัจจุบันมากนัก จึงเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดี ปกป้องความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อ และโดยทั่วไปมักจะมีความเสี่ยงที่น้อยกว่าการลงทุนในหุ้นสามัญ

นายสิทธิไชย มหาคุณ Head of Corporate Finance & Equity Capital Market บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีไอเอ็มบี ไทย (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า จากการสัมมนาเพื่อให้ความรู้แก่นักลงทุนสถาบันในประเทศที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันหลายแห่งแสดงความสนใจในการลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี เนื่องจากเชื่อมั่นในความสามารถในการบริหารโรงแรมของบริษัทดุสิตธานี ประกอบกับจุดเด่นของโครงสร้างกองทุนที่มีการกระจายความเสี่ยงในหลายทำเลที่ตั้ง รวมทั้งขนาดของกองทุนที่มีขนาดใหญ่เพียงพอ น่าจะสนับสนุนสภาพคล่องในตลาดรองได้เป็นอย่างดี   โดยต้องยอมรับว่า โครงสร้างกองทุนที่ลงทุนในหลายสินทรัพย์ และขนาดกองทุนที่ใหญ่เพียงพอ เป็นโครงสร้างกองทุนที่ได้รับการยอมรับในตลาดต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย สิงค์โปร์ และฮ่องกง ซึ่งมีผลทางอ้อมทำให้ราคาซื้อขายในตลาดรองอยู่ในระดับที่น่าพอใจอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังเชื่อว่านักลงทุนรายย่อยเริ่มมีความเข้าใจในตราสารประเภทกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นเรื่อยๆ จากการเติบโตของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มากว่า 30 กองทุน รวมทั้งน่าจะเป็นทางเลือกของการลงทุนสำหรับผู้ฝากเงิน และเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นทางเลือกของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยตรง แต่มีความยืดหยุ่นกว่าในแง่ของขนาดของการลงทุน และสภาพคล่องที่มากกว่า นอกจากนี้มูลค่าของทรัพย์สินที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์ลงทุน โดยเฉพาะที่ดิน โดยปกติจะเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ทำให้อาจได้รับผลตอบแทนจากมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในระยะยาวอีกด้วย

“เราเชื่อมั่นว่ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดุสิตธานี จะได้รับการตอบรับจากลูกค้านักลงทุนที่หลากหลายทั้งนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าผู้ฝากเงินธนาคาร   และเชื่อว่าด้วยจุดเด่นของกองทุน ที่บริหารจัดการอย่างมืออาชีพโดย “ ดุสิตธานี” และศักยภาพด้านทำเล ผนวกกับโอกาสในการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยในจุดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยว ซึ่งขณะนี้ทาง บล.ซีไอเอ็มบี และ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน รวมถึง บลจ.กรุงไทย ในฐานะผู้จัดการกองทุน มีความพร้อมในการเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนดังกล่าวให้กับนักลงทุนอย่างเต็มที่” นายสิทธิไชยกล่าว

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment