Error
“ไชน่าเอเชียนฟันด์”ร่วมหุ้น “เอ็นพีเอส”ผู้นำพลังงานหมุนเวียนต้อนรับเออีซี
Print
Saturday, 21 September 2013 10:51

เอ็นพีเอส ประกาศผู้ร่วมหุ้นรายใหม่ ไชน่าเอเชียนฟันด์  China-ASEAN Investment Cooperation Fund(CAF) หลังตัดสินใจเลือกลงทุนในธุรกิจพลังงานของประเทศไทย เพื่อร่วมกันส่งเสริมการสร้างพลังงานทดแทนและ   แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอาเซียน แย้มโปรเจคโรงไฟฟ้าชีวมวล 2 แห่งใหม่ของเอ็นพีเอส พร้อมเดินหน้าผลิตไฟฟ้าได้ภายในปี 2557

 

นายอภิชัย ซอปิติพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เนชั่นแนล เพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นพีเอส เปิดเผยว่า กองทุน CAF  เข้ามาลงทุนในธุรกิจพลังงานกับเอ็นพีเอส โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นประมาณ10% เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ตามแผนงานพัฒนาพลังงานและพลังงานทดแทน อาทิ โครงการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลใหม่ 2 แห่ง ในเขตสวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จังหวัดปราจีนบุรี โครงการพัฒนาฟาร์มหญ้าเนเปียร์เป็นพืชพลังงาน และโครงการสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 600 เมกะวัตต์ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ หรือไอพีพี

 

                ความร่วมมือกับ CAF ในครั้งนี้ ยังสามารถช่วยให้ธุรกิจพลังงานของประเทศไทยได้รับองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากต่างประเทศอีกด้วย และจะทำให้โครงการด้านพลังงานในประเทศไทยมีศักยภาพและมีความพร้อมในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนมากยิ่งขึ้น เพราะ CAFเป็นกองทุนระดับสากลที่ลงทุนด้านพลังงานและสาธารณูปโภคโดยเฉพาะนายอภิชัย กล่าว

 

                มร.หลี่รั่วกู่ ประธานกรรมการ China Exim Bank  และ CAF  กล่าวว่าขณะนี้เศรษฐกิจในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความต้องการพลังงานเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ ทางกองทุนฯ เชื่อมั่นว่าเอ็นพีเอสเป็นบริษัทเอกชนของประเทศไทยที่น่าลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีนโยบายที่ชัดเจนในการพัฒนาพลังงานทดแทน ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ CAF ที่จะลงทุนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศอาเซียนให้เติบโตอย่างยั่งยืน

 

                ทั้งนี้ CAF เป็นกองทุนเอกชนของประเทศจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกจีน ในปัจจุบันได้มีการลงทุนในหลายประเทศ เช่น กัมพูชา ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และประเทศไทย นอกจากนี้ทาง CAFยังคงมุ่นมั่นในการหาโอกาสที่จะลงทุนในกลุ่ม 10 ประเทศอาเซียน โดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภค พลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติ การเข้ามาลงทุนในธุรกิจพลังงานของเอ็นพีเอส นับเป็นการลงทุนครั้งที่ 8 ของกองทุนฯ และเป็นครั้งที่2 ที่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย

 

                ปัจจุบัน เอ็นพีเอส มีโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตไฟฟ้าอยู่ทั้งหมด 8 โรง และกำลังก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่เพิ่มอีก 2 โรง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตสวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้เอ็นพีเอสมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 700 เมกะวัตต์ภายในปี 2557 โดยขณะนี้โรงไฟฟ้า 2 แห่งใหม่นี้ มีความคืบหน้าในการก่อสร้างและการผลิตเป็นไปตามแผนงานที่ตั้งไว้ ส่วนโครงการสร้างโรงไฟฟ้าไอพีพี ขนาดกำลังการผลิต600 เมกะวัตต์ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) ซึ่งหากผ่านการอนุมัติแล้ว ก็จะทำการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และดำเนินการก่อสร้างต่อไป

 

                นอกจากนี้ เอ็นพีเอส ยังได้เริ่มพัฒนาเชื้อเพลิงแบบยั่งยืน เพื่อเป็น พลังงานปลูกได้โดยทำการวิจัยและพัฒนาต้นพลังงานให้เป็นพืชพลังงานตัวใหม่ ซึ่งพัฒนาจากพันธุ์ไม้โตเร็วและให้ค่าความร้อนสูง สามารถปลูกและนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าได้โดยตรง โดยใช้ระยะเวลาปลูกเพียง 2 ปีก็จะสามารถตัดมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้โครงการพลังงานปลูกได้ยังสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรในอีกด้วย

 

                นอกจากโครงการ พลังงานปลูกได้แล้ว เอ็นพีเอสยังได้ทำการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์หญ้าเนเปียร์ ให้เหมาะกับการเป็นพืชพลังงานใหม่อีกชนิดหนึ่ง โดยเริ่มทำฟาร์มปลูกหญ้าเนเปียร์ไปแล้ว 2,000 ไร่ และมีเป้าหมายจะปลูกให้ครบ20,000 ไร่ เพื่อเริ่มนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าภายในปี 2556 นี้

 

                เอ็นพีเอส คือ หนึ่งในผู้นำด้านพลังงานและพลังงานหมุนเวียน ในกลุ่มดั๊บเบิ้ล เอ เพาเวอร์ ซึ่งมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจด้านพลังงานมากว่า 30 ปี และเป็นกลุ่มบริษัทที่มีโรงไฟฟ้าที่ใช้ชีวมวลเป็นเชื้อเพลิงที่มีกำลังการผลิตรวมสูงสุดของประเทศ โดยเป็นต้นแบบแนวคิด ทำของเสีย ไม่ให้เสียของด้วยการนำเศษวัสดุที่เหลือจากการผลิตเยื่อและกระดาษ อาทิ เปลือกไม้ เศษไม้ น้ำมันยางไม้ และเศษวัสดุทางการเกษตร อาทิ แกลบ มาใช้ประโยชน์เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า ทำให้สามารถช่วยประเทศประหยัดการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้ไม่น้อยกว่า 340 ล้านลิตรต่อปี และทำให้เศษวัสดุที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์กลายเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเอ็นพีเอส ยังมีแผนงานที่จะพัฒนาการนำเศษวัสดุทางการเกษตรชนิดใหม่ๆ มาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพิ่มอย่างต่อเนื่อง เช่น เหง้ามันสำปะหลัง ทะลายปาล์ม และซังข้าวโพด เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับเศษวัสดุทางการเกษตร และเป็นรายได้เสริมให้กับเกษตรกร

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment