พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ชี้คอนโดฯไฮเอนด์คึกราคาขายขยับเร็ว3ปี โต34% |
Tuesday, 26 May 2015 07:55 | |||
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เผยภาคเศรษฐกิจชะลอ กระทบอสังหาฯ แค่ระดับกลาง-ล่าง แต่ตลาดระดับบนยังไปได้สวย ลูกค้ายังมีกำลังซื้อและความต้องการเพิ่มต่อเนื่อง ผู้ประกอบการเริ่มหันมาชิงเค้กกลุ่มพรีเมี่ยมหลังพบการเปิดโครงการสามารถปิดได้เร็วภายในวันเดียว แถมราคาขายยังเติบโตต่อเนื่องเพียง 3 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 34% เหตุคอนโดไฮเอนด์ตอบโจทย์ความต้องการได้ครบทั้งพื้นที่พักผ่อน สะดวกสบายเหมือนบ้าน และอยู่ในทำเลใจกลางเมือง คาดทองหล่อ พร้อมพงษ์ อโศก แนวโน้มดีมานด์-ซัพพลายพุ่ง
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ภายหลังการชะลอตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์กดดันภายในประเทศในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะดีมานด์ระดับกลางที่เริ่มได้รับผลกระทบต่อกำลังซื้อของกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลาง-น้อย ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่จนเกิดเป็นหนี้ภาคครัวเรือนที่ขยายตัวสูงขึ้น ในขณะที่กลุ่มผู้มีรายได้สูงยังคงมีกำลังซื้อตามปกติ และนิยมซื้อคอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยมากขึ้น ส่วนหนึ่งซื้อเพื่อปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติในย่านธุรกิจ และซื้อเก็บไว้ให้ลูกหลานในทำเลใกล้บ้าน ดังนั้นผู้ประกอบการหลายรายจึงเบนเข็มลงมาชิงส่วนแบ่งอุปสงค์ของลูกค้าระดับบนกันมากขึ้น จากก่อนหน้านี้มีผู้ประกอบการจับตลาดนี้อยู่เพียงไม่กี่ราย ซึ่งส่งผลให้อุปสงค์และอุปทาน ในตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนเป็นกำลังซื้อสาคัญแม้ในช่วงที่เศรษฐกิจถดถอย
“จากข้อมูลของฝ่ายวิจัยและพัฒนา บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่ได้ทำการสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ (คอนโดมิเนียมราคาเฉลี่ย 200,000 บาท/ตารางเมตรขึ้นไป และมีพื้นที่ 50 ตารางเมตรขึ้นไป) ตั้งแต่กลางปี 2555 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2558 พบว่าตลาดคอนโดมิเนียมไฮเอนด์เริ่มตีตื้นกลุ่มราคาอื่นๆ ในตลาด ขยายส่วนแบ่งอุปทานเสนอขายได้สูงขึ้น โดยพบว่ามีอุปทานใหม่ในครึ่งปีหลัง 2556 ที่เป็นอุปทานคอนโดมิเนียมไฮเอนด์มีเพียง 1% เท่านั้น ส่วนในครึ่งปีหลัง 2557 เริ่มมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเป็น 3% แต่มาในปี 2558 เพียงแค่ช่วงไตรมาสแรก อุปทานคอนโดมิเนียมไฮเอนด์เข้ามาชิงส่วนแบ่งอุปทานใหม่เพิ่มเป็น 11% แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดที่ค่อนข้างชัดเจน” นายภูมิภักดิ์ กล่าว
ไม่เพียงอุปสงค์และอุปทานที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ราคาของคอนโดมิเนียมระดับบนยังปรับตัวขึ้นค่อนข้างดี โดยช่วงครึ่งปีหลัง 2557 ที่ผ่านมา มีโครงการใหม่เปิดตัวเพียง 3 โครงการ รวม 1,371 ยูนิต หากพิจารณาทางด้านยอดขายพบว่ามีการตอบรับอย่างท่วมท้น บางโครงการทำสถิติปิดการขายได้ภายในวันเดียว ต่อเนื่องมาจนปี 2558 เริ่มเห็นการเติบโตของอุปทานใหม่อย่างคึกคัก เพียง 3 เดือนแรกของปี เปิดตัวแล้วถึง 7 โครงการ รวม 1,323 ยูนิต โดยมียอดขายเฉลี่ย 34 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ ในขณะที่ราคาซื้อขายต่อยูนิต เริ่มขยับตัวสูงขึ้นถึง 34% ภายในระยะเวลา 3 ปี ซึ่งจำนวนการตอบรับยังเติบโตต่อเนื่อง เช่นในปีนี้มีหลายโครงการโดดเด่นและเป็นตัวชี้วัดได้เป็นอย่างดีว่าอุปสงค์ในกลุ่มตลาดบนไม่มีวันตาย อาทิ โครงการ Ashton Residence 41 ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ สามารถปิดการขายได้ภายในวันเดียว โครงการ Nimit Langsuan และ The Diplomat 39 ยอดขายสูงเกือบจะเต็มจำนวน ล่าสุดกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา The Monument Sanampao เปิดตัวเพียงวันเดียวสามารถปิดการขายได้ทั้งโครงการ จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด จึงไม่น่าแปลกใจ ที่กลุ่มทุนหลายรายเข้าช่วงชิงเค้กก้อนเล็กชิ้นนี้มากขึ้น
ประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดคอนโดมิเนียม ระดับบนยังยืนหยัดอยู่ได้แม้ในช่วงสถานการณ์ที่บั่นทอนกำลังซื้อ นอกจากทำเลที่ตั้งที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคแล้ว พื้นที่สีเขียวที่ให้อารมณ์เสมือนการพักผ่อนในบ้านเดี่ยวอันร่มรื่น และสิ่งอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย และรูปแบบโครงการ รวมถึงขนาดห้องพักที่ค่อนข้างกว้างขวาง เป็นสิ่งสำคัญให้อุปสงค์ในตลาดนี้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดีทั้งกลุ่มผู้ซื้อชาวไทยและชาวต่างชาติ แนวโน้มความน่าสนใจของคอนโดมิเนียมระดับบนยังมีทิศทางขยายตัวอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ เช่น ทองหล่อ พร้อมพงษ์ อโศก คาดว่ามีอุปทานใหม่ระดับบนเตรียมรอเปิดตัวเช่นเดียวกัน และน่าจะขยายตัวออกจากพื้นที่ไข่แดงย่านศูนย์กลางธุรกิจเหล่านี้ ไปสู่พื้นที่ข้างเคียงที่มีศักยภาพไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เช่น ทำเลใหล้พื้นที่สีเขียวที่เป็นแหล่งโอโซนธรรมชาติในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นทำเลที่น่าลงทุน และน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยให้กับผู้บริโภคในเวลานี้
|
Today | 10316 | |
Yesterday | 39562 | |
All days | 167266862 |
Comments