ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น14.31จุด
Print
Saturday, 12 August 2017 07:31

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (11 ส.ค.) ที่ 21,858.32 จุด เพิ่มขึ้น 14.31 จุด หรือ +0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,441.32 จุด เพิ่มขึ้น 3.11 จุด หรือ +0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,256.56 จุด เพิ่มขึ้น 39.68 จุด หรือ +0.64%โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐ เพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี

ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 1.1% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.4% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 1.5%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาในหมวดอาหารและพลังงาน ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ค. โดยดัชนีขยายตัวที่ระดับ 0.1% เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน

ทั้งนี้ การที่ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย บ่งชี้ถึงภาวะเงินเฟ้อที่ซบเซา ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ในปีนี้ หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย.

ขณะที่เจ้าหน้าที่ของเฟดได้ออกมาส่งสัญญาณไปในทิศทางเดียวกันว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายนีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิส ยังคงสนับสนุนให้เฟดชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนกว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้น ขณะที่นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟดสาขาดัลลัส กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของเฟดกำลังเข้าใกล้ระดับ"เป็นกลาง" ดังนั้นเฟดควรจะรอด้วยความอดทนต่อไปเพื่อหาหลักฐานบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวขึ้น ก่อนที่จะคุมเข้มนโยบายการเงินครั้งใหม่

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี และความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนือ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ทวีตข้อความเตือนเกาหลีเหนืออีกครั้งเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐได้จัดเตรียมอาวุธเต็มพิกัด พร้อมกับบรรจุขีปนาวุธเรียบร้อยแล้ว โดยมีการเล็งเป้าหมายไปยังเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับนายจิม แมตทิส รมว.กลาโหมสหรัฐ ที่แถลงยืนยันว่า สหรัฐพร้อมตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

นักลงทุนจับตาท่าทีของจีนในกรณีความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด หลังจากหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ ซึ่งเป็นสื่อกระบอกเสียงรัฐบาลจีนฉบับภาษาอังกฤษในเครือของพีเพิล เดลี (เหรินหมินยื่อเป้า) ได้แสดงความเห็นในบทบรรณาธิการฉบับเมื่อวานนี้ว่า จีนควรวางตัวเป็นกลาง หากเกาหลีเหนือเป็นฝ่ายโจมตีสหรัฐก่อน แต่หากเกิดกรณีที่สหรัฐพยายามโค่นล้มระบอบการปกครองของเกาหลีเหนือด้วยการเป็นฝ่ายโจมตีก่อนแล้ว จีนก็ไม่ควรนิ่งเฉยและต้องขัดขวางสหรัฐไม่ให้ทำสำเร็จ

บทบรรณาธิการของโกลบอล ไทมส์ ระบุว่า "จีนจำเป็นต้องแสดงท่าทีที่ชัดเจนให้ทุกฝ่ายได้รับรู้และเข้าใจว่า หากมีประเทศใดกระทำการอันเป็นภัยร้ายแรงต่อผลประโยชน์แห่งชาติของจีนแล้ว จีนจะตอบโต้อย่างเต็มกำลัง ส่วนในกรณีเกาหลีเหนือและสหรัฐนั้น จีนควรสร้างความชัดเจนว่า จีนจะวางตัวเป็นกลาง ในกรณีที่เกาหลีเหนือเป็นฝ่ายยิงขีปนาวุธในลักษณะที่คุกคามความมั่นคงของสหรัฐก่อนและสหรัฐตอบโต้ด้วยมาตรการทางทหาร อย่างไรก็ตาม หากสหรัฐและเกาหลีใต้เป็นฝ่ายโจมตีก่อน โดยมุ่งที่จะโค่นล้มอำนาจผู้นำคิม จอง อึน และเปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองการปกครองของเกาหลีเหนือแล้ว จีนจะต้องดำเนินการเพื่อขัดขวางไม่ให้พวกเขาทำเช่นนั้น"

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment