สัปดาห์หน้า...เข้าสู่วังวน!!
|
|
|
|
Friday, 23 April 2010 17:02 |
นายธวัชชัย อัศวพรไชย ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้ปรับตัวลดลง โดยเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบตลอดทั้งวัน เนื่องจากนักลงทุนเกิดความกังวลกับสถานการณ์การปะทะกันระหว่างกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) และกลุ่มเสื้อหลากสีบริเวณแยกสีลม และเกิดเหตุระเบิดเอ็ม 79 ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก และเสียชีวิต 1 ราย ทั้งนี้ การปรับตัวลดลงของดัชนีฯยังไม่มากนัก เพราะนักลงทุนรายย่อยรอดูสถานการณ์เพื่อทยอยซื้อหุ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงซึ่งหากสัปดาห์หน้าสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลงก็อาจจะมีแรงซื้อทยอยกลับเข้ามาในช่วง1-2 วันแรกของการเปิดตลาดฯในสัปดาห์หน้า
ด้านความเคลื่อนไหวดัชนีต่างประเทศ อาทิ ดัชนี ฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 21,244.49 จุด ลดลง 210.45 จุด หรือ -0.98 % ดัชนี นิกเกอิ: ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 10,914.46 จุด ลดลง 34.63 จุด หรือ -0.32 %ดัชนี เวทเต็ด: ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดตลาดที่ระดับ 8,004.89 จุด เพิ่มขึ้น 26.20 จุด หรือ 0.33 % ดัชนี สเตรทไทม์: ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 2,988.49 จุด เพิ่มขึ้น 7.80 จุด หรือ 0.26 %
สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ไทยสัปดาห์หน้า(26-30เม.ย.53)หากสถานการณ์การเมืองยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงดัชนีฯจะเคลื่อนไหวในทิศทางเชิงบวกมากขึ้นจากวันนี้ เพราะนักลงทุนจะเริ่มมีความเชื่อมั่นขึ้นมาเล็กน้อย และมีแรงซื้อกลับเข้ามา ประกอบกับปัจจัยโดยรวมที่เข้ามากระทบตลาดหุ้นไทยนั้น ขณะนี้ถือว่ายังไม่มีประเด็นลบใหญ่ๆที่เข้ามากระทบ อาทิ การแก้ปัญหาวิกฤตการเงินประเทศกรีซ เชื่อว่าจะยังมีแนวทางออกในเร็ววันนี้ ประกอบกับภาพรวมของเศรษฐกิจไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการพึ่งพาเศรษฐกิจโลก สะท้อนจากตัวเลขการส่งออกที่ดีขึ้น หลังจากเศรษฐกิจประเทศต่างๆเริ่มฟื้นตัวทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวไปในทิศทางเดียวกันและตัวเลขการว่างงานในประเทศสหรัฐฯได้ปรับตัวลดลง
ทั้งนี้ สัปดาห์หน้านักลงทุนควรติดตามการเมือง โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ว่าจะเกิดเหตุการณ์กระทบต่อบรรยากาศการลงทุนหรือไม่ รวมทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่จะทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 53 ซึ่งเชื่อว่าจะออกมาโดดเด่นกว่าผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ด้านปัจจัยภายนอก ได้แก่ วิกฤติการเงินประเทศกรีซ มาตรการคุมเข้มการลงทุนสถาบันการเงินในสหรัฐฯ และการคุมเข้มมาตรการจีนในภาคอสังหาริมทรัพย์เพื่อไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่ หลังการขยายตัวของเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว
กลยุทธ์การลงทุน แนะนักลงทุนระยะสั้น หากดัชนีขึ้นให้ขายทำกำไร แต่หากดัชนีลดลงให้ทยอยซื้อเมื่อดัชนีฯแตะแนวรับ 750-740 จุด โดยเน้นหุ้นที่มีสภาพคล่องเป็นหลัก และประเมินแนวต้านไว้ที่ 775-770 จุด
|
Comments