|
จังหวะเก็บ SALEE-KTC-TMB ถือยาว
|
|
|
Friday, 16 October 2009 14:29 |
|
ตลาดหุ้นไทยเจอวิชามาร ถล่มเละช่วง 2 วันที่ผ่านมา เป็นการลงแบบไม่มีอะไร มีแค่ข่าวลือ แต่ก็ทำให้หุ้นปรับตัวลดลงมาจนน่าสนใจ บางคนเชื่อว่าใจแข็งถือต่อ บางคนตัดขาดทุน แต่ในแง่การตัดขาดทุน ผมว่าต้องฝึกให้เคยชิน เพราะหากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ จะได้ไม่เจ็บหนัก แต่ถ้าเป็นหุ้นพื้นฐานถือไว้ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะอย่างไรเมื่อทุกอย่างกลับมาปกติ ราคาหุ้นก็มีโอกาสดีดตัวขึ้นเช่นกัน ที่ว่าเป็นจังหวะเก็บพื้นฐานเด่น ถือกันยาวๆ ไม่ผิดหวัง หนึ่งในนั้นคือ SALEE สถาบันวิจัยนครหลวงไทย แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2553 เท่ากับ 3.50 บาท โดยมีประเด็นคาดการณ์กำไรสุทธิงวด Q3/52 ของ SALEE จะเติบโตราว 181.5% yoy และ 197.5% qoq เป็น 66.8 ล้านบาท โดยมีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นสามัญบางส่วนในบริษัทสาลี่พริ้นท์ติ้งให้กับ PAGO ประมาณ 45 ล้านบาท รายละเอียดอื่น ๆ ได้แนะนำไปก่อนหน้า แวะหาอ่านกันได้ ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มองการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น SALEE ตามสัญญาณทางเทคนิคมีโอกาสรีบาวน์ตาม SET Index จึงแนะนำนักลงทุนเล่นเก็งกำไร ตัว KTC บล.ฟิลลิป ให้ราคาพื้นฐานปี 2553 อยู่ที่ 13.80 บาท/หุ้น ปรับคำแนะนำเป็น 'ซื้อ' พร้อมกับคาดหมายกำไรไตรมาส 3 อยู่ที่ 119.68 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 19.2% QoQ และ 16.6% YoY โดยคาดหมายการใช้จ่ายผ่านบัตรเริ่มกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย QoQ ขณะ Cost/Income ทรงตัว QoQ ด้านสำรองคาดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย, ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยปรับ เพิ่มขึ้นหากแต่ Effective Tax Rate ลดลงจากระดับสูงมากที่ 70.5% QoQ พร้อมกับมุมมองภาพสินเชื่อในไตรมาส 4 ของ KTC ฟื้นตัวเป็นบวก โดยเฉพาะสินเชื่อ ส่วนบุคคลขณะที่มาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่อการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะเป็นปัจจัยหลักช่วยผลักดันผลการดำเนินงานของ KTC ในปี 2553 อีกหนึ่งคือ TMB บล.กรุงศรีอยุธยา แนะนำ “ขาย” ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 53 ที่ 1.13 บาท อิงจาก target P/BV ที่ 1 เท่า (ROE 3.7%, long term growth 2.6%) ด้วยเหตุผลว่ากำไรสุทธิ 3Q52 ต่ำกว่าประมาณการที่ 814 ล้านบาท ราว 35% อย่างไรก็ตามแม้จะคาดว่ากำไรสุทธิปี 52 จะเพิ่มขึ้น 223% YoY เป็น 1.37 พันล้านบาท แต่กำไรที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เกิดจากการฟื้นตัวของการดำเนินงานหลักของธนาคาร แต่เกิดจากค่าใช้จ่ายสำรองหนี้ฯ ลดลง และกำไรจากการซื้อคืนตราสารหนี้ด้อยสิทธิคล้ายทุนใน 2Q52 แม้ธนาคารจะสามารถเพิ่มสัดส่วนเงินฝากกระแสรายวันและออมทรัพย์ (CASA) เพิ่มเป็น 52% จาก 37% ใน 3Q51ซึ่งจะสนับสนุนให้การบริหารต้นทุนการเงินมีประสิทธิภาพสูงขึ้นในอนาคต แต่ธนาคารมีปริมาณหนี้ด้อยคุณภาพค่อนข้างสูงเป็นปัจจัยกดดันความสามารถการทำกำไร โดยคาดว่า ROE ปี 52 จะอยู่ที่ 3% ต่ำที่
สุดในกลุ่มธนาคาร จึงแนะนำ “ขาย” จากความสามารถการทำกำไรที่ต่ำกว่าคู่แข่ง เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 53 ที่ 1.13 บาท อิงจาก target P/BV ที่ 1 เท่า (ROE 3.7%, long term growth 2.6%) ซึ่งเป็น P/BV เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง มุมมองของผม "ธณพงศ์ มีทอง" ยังชอบหุ้น 3 ตัว ที่มีคุณลักษณะที่แตกต่างกัน SALEE พื้นฐานดี เงินสดในมือเหลือเยอะ คาดว่าน่าจะมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลหลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ธุรกิจที่ร่วมมือกับพาโก้ จะส่งผลดีเต็มๆ ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป และไตรมาส 4 จะมีกำลังผลิตเพิ่มขึ้น แม้จะไม่มีรายได้พิเศษอะไร แต่ก็มีรายได้เพิ่มจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นของ "เอสซีวาโด" และรายได้จากพาโก้บางส่วนที่เริ่มเข้ามา แต่ในไตรมาส 1 ปีหน้า ตัว "พาโก้" จะเริ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ TMB ยังชอบในฐานะที่เป็นแบงก์ราคาถูก ผลประกอบการที่ออกมา ได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ขณะที่ภายในองค์กรปัจจุบันกำลังปรับโครงสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ (ตามแผน) จากนั้นปีหน้าจะเป็นปีที่รุกตลาดอย่างเต็มที่ ส่วน KTC ยังเป็นหุ้นทำธุรกิจบัตรเครดิตเบอร์หนึ่งของไทย ที่นอกจากจะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจแล้ว การมีกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้การใช้จ่ายผ่านบัตรมีมากขึ้น ผลประกอบการไตรมาส 3 ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์น่าจะออกมาดี บวกกับสไตล์การบริหาร และการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น คาดว่าจะทำให้ปีนี้ KTC ยังโดดเด่นในช่วงที่เหลือของปี มุมมองของผมยังชอบหุ้นทั้ง 3 บริษัท น่าซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว
ธณพงศ์ มีทอง
|
Comments