|
SCB หุ้น Laggard ในกลุ่มแบงก์แนวรับ 93, 91 แนวต้าน 96
|
|
|
Friday, 26 March 2010 11:59 |
|
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ หรือกลุ่มแบงก์ ยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจในปีนี้ เพราะเป็นกลุ่มเดียวที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ที่จะทยอยปรับขึ้นประมาณไตรมาส 2 ขณะที่ช่องว่างของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ยังทำให้มีกำไรได้เพิ่มขึ้น เพราะการปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากจะค่อยๆ ปรับขึ้นเมื่อดูจากในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งกำไรของแบงก์คือส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าการปล่อยสินเชื่อจะขยายตัวได้มากขึ้น เมื่อเทียบกับปีก่อนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนกลยุทธ์การทำธุรกิจของแบงก์ และเมื่อดูจากบทวิเคราะห์ ของโบรกเกอร์ช่วง 2 เดือนแรกของ 7 ธนาคารพบว่าเพิ่มขึ้น รวมทั้งคาดว่าค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น จากธุรกิจประกันภัย ประกันชีวิต และค่าธรรมเนียมอื่นๆ จะเพิ่มขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน จึงคาดว่า ปีนี้จะเป็นอีกหนึ่งปีของกลุ่มแบงก์ที่จะมีอัตราการเติบโตที่ดีทั้งรายได้ และกำไร โดยเฉพาะโบรกเกอร์ได้ยกให้กำไรของแบงก์จะมีอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปี โดยยกให้ Top Picks ของกลุ่มคือ KBANK, SCB
อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มได้ปรับตัวขึ้นมาระยะหนึ่ง โดยเฉพาะ KBANK ได้ปรับตัวขึ้นทดสอบที่ 100 บาทไปแล้ว เหลือแต่ หุ้นที่ยังปรับชึ้นตามหลังกลุ่ม หรือยังเป็น laggard ก็คือ SCB ซึ่งบล.เคทีซีมิโกมองว่า ราคาหุ้นปรับขึ้นเพียง 1.07% ตามหลังดัชนีกลุ่มธนาคารที่ปรับขึ้นแล้ว 1.8% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” สำหรับ SCB ให้ราคาเป้าหมายปี 2553 ที่ 102 บาท คาดว่าในเดือน มี.ค. สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่จะเริ่มเบิกถอนเงินกู้ และสินเชื่อรายย่อยยังเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง สังเกตว่า SCB ได้อนุมัติสินเชื่อให้บริษัทขนาดใหญ่หลายบริษัทอาทิเช่น เครือ CP, กลุ่ม GM และ เครือ PTT ในการขยายฐานธุรกิจในอินโดนีเซีย ในเดือน พ.ย. 2552 ซึ่งยังไม่ได้ทำการเบิกเงินกู้ที่อนุมัติแล้ว
ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากปีก่อน ยังมอง SCB ในมุมมองเชิงบวก คาดว่าธนาคารมีแนวโน้มที่จะสามารถขยายฐานสินเชื่อและรายได้จากค่าธรรมเนียมให้เติบโตแข็งแกร่งกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้หากเศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วกว่ากำหนด , และเชื่อว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย SCB ยังแข็งแกร่งและการบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานยังอยู่ในแนวโน้มที่ควบคุมได้ดี จึงยังคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2553 ที่ 102 บาทจาก PBV 2.1 เท่า SCB เป็นหนึ่งในบริษัทที่ชอบในกลุ่มธนาคารเนื่องจาก การฟื้นตัวของสินเชื่อจะเพิ่มอย่างมากในปีนี้ (โดยส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และ ธุรกิจรายย่อย อีกทั้งอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ต่ำที่สุดกว่าทุกธนาคารใหญ่ และสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธนาคารสูงสุดเป็น 17%
บล.กรุงศรีอยุธยา แนะนำ “ซื้อ” มูลค่าพื้นฐานที่ 102 บาท มองว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจไทยเป็นแบบช้าๆ กอปรกับปัญหามาบตาพุดยังไม่มีข้อสรุปอาจกดดันการขยายตัวของสินเชื่อปี 53 ไม่เป็นตามคาด โดยเราประมาณการสินเชื่อของ SCB ในปี 53 เติบโต 6%YoY ต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารที่ขยายตัว 7-10% YoY แต่เรามีความเห็นสอดคล้องกับธนาคารในด้านการลดสำรองหนี้ลง เนื่องจากธนาคารมีคุณภาพสินเชื่อที่แข็งแกร่ง และมีระดับ Coverage Ratio สูงที่ 95% สามารถรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจปี 53 ได้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 102 บาท อิงจาก Target P/BV ที่ 2.2 เท่า (ROE 15.5%, long term growth 10.2%)
ด่วน…. แจ้งยกเลิกงานสัมมนาวันที่ 27 มีนาคม 2553 หลังสถานการณ์ทางการเมืองคาดว่าขบวนม็อบ จะผ่านหน้าตึกธนภูมิ ส่วนความคืบหน้า จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง และขอขอบคุณที่ให้การสนับสนุน “กระแสหุ้นออนไลน์”
|
Comments