"ธณพงศ์ มีทอง" มอง TNDT ในมุมข่าว พื้นฐานดี ปันผลเด่น |
![]() |
Tuesday, 05 January 2010 14:55 | |||
แม้ว่าช่วงที่เข้าตลาด mai ใหม่ หุ้น TNDT จะเป็นหุ้นอภินิหารโดนกระชากลากถูไปมากกว่า 10 จนทำให้ "ชมเดือน ศตวุฒิ" กรรมการผู้จัดการตกใจ เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นของตัวเอง ท้ายที่สุดด้วยพื้นฐานที่โดดเด่นทำให้วันนี้ TNDT กลายเป็นหุ้นที่น่าจับตา และเป็นหุ้นที่นำมาให้เลือกช้อป จากปัจจัยพื้นฐานของการทำธุรกิจ "ชมเดือน ศตวุฒิ" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) หรือ TNDT ได้ตั้งเป้าปี 2553 ว่าจะมีรายได้ไว้ที่ 360 ล้านบาท หรือ ขยายตัว 20% จากปี 2552 ที่คาดว่าจะทำได้ 300 ล้านบาท จากงานในมือ(Backlog) ที่สูงถึงอยู่ที่ 370 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปีนี้ 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 270 ล้านบาท จะรับรู้รายได้ในปีหน้า พร้อมๆ กับเตรียมรับงานในต่างประเทศอย่างเต็มที่ และคาดว่าภายใน 2-3 ปีงานในต่างประเทศจะอยู่ที่ 5% เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่สัดส่วนงานในต่างประเทศไม่ถึง 1% หลังจากพบว่างานดังกล่าวมีมาร์จิ้นดีมากๆ คือ ไม่ต่ำกว่า 30% ส่วนงานในประเทศมีมาร์จิ้นอยู่ที่ 20% ส่วนประเทศที่บริษัทฯ จะเริ่มเข้าไปรับงานประกอบด้วย เวียดนาม อินโดนีเซีย และจีน จากผลประกอบการที่เติบโตโดดเด่น ทำให้ผู้บริหารคาดการณ์ว่า การจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดปี 2552 มีโอกาสที่จะจ่ายมากกว่างวดปี 2551 ที่ 0.15 บาทต่อหุ้น เพราะได้ปัจจัยบวกจากการยกเว้นภาษีของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นระยะเวลา 8 ปี เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3/2552 ตรงนี้จะทำให้ผลประกอบการออกมาดีมาก เมื่อเทียบกับผลประกอบการปกติ จุดเด่นของ TNDT แม้จะเป็นบริษัทเล็กๆ แต่ได้งานของบริษัทใหญ่ๆ เช่น PTTEP สัญญา 5-6 ปี งานตรวจสอบประจำปีของ IRPC รวมทั้งงานของ PTT ซึ่งได้เซ็นสัญญาไปแล้วมูลค่า 19 ล้านบาท และงานโรงไฟฟ้า 700 เมกะวัตต์ Doosan มูลค่า 18 ล้านบาท และยังมีงานในมาดากัสกา ซึ่งเป็นสัญญาระยะยาวที่บริษัทฯ รับรู้รายได้ไปแล้ว 40% หรือ 5 ล้านบาท จากมูลค่างานทั้งหมด 10-12 ล้านบาทต่อ 1 โครงการ และการขยายตลาดไปยังเวียดนาม บริษัทก็ยังไปตั้งสาขาย่อยที่นั่น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2553 ร่วมกับพันธมิตรที่นั่น ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อสาขา เงินที่ใช้ก็เป็นกระแสเงินสดในการดำเนินงาน ส่วนภายใน 2 ปีข้างหน้า บริษัทฯเตรียมที่จะตั้งสาขาย่อยเพื่อรับงานในประเทศอินโดนีเซีย ภายใน 4 เดือน คงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะจากลูกค้าในเวียดนาม อินโดฯ และจีน
|
Comments