ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง170.36จุด
Print
Saturday, 25 January 2020 08:57

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) ที่ 28,989.73 จุด ลดลง 170.36 จุด หรือ -0.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,295.47 จุด ลดลง 30.07 จุด หรือ -0.90% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,314.91 จุด ลดลง 87.57 จุด หรือ -0.93% เนื่องจากนักลงทุนได้เทขายหุ้นออกมา ท่ามกลางความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับขอบเขตการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มขึ้นในประเทศจีน และขณะนี้สหรัฐพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาเป็นรายที่ 2 แล้ว

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วง 1.2%, ดัชนี S&P500 ลดลง 1% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 0.8%

นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยงอีกครั้ง เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาซึ่งเริ่มขึ้นในประเทศจีน และกำลังแพร่ระบาดไปยังหลายประเทศ

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ยืนยันว่า มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นรายที่ 2 ในสหรัฐ โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวเป็นหญิงจากเมืองชิคาโก ซึ่งได้เดินทางกลับจากเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ยของจีน

นอกจากนี้ CDC ยังเปิดเผยว่า ทางศูนย์กำลังเฝ้าระวังผู้ที่มีแนวโน้มติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อีก 63 รายใน 22 มลรัฐในสหรัฐ

พญ.แนนซี เมสซอนเนียร์ ผู้อำนวยการศูนย์รักษาโรคทางเดินหายใจและภูมิคุ้มกันแห่งชาติสหรัฐ กล่าวว่า "CDC เชื่อว่า ขณะนี้ความเสี่ยงต่อชาวสหรัฐที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ แต่สถานการณ์กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว"

ขณะนี้ ผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 26 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในจีน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งขึ้นกว่า 900 ราย

ทั้งนี้ อเมริกัน เอ็กซ์เพรสเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ 1.1365 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.1360 หมื่นล้านดอลลาร์ และบริษัทมีกำไร 2.03 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.01 ดอลลาร์/หุ้น

ส่วนราคาหุ้นอินเทลทะยาน 8.13% หลังเปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 4/2562 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีกำไร 1.52 ดอลลาร์ต่อหุ้นจากรายได้รวม 2.02 หมื่นล้านดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.1 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน จากระดับ 52.7 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนี PMI อยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัวทั้งในภาคการผลิต และบริการ

บรรดานักลงทุนจะจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ม.ค.นี้ ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ที่จะคงอัตราดอกเบี้ยตลอดทั้งปีนี้

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment