ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น529.95จุด
Print
Wednesday, 27 May 2020 07:44

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (26 พ.ค.) ที่ 24,995.11 จุด พุ่งขึ้น 529.95 จุด หรือ +2.17% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,991.77 จุด เพิ่มขึ้น 36.32 จุด หรือ +1.23% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,340.22 จุด เพิ่มขึ้น 15.63 จุด หรือ +0.17% ขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากรัฐบาลของประเทศต่างๆเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดทางให้ภาคธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก โดยดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นทดสอบระดับ 25,000 จุดในระหว่างวัน หลังจากโนวาแวกซ์ (Novavax) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐ แถลงว่า ทางบริษัทได้เริ่มทำการทดลองทางคลินิกเฟสแรกในการใช้วัคซีน NVX-CoV2373 เพื่อต้านไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าจะสามารถทราบผลเบื้องต้นเกี่ยวกับความปลอดภัย และความสามารถในการกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน (immunogenicity) จากการทดลองดังกล่าวในเดือนก.ค.นี้ ทางด้าน Merck ซึ่งเป็นบริษัทยาของสหรัฐ แถลงว่า ทางบริษัทจะร่วมมือกับ IAVI ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร ในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยจะใช้เทคโนโลยี rVSV ซึ่งเป็นพื้นฐานสำหรับการผลิตวัคซีนด้านไวรัส Ebola Zaire

นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษจะอนุญาตให้มีการเปิดห้างสรรพสินค้าและธุรกิจบางส่วนในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ตามมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟสที่สอง ขณะที่หนังสือพิมพ์ Bild ของเยอรมนีรายงานว่า รัฐบาลเยอรมนีมีแผนที่จะผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะทางสังคมให้เร็วขึ้น 1 สัปดาห์ จากเดิมที่จะมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 5 ก.ค. มาเป็นวันที่ 29 มิ.ย. และตั้งเป้าจะยกเลิกคำเตือนการเดินทางไปยัง 31 ประเทศในยุโรปในช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 1% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่ายอดขายจะดิ่งลง 22%

ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 86.6 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 85.7 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 82.3 นอกจากนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 4.4% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.2% ในเดือนก.พ.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2563 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย., ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

Written by :
กระแสหุ้นออนไลน์
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment