Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home All News ตีเกราะเคาะหุ้น มองแบบ "ธณพงศ์ มีทอง" บ่ายนี้ต้อง DTAC
มองแบบ "ธณพงศ์ มีทอง" บ่ายนี้ต้อง DTAC PDF Print E-mail
Wednesday, 14 October 2009 13:20

ข่าวดีสำหรับหุ้นในกลุ่มสื่อสาร เมื่อคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ยืนยันว่า กรอบการประมูลในอนุญาตโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3G ให้เป็นไปตามกรอบเดิม ที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม หรือ กทช. มีแผนจะเปิดประมูลในเดือนธันวาคม 2552 โดยที่ครม.ไม่มีอำนาจในการ่าง TOR และยังไม่มีการหารือถึงเรื่องอำนาจดังกล่าวเพราะกทช.ตั้งตามรัฐธรรมนูญ มีอำนาจในการจัดสรรคลื่นความถี่ รวมทั้งครม.ไม่มีอำนาจสั่งการ หรือทำให้การประมูลคลาดเคลื่อนออกไปแต่อย่างดี
                ขณะเดียวกัน กทช.ได้แจ้งที่ประชุมครม.ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการให้ใบอนุญาต 3G โดยอยู่ระหว่างเตรียมประชุมรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และยังคงมีแผนในการเปิดประมูลในเดือนธันวาคมเหมือนเดิม
                ประเด็นที่น่าสนใจจากมุมข่าวแรก ฟิทช์ เรทติ้งส์ จัดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ (International Long-term Local Currency Issuer Default Rating) ของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คแซสคอมมูนิเคชัน จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC ที่ระดับ ‘BBB-’ และประกาศคงอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (International Long-term Foreign Currency Issuer Default rating) ที่ ‘BBB-’  อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ระดับ ‘A+(tha)’  อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันที่ระดับ ‘A+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F1(tha)’  แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
                อันดับเครดิตของ DTAC สะท้อนถึงสถานะทางการเงินและสถานะทางการตลาดของบริษัทที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ   DTAC มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2551 และครึ่งปีแรกของปี 2552 บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสุทธิ (Free Cash Flow) 6.3 พันล้านบาท และ 9.7 พันล้านบาทตามลำดับ อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย และค่าเช่า (Adjusted net debt to EBITDAR) ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 1.3 เท่า ณ สิ้นปี 2551 และ 1.0 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปี 2552 จาก 1.7 เท่า ณ สิ้นปี 2550
                ปัจจุบัน DTAC ได้ลงทุนขยายเครือข่ายการให้บริการอย่างต่อเนื่องครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ได้แม้จะมีการแข่งขันที่รุนแรง ประกอบกับการประกาศใช้การเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคม (Interconnection Framework) โดยคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ในช่วงปลายปี 2549 ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของ DTAC ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายให้หน่วยงานภาครัฐลดลง
                ส่วนเรื่องของ 3G สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เตรียมกำหนดการประมูลใบอนุญาต 3G ในเดือน ธ.ค. 2552 และคาดว่าจะให้ไลเซ่นส์ 3G แก่ผู้ประกอบการได้ในเดือน ม.ค.2553 จากนั้นจะมีการโอนย้ายลูกค้าเดิมไปอยู่ในใบอนุญาตใหม่ ทำให้จ่ายส่วนแบ่งรายได้ลดลงจาก 20-25% เหลือประมาณ 10% และยังมีโอกาสที่จะได้ประโยชน์จากรายได้อื่น เช่น รายได้จาก DATA ผ่านอินเตอร์เน็ตเคลื่อนที่ความเร็วสูงเพิ่มขึ้น หลังจากเปิดให้บริการ
                ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3 ของกลุ่มสื่อสาร จะฟื้นตัวตามผลของฤดูกาล คือช่วงครึ่งปีหลังถือเป็น High Season นอกจากรายได้ภายในประเทศยังจะมีรายได้จากการให้บริการเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างประเทศ [Inter Roaming) เพิ่มขึ้น บวกกับโปรโมชั่นใหม่ที่เน้นการโทรภายในเครือข่ายมากขึ้น จะช่วยลดการจ่ายค่า IC และแผนควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนของการตลาดที่คาดว่าจะลดลงค่อนข้างมากทำให้รายได้ในไตรมาส 3 น่าจะปรับตัวดีขึ้น
                ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง มาจากผลกระทบเรื่อง 3G ที่เชื่อกันว่าการเปิดประมูลบนคลื่นความถี่ 2.1 GHz ไม่แน่นอน และยังมีความเสี่ยงหากปัญหาการเข้าถือครองของทุนจากต่างชาติยังไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งจะส่งผลให้ผลประโยชน์ทางด้านต้นทุนที่ DTAC จะได้จะต้องถูกเลื่อนออกไป ประเด็นนี้จะเห็นว่า การประชุมครม.วันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม กรอบการประมูลก็ยังเหมือนเดิม แต่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาต่ำกว่า 40 บาท/หุ้น ทำให้ระดับราคาดังกล่าวน่าสนใจเมื่อเทียบกับ บล.ซิกโก้ ได้มีบทวิเคราะห์ ให้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 52.00 บาท  ด้าน บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำ ซื้อ ในขณะที่ราคาหุ้นอยู่ที่ 43 บาท ว่ามีที่ P/E และ EV/EBITDA ปี 53 ที่ 12.9 และ 5.1 เท่า ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนเพียงธุรกิจที่ทำอยู่ในปัจจุบันคือ 2G เท่านั้น แต่หากให้โอกาสการเกิด 3G เป็น 50% จะประเมินราคาหุ้นพื้นฐานได้เป็น 54.60 บาท ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF

ธณพงศ์ มีทอง
This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it

Written by :
Nike_mand
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday1300
mod_vvisit_counterAll days1300

We have: 1297 guests online
Your IP: 216.73.216.136
Mozilla 5.0, 
Today: Dec 06, 2025

4101112