Daily View - บล.กสิกรไทย |
![]() |
![]() |
![]() |
Friday, 29 June 2018 09:47 | |||
SET Index ปรับลงต่ำกว่า 1,600 จุด ด้วย Momentum การขายที่มีอยู่ต่อเนื่อง จะทำให้ดัชนีปรับลงสู่ 1,577 จุด ซึ่งเป็น Forward PER 14 เท่าและเป็นระดับที่จะทำให้ Earning Yield Gap 5.17% เหมาะแก่การซื้อเพื่อลงทุนระยะยาวลุ้นการฟื้นตัวครึ่งปีหลัง เลือก CPN KCE และ PTTEP ให้ Let Profit Run Forward PER 14 เท่า 1,577 จุด เป็นแนวที่ควรเข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว: SET Index ปรับลงมาต่ำกว่า 1,600 จุดแล้ว ด้วย momentum การขายที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะทำให้ดัชนีปรับลงมาถึง 1,577 จุด ซึ่งเป็นระดับ Forward PER 14 เท่า มองเป็นระดับที่ควรต้องซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว SET Index ในปัจจุบันที่ 1600 จุด ทำให้ Earning yield gap (EYG) ทะยานขึ้นสู่ระดับ 5.07% สูงที่สุดในรอบ 4 ปี (ระดับ EYG ที่เกิน 4.7% มักจะทำให้ SET Index ฟื้นตัวขึ้นได้ทุกครั้งใน 4 ปีที่ผ่านมา) แม้ EYG ที่ 5.07% จะสะท้อนถึงผลตอบแทนของตลาดที่น่าจูงใจแล้ว แต่ถ้า SET Index ยังปรับลงไปอีกจนถึง 1,577 จุด จะทำให้ EYG ถีบขึ้นสู่ 5.17% เป็นระดับที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ ต.ค.54 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตุว่า ณ ตอนนั้น EYG ในระดับเกิน 5.10% สามารถทำให้ SET Index พลิกฟื้นจากการปรับฐานอย่างหนักหน่วงระหว่าง ส.ค.-ต.ค. กว่า 26% จนถึง 843 จุด ก่อนจะดีดตัวสู่ 1,314 จุดในอีก 1 ปีถัดมาหรือปรับเพิ่มขึ้นกว่า 55% ด้วยปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศที่แข็งแกร่ง พร้อมจะเป็นปริงบอร์ดที่ทำให้ SET Index ดีดตัวได้ทุกเมื่อ หากปัจจัยลบจากต่างประเทศผ่อนคลายลง เชื่อว่าในครึ่งหลังของปีปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศบวกกับระดับ Valuation ที่น่าสนใจ จะทำให้ SET Index พลิกฟื้นเพื่อย้อนกลับไปสู่เป้าหมาย 1,898 จุด Sell in May and come back in July : หลังจากที่นักลงทุนต่างประเทศเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเดือน พ.ค. - มิ.ย.61 ขายเฉลี่ยเดือนละ 5.16 หมื่นล้านบาทต่อเดือน ซึ่งทำให้การขาย 9 เดือนติดต่อกันสะสมรวมเป็น 2.18 แสนล้านบาท เฉพาะในครึ่งปีแรก 2561 ขาย 1.77 แสนล้านบาท ปริมาณการขายของต่างชาติตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาถือเป็นระดับที่รุนแรงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ ด้วยปัจจัยลบที่ยังปกคลุม โดยเฉพาะประเด็นกระแสเงินไหลออกจาก Emerging Market ทำให้ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเห็นแรงขายของต่างชาคิกดดัน SET Index อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเมื่อไปดูสถิติการซื้อขายรายเดือนของนักลงทุนตั้งแต่ปี 2552 - ปัจจุบัน จะพบว่า นักลงทุนต่างประเทศมักจะทำการขายในเดือน พ.ค.-มิ.ย. ของทุกปีด้วยความน่าจะเป็นเกือบ 70% แต่ก็จะกลับมาซื้อสุทธิในเดือน ก.ค. ด้วยความน่าจะเป็น 80% เมื่อมองแบบเฉพาะเจาะจง จะพบว่าหากปีไหนมีการขายใน พ.ค. จะกลับมาซื้อ ก.ค. ด้วยความน่าจะเป็น 100% จากปริมาณการขายอันหนักหน่วงจนทำยอดสะสมตั้งแต่ปี 2552-ปัจจุบัน เป็นขายสุทธิถึง 3.3 แสนล้านบาท %Foreign Ownership ลงต่ำถึง 31% ใกล้ที่จะทำจุดต่ำสุดในรอบ 14 ปีเข้าไปทุกที หากปัจจัยลบจากต่างประเทศผ่อนคลายลง แม้ต่างชาติอาจไม่กลับเข้ามาซื้อตามสถิติ แต่อย่างน้อยก็น่าจะชะลอการขายลง ความผันผวนของตลาดจากการหมดอายุของ Series M ได้จบลงไปแล้ว จับตาการซื้อของบัญชีซื้อขายเพื่อบริษัทหลักทรัพย์ : SET Index วานนี้เกิดความผันผวนค่อนข้างรุนแรงในช่วง 20 นาทีท้ายก่อนตลาดปิด มองว่าไม่ได้มาจากประเด็นของ Series M ที่หมดอายุลง เนื่องจากนักลงทุนที่ลงทุนผ่าน Block Trade และยังกระจุกอยู่ใน Series M หากจะ Rollover ส่วนใหญ่ได้ลงมือไปตั้งแต่เมื่อ 27 มิ.ย.61 ส่วนที่จะปล่อยให้สัญญาหมดอายุ ส่วนใหญ่ได้ปิดสัญญากันในช่วงเช้าของวันที่ 28 มิ.ย.61 หรืออย่างช้าก็จะไม่เกิน 16.00 น. เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างประเทศใน SET50 Futures มีปริมาณการซื้อขายที่กลับมาเหลือ 4.8 หมื่นสัญญา สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 3.4 หมื่นสัญญาเล็กน้อยสะท้อนว่าต่างชาติได้ Rollover ไปเยอะแล้วตั้งแต่ 27 มิ.ย. ดังนั้นความผันผวนของตลาดในช่วงท้ายตลาดน่าจะเกิดจากการเทขายของนักลงทุนต่างประเทศตามกระแสเดิมเป็นหลัก อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตุว่าช่วง 15.30 - 16.00 น. SET Index เหมือนจะมีการฟื้นตัว คาดว่าเกิดจากการเข้าซื้อของบัญชีซื้อขายเพื่อบริษัทหลักทรัพย์ (วานนี้พอร์ตโบรกซื้อสุทธิ 1.8 พันล้านบาท ทั้งๆที่วงเงิน Block โดยรวมลดลงอีก 1 พันล้านบาทเหลือ 2.8 หมื่นล้านบาท เท่ากับว่าเป็นการซื้อของตัวโบรกเกอร์ตรงๆกว่า 2.8 พันล้านบาท) อาจเป็นตัวแปรที่สร้างความผันผวนให้กับตลาดได้ จึงควรระมัดระวังไว้เป็นอย่างสูง
กลยุทธ์การลงทุน: ดัชนีลงต่ำกว่า 1,600 จุด เป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพิ่มเรื่อยไปจนถึง 1,577 จุดเลือก PTTEP CPN KCE เป็น Top Pick ต่อเนื่อง ส่วนระยะกลางถึงยาว สามารถรอซื้อเพิ่มอีกครั้งในยามที่ดัชนีย้อนลงต่ำกว่า 1,650 จุดให้เน้นไปที่กลุ่มหุ้น Monthly Pick ของ KS Research ที่ยังมี Upside สูง เช่น BBL KTB MTC ORI LH AP SPALI QH CPN CPALL BEAUTY BEM KCE HANA IVL
Daily Picks Daily Picks Trading Target PTTEP 145.00 KCE 40.00 CPN 74.00
Monthly pick BBL CPN KTB CPALL MTC BEAUTY ORI BEM LH KCE AP HANA SPALI IVL QH
KS Daily Portfolio KS Daily Portfolio ปัจจุบันถือหุ้น PTTEP BBL KCE และเงินสด 40% 1. หุ้น Global Play PTTEP คาดว่าราคาน้ำมันจะยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2561-2562 เนื่องจากสถานการณ์ของตลาดมีความสมดุลมากขึ้นและสต๊อกน้ำมัน OECD แตะระดับเฉลี่ยช่วง 5 ปีแล้ว โดย PTTEP มี Upside ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐานที่ 153.0 บาท นอกจากนั้นยังมี upside ต่อประมาณการและราคาเป้าหมายจากแนวโน้มการลงทุนเพิ่มขึ้นในแหล่งเอราวัณ, ยอดขายแหล่งบงกชที่คาดเพิ่มขึ้น (หากบริษัทชนะประมูลสัมปทาน) และการเข้าซื้อกิจการ 2. หุ้นที่อิงกับ Investment Cycle BBL รายงานกำไรไตรมาส 1/2561 ที่ 9 พันลบ. (+8.4% YoY และ 6% QoQ) เป็นไปตามที่ตลาดและเราคาด ทั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากรายได้ค่าธรรมเนียม กำไรจาการลงทุน และรายได้อื่นๆที่สูงกว่าคาด ผู้บริหารยังเป้าการเงินไว้ตามเดิม โดยการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิที่เลขหลักเดียว และเป้าเติบโตของสินเชื่อที่ 5-6% คาดว่าธุรกิจสินเชื่อจะเป็นแรงหนุนให้เกิดการขยายตัวในครึ่งปีหลัง KCE เริ่มมีปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของเงินบาทและการปรับลดลงของราคาทองแดง โดยคาดว่าปัญหาคอขวดในการผลิตจะคลี่คลายในช่วงที่เหลือของปี จากการทยอยติดตั้งเครื่องจักรใหม่เริ่มตั้งแต่เดือน เม.ย. ด้วยคำสั่งซื้อและ backlog ที่แข็งแกร่ง กอปรกับคาดการณ์ของเราที่ว่าเงินบาท/ดอลลาร์ฯ จะอ่อนค่าลงในปี 2562/63 เราจึงประเมินอัตราการเติบโตด้านกำไรที่แข็งแกร่งในปี 2562-63 ที่ระดับ 38% ดังนั้น เราจึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าเป้าหมาย 39.75 บาท
Analyst (s)
ประกิต สิริวัฒนเกตุ This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
KS Research Team
Kasikorn Securities PCL
โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด ประจำวันที่ 29 มิ.ย. 2561
|
![]() | Today | 956 |
![]() | All days | 956 |
Comments