Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Economic View สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย
สรุปประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินรายวัน - ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย PDF Print E-mail
Friday, 20 October 2017 09:46

Snapshot

 

สหรัฐอเมริกา

นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวกล่าวในวันพุธว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐจะประกาศว่า เขาเลือกใครให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) "ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า" ปธน.ทรัมป์มีกำหนดจะสัมภาษณ์นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดคนปัจจุบันในวันนี้ ในขณะที่วาระการดำรงตำแหน่งสมัยปัจจุบันของนางเยลเลนจะสิ้นสุดลงในเดือนก.พ. 2018 โดยนางเยลเลนเป็นหนึ่งในตัวเลือก 5 คนที่ปธน.ทรัมป์กำลังพิจารณาสำหรับตำแหน่งประธานเฟด เป็นที่คาดกันว่า ปธน.ทรัมป์จะประกาศผลการตัดสินใจของเขาก่อนที่เขาจะเดินทางไปเยือนทวีปเอเชียในช่วงต้นเดือนพ.ย.

Conference Board รายงานว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ประจำเดือนกันยายนลดลง 0.2% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนสิงหาคม ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้น 0.1% ทั้งนี้ ดัชนี LEI คำนวณจากตัวเลขเศรษฐกิจ 10 หมวด ซึ่งรวมถึง คำสั่งซื้อใหม่ของภาคการผลิต, ราคาหุ้น และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

ยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 22,000 ราย สู่ระดับ 222,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2516 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 240,000 ราย ตัวเลขผู้ที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกยังคงอยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 137 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1970 ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ยของยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกแบบถ่วงน้ำหนักเคลื่อนที่ 4 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ ลดลง 9,500 ราย สู่ระดับ 248,250 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 7 ตุลาคมมีจำนวนลดลง 16,000 ราย อยู่ที่ระดับ 1.89 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2516 และยังคงอยู่ต่ำกว่า 2 ล้านราย เป็นสัปดาห์ที่ 27 ติดต่อกัน

Politico รายงานว่า นายเจอโรม โพเวลล์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ขึ้นเป็นตัวเก็งสำหรับตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ(Fed) คนใหม่ ซึ่งทำเนียบขาวระบุในวันพุธว่า ปธน.ทรัมป์จะประกาศการตัดสินใจในไม่กี่วันข้างหน้านี้  ทั้งนี้ บรรดานักลงทุนกำลังรอดูว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเลือกใครเป็นประธานเฟดคนใหม่ โดยการเลือกนายโพเวลล์จะเป็นการสานต่อนโยบายการเงินที่เป็นมิตรกับตลาดหุ้นที่อยู่ในภาวะกระทิงมานานกว่า 8 ปี

นายสเตเฟน ดูจาร์ริค โฆษกของนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) กล่าวว่า นายกูเตอร์เรสจะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพบปะกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ทำเนียบขาว อย่างไรก็ดี ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของการประชุมดังกล่าว เพียงแต่กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือกันเกี่ยวกับประเด็นที่เป็นความห่วงใยร่วมกัน ซึ่งรวมถึงการปฏิรูปองค์กรใน UN ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ และ UN ไม่ราบรื่น หลังจากที่ปธน.ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ โดยปธน.ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากความตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ, ประกาศถอนตัวจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก)  นอกจากนี้ สหรัฐยังเคยขู่ที่จะถอนตัวจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของ UN

 

ยุโรป: รัสเซีย

ธนาคารกลางรัสเซียแถลงว่า ดุลความเสี่ยงของเศรษฐกิจรัสเซียในปัจจุบันบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางยังคงสามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกหลายไตรมาส นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังระบุว่า การแข็งค่าของสกุลเงินรูเบิลยังคงช่วยชะลอภาวะเงินเฟ้อ และคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคจะดีดตัวสู่ระดับ 4% หลังจากที่ผลกระทบจากปัจจัยพิเศษได้เบาบางลง

 

สเปน

บรรดาผู้นำของประเทศในสหภาพยุโรป (EU) ต่างเรียกร้องให้รัฐบาลกลางของสเปนและรัฐบาลของแคว้นกาตาลุญญาแก้วิกฤตการณ์ทางการเมืองด้วยการเจรจา อาทิ นายชาร์ลส์ มิเชล นายกรัฐมนตรีเบลเยียม ที่ระบุเรียกร้องให้มีการเจรจากันเพื่อแก้วิกฤตการณ์ทางการเมือง เพื่อลดความตึงเครียด และประณามการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ ทางด้านนายซาเวียร์ เบตเตล นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก กล่าวว่า จะต้องมีการเคารพต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญของสเปน และเห็นด้วยกับจุดยืนของรัฐบาลสเปนว่า การประกาศเอกราชของแคว้นกาตาลุญญาเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ผู้นำของ EU จัดการประชุมสุดยอดในวันนี้ และพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นความขัดแย้งเกี่ยวกับแคว้นกาตาลุญญา และรัฐบาลสเปน ไม่อยู่ในวาระการประชุมในสัปดาห์นี้

 

เอเชีย : จีน

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัว 6.8% ในไตรมาส 3 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ และลดลงจากไตรมาส 2 เนื่องจากการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรชะลอตัวลง นักวิเคราะห์ในผลสำรวจของรอยเตอร์คาดไว้ว่า จีดีพีจีนอาจขยายตัว 6.8% ในไตรมาส 3 จาก 6.9% ในไตรมาส 2 ขณะที่มีการคาดการณ์ว่าความพยายามของผู้กำหนดนโยบายเพื่อควบคุมการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และมาตรการลดหนี้จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในบางภาคส่วน แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ได้แรงหนุนจากการขยายตัวมากเกินคาดของภาคการค้า และการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร  จีนตั้งเป้าให้จีดีพีขยายตัวราว 6.5% ในปีนี้ ลดลงเล็กน้อยจาก 6.7% ในปีที่แล้วซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดในรอบ 26 ปี เมื่อเทียบรายไตรมาส เศรษฐกิจขยายตัว 1.7% ในไตรมาส 3 เทียบกับ 1.8% ในไตรมาส 2 ซึ่งถูกทบทวนปรับเพิ่มขึ้นจาก 1.7% ที่รายงานไปเบื้องต้น ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจีดีพีไตรมาส 3 อาจเพิ่มขึ้น 1.7% NBS ยังได้ทบทวนปรับเพิ่มข้อมูลจีดีพีไตรมาสแรกขึ้นเป็น 1.4% จาก 1.3% ด้วย

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 6.6% ในเดือนก.ย.จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้น 7.5% ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 10.3% (YoY) ในเดือนก.ย

นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) กล่าวว่า กรอบซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนหยวนไม่ใช่ประเด็นสำคัญในขณะนี้ และเขากล่าวว่าขนาดความกว้างของกรอบซื้อขายหยวนแทบไม่เคยจำกัดอุปทานและอุปสงค์ ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวเคยกล่าวในเดือนส.ค.ว่า ธนาคารกลางจีนกำลังพิจารณาเรื่องการขยายความกว้างของกรอบซื้อขายหยวน หลังจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนจัดการประชุมสภาพรรคครั้งที่ 19 นายปัน กงเซิง ผู้อำนวยการสำนักปริวรรตเงินตราของรัฐบาลจีน (SAFE) กล่าวนอกรอบการประชุมสภาพรรคว่า ตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศมีเสถียรภาพในปัจจุบัน และเขากล่าวเสริมว่า อุปทานและอุปสงค์ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศอยู่ในภาวะสมดุล

นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวว่า จีนจะป้องกันความเสี่ยงจากการมองในมุมมองบวกมากเกินไปซึ่งอาจจะนำไปสู่ช่วงเวลาที่เรียกว่า "Minsky Moment" และเสริมว่า หนี้ของภาคเอกชนอยู่ในระดับสูงพอสมควร และหนี้ภาคครัวเรือนก็กำลังเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป Minsky Moment คือภาวะที่ราคาสินทรัพย์ดิ่งลงกะทันหัน หลังจากที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเวลานาน โดยเกิดขึ้นเนื่องจากแรงกดดันด้านหนี้และค่าเงิน โดยทฤษฎีนี้ถูกตั้งชื่อตามนายไฮแมน มินสกี นักเศรษฐศาสตร์ชาวสหรัฐ นายโจวกล่าวว่า จีนจะควบคุมความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของภาวะฟองสบู่สินทรัพย์ และจะจัดการอย่างจริงจังกับหนี้ขององค์กรเฉพาะกิจที่เรียกว่า Local Government Financing Vehicles

คณะกรรมการควบคุมกฎระเบียบธนาคารจีน (CBRC) แถลงว่า จีนจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าถึงภาคธนาคารจีนได้มากยิ่งขึ้น และจีนจะปราบปรามการดำเนินธุรกิจที่ผิดปกติ เพื่อสกัดกั้นความเสี่ยงทางการเงิน นายกัว ซูชิง ประธาน CBRC กล่าวในงานแถลงข่าวในระหว่างการประชุมสภาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 ว่า "เราจะเปิดโอกาสที่มากยิ่งขึ้นสำหรับธนาคารต่างชาติในด้านของการจัดตั้งกิจการ, คุณสมบัติของผู้ถือหุ้น, สัดส่วนในการถือหุ้น และขอบเขตในการประกอบธุรกิจ"  นายกัวกล่าวว่า ธนาคารต่างชาติครองส่วนแบ่งในตลาดจีนเพียง 1.2% ในปัจจุบัน โดยลดลงจาก 2.4% เมื่อ 10 ปีก่อน นายกัวกล่าวว่า จีนจะเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กฎระเบียบที่ใช้ในการจัดการกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) และจีนจะยังคงควบคุมความเสี่ยงทางการเงินต่อไป พร้อมกับสกัดกั้นการพุ่งขึ้นของหนี้ที่ซุกซ่อนอยู่ CBRC ระบุว่า ธนาคารจีนได้ขาย NPL, ตัดบัญชี NPL หรือนำ NPL มาจัดประเภทใหม่เป็นมูลค่ารวมกัน 9.799 แสนล้านหยวนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ นายกัวกล่าวว่า ผู้ควบคุมกฎระเบียบของจีนจะสกัดกั้นความเสี่ยงทางการเงินแบบข้ามตลาด และจะดำเนินการปฏิรูปในเชิงลึกมากยิ่งขึ้นด้วย

 

ญี่ปุ่น

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า การส่งออกชะลอตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า ความต้องการสินค้าญี่ปุ่นจากต่างประเทศอาจจะชะลอตัว ทั้งนี้ ยอดส่งออกเพิ่มขึ้น 14.1% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าอาจเพิ่มขึ้น 14.9% และต่ำกว่าที่เพิ่มขึ้น 18.1% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า ยอดส่งออกของญี่ปุ่นจะเริ่มขยายตัวเร็วขึ้น เนื่องจากความต้องการสินค้าจะเพิ่มขึ้นในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นฤดูกาลซื้อสินค้า และเยนที่อ่อนค่าได้เพิ่มขีดความสามารถในการส่งออก ซึ่งน่าจะสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

 

เกาหลีใต้

ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ลงมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.25% ตามความคาดหมายในการประชุมเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ในขณะที่ BOK ประเมินความเสี่ยง และใช้ความระมัดระวังก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปในอนาคต นายลี จู-ยอล ผู้ว่าการ BOK จัดการแถลงข่าวในวันนี้ โดยเขากล่าวว่า การตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% ในวันนี้ไม่ได้เกิดจากคะแนนเสียงอย่างเป็นเอกฉันท์ โดยนายลี อิล-ฮุง เป็นผู้ลงคะแนนเสียงคัดค้านเพียงคนเดียวในวันนี้ เพราะเขาโหวตให้ BOK ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ทั้ง 20 รายในโพลล์รอยเตอร์ได้คาดการณ์ไว้อย่างถูกต้องว่า BOK จะตรึงอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในโพลล์ยังคาดการณ์อีกด้วยว่า BOK จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปี 2018 BOK เผชิญกับความยากลำบากในการรักษาสมดุลในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เพราะ BOK จะต้องชั่งน้ำหนักว่า BOK ควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามเฟด หรือว่า BOK ควรจะมุ่งความสนใจไปยังการกระตุ้นเศรษฐกิจเกาหลีใต้ และดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป BOK ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมมานาน 16 เดือนติดต่อกันแล้วซึ่งถือว่ายาวนานที่สุดเป็นประวัติการณ์

 

ไทย

กระทรวงพาณิชย์เผยตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือน ก.ย. มีมูลค่า 2.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน สูงกว่าที่โพลล์รอยเตอร์คาดไว้เพิ่มขึ้น 10.42% ซึ่งเป็นการขยายตัวระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 สินค้าส่งออกที่เติบโตในเดือน ก.ย.คือ ทองคำ ผลิตภัณฑ์ยาง น้ำมัน น้ำตาล ข้าว ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ส่วนการนำเข้าในเดือน ก.ย. มีมูลค่า 1.85 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 9.73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ไทยเกินดุลการค้าประมาณ 3.35 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตามตัวเลขนำเข้าดังกล่าว ออกมาต่ำกว่าที่โพลล์รอยเตอร์คาดไว้เพิ่มขึ้น 11.44%

 

Money Market

- ดอลลาร์/บาท วันพฤหัส (19 ตค.) เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ สอดคล้องกับการที่ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินส่วนใหญ่เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนคาดการณ์ว่าปธน.ทรัมป์จะสนับสนุนนายจอห์น เทย์เลอร์ นักเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่  และนายเทย์เลอร์อาจจะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดีบาทแข็งค่าในช่วงตลาดสหรัฐฯตามการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการคาดการณ์ผู้ที่จะเข้ามาเป็นประธานเฟด

- ดอลลาร์/เยน วันพฤหัส (19 ตค.) เงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้เนื่องจากการคาดการณ์ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯคนใหม่ซึ่งอาจจะสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่มีการคาดการณ์กันอยู่ตอนนี้ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังก่อนการเลือกตั้งในญี่ปุ่นในวันอาทิตย์ที่ 22 ต.ค อย่างไรก็ดีเยนกลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงตลาดสหรัฐฯ และเยนอ่อนค่าในช่วงเช้าวันศุกร์ โดยความผันผวนดังกล่าวเกิดจากประเด็นเรื่องการคาดการณ์เกี่ยวกับผู้ที่จะเข้ามาเป็นประธานธนาคารกลางสหรัฐฯคนใหม่ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนอีกทั้งนักลงทุนระมัดระวังก่อนการเลือกตั้งในญี่ปุ่นวันอาทิตย์นี้

- ยูโร/ดอลลาร์ วันพฤหัส (19 ตค.) เงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงเช้าวันนี้ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ขณะที่ธนาคารกลางยุโรปจะมีการประชุมในวันที่  26 ตุลาคมนี้ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับการลดขนาดมาตรการ QE รายเดือนของปีหน้า

 

Capital Market

- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพฤหัส (19 ตค.) ดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P 500 ปิดที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง หลัง Politico รายงานว่า นายเจอโรม โพเวลล์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐขึ้นเป็นตัวเก็งสำหรับตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ นักลงทุนงรอดูว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะเลือกใครเป็นประธานเฟดคนใหม่ โดยการเลือกนายโพเวลล์จะเป็นการสานต่อนโยบายการเงินที่เป็นมิตรกับตลาดหุ้น ทำเนียบขาวระบุในวันพุธว่า ปธน.ทรัมป์จะประกาศการตัดสินใจในไม่กี่วันข้างหน้านี้ ทั้งนี้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดบวก 0.02% สู่ระดับ 23,163.04, ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่ม 0.03% สู่2,562.10 ดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 0.29% สู่ระดับ 6,605.07

- ตลาดหุ้นเอเชีย วันพฤหัส (19 ตค.) ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดบวก 0.40% สู่ระดับ 21,448.52 โดยเป็นการปิดเพิ่มขึ้นเป็นวันที่ 13 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติการปรับตัวขึ้นติดต่อกันนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1988 และพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 21 ปี เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก และการอ่อนค่าของเยนช่วยหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่มีการคาดการณ์ว่า พรรคร่วมรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะจะได้เสียงข้างมาก 2 ใน 3 ในการเลือกตั้งทั่วไปในวันอาทิตย์นี้ ขณะที่หุ้นสหรัฐช่วยหนุนหุ้นญี่ปุ่นให้สูงขึ้น โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดสูงกว่าระดับ 23,000 ได้เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดลดลง 0.35% มาอยู่ที่ระดับ 3,370.09 ทั้งนี้วันนี้ทางการจีนรายงานว่าจีดีพีขยายตัว 6.8% (YoY)ในไตรมาส 3 ชะลอลงจาก 6.9% ในไตรมาส 2 ซึ่งสอดคล้องกับที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ แต่นักลงทุนบางรายคาดไว้ว่าจีดีพีอาจจะสูงกว่านี้ หลังความเห็นของนายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาชี้ว่า เศรษฐกิจจีนอาจขยายตัว 7% ในช่วงครึ่งปีหลัง สำหรับดัชนีฮั่งเส็งวันนิปิดลดลงถึง 1.92% โดยหุ้นกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ปรับลดลงรุนแรงหลังจากผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวเตือนเรื่อง "Minsky Moment"  หรือภาวะที่ราคาสินทรัพย์ดิ่งลงกะทันหัน หลังจากที่เพิ่มขึ้นมาเป็นเวลานาน โดยเกิดขึ้นเนื่องจากแรงกดดันด้านหนี้และค่าเงิน

- ตลาดหุ้นไทย วันพฤหัส ( 19 ตค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้ในช่วงเช้าเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวก แต่ในช่วงบ่ายดัชนีได้ลดลงมากอย่างรวดเร็ว โดยมีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ปิโตรเคมี พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พาณิชย์ และ ขนส่ง ส่งผลให้ปิดตลาดวันนี้ SET INDEX ลดลงถึง 24.10 จุด

 

โดย สำนักวิจัยธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประจำวันที่ 20 ต.ค. 2560

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday1479
mod_vvisit_counterAll days1479

We have: 1476 guests online
Your IP: 216.73.216.99
Mozilla 5.0, 
Today: Sep 18, 2025

4227056