Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Hot News ดัชนีพรุ่งนี้....สถานการณ์ยังไม่น่าไว้ใจ
ดัชนีพรุ่งนี้....สถานการณ์ยังไม่น่าไว้ใจ PDF Print E-mail
Monday, 24 May 2010 17:36

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้ปรับตัวลดลง เนื่องจาก ได้รับปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ปรับตัวลดลงกว่า 300 จุด ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยได้ปิดทำการ (20-21 พ.ค. 53)  เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลกับปัญหาหนี้สาธารณะประเทศกรีซ ที่อาจจะเกิดการลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในแถบยูโรโซน ขณะเดียวกันยังเป็นช่วงที่คาบเกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองที่ผ่อนคลายลง แต่เกิดความสูญเสียมากพอสมควร ทำให้เกิดแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ก่อนหน้านี้นักลงทุนเข้าเก็งกำไรในตลาดหุ้น ภายใต้ความคาดหวังว่าปัญหาทางการเมืองจะยุติลงแบบไม่เกิดความเสียหาย

อย่างไรก็ดี ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์จลาจลของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/53 ให้ชะลอตัวลดลง หลังจากที่ไตรมาสแรกปีนี้ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)หรือสภาพัฒน์ ได้ประกาศจีดีพีในไตรมาสแรกขยายตัวสูงถึง 12% แต่มองว่านักลงทุนยังคงวิตกกังวลกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ทำให้แรงขายส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนต่างชาติเป็นสำคัญ

'หุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลง หลังจากได้รับแรงกดดันจากดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าที่ลดลง เพราะนักลงทุนกังวลปัญหาหนี้กรีซ ที่อาจจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในแถบยุโรป รวมทั้งเม็ดเงินที่นักลงทุนเก็งกำไรจากช่วงก่อนหน้าที่ตลาดฯปิดทำการ จากความคาดหวังว่าปัญหาการเมืองจะยุติแบบไม่เสียหาย แต่ว่าปัญหาการจราจลของกลุ่มนปช.ทำให้เกิดความสูญเสียเป็นอย่างมาก และกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต อีกทั้งในช่วงบ่าย ดัชนีฯปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงพอสมควร เพราะดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับลดลงแรง ทำให้เป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนเพิ่มเติมในช่วงการซื้อขาย'นายกวี กล่าว  

ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นต่างประเทศ  อาทิ ดัชนี ฮั่งเส็ง  ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 19,667.76 จุด เพิ่มขึ้น 121.93 จุด หรือ 0.62 % ดัชนี นิกเกอิ  ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 9,758.40 จุด ลดลง 26.14 จุด หรือ -0.27 % ดัชนี เวทเต็ด ตลาดหุ้นไต้หวัน ปิดตลาดที่ระดับ 7,322.73 จุด เพิ่มขึ้น 85.02 จุด หรือ 1.17 % ดัชนี สเตรทไทม์ ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 2,723.87 จุด เพิ่มขึ้น 22.67 จุด หรือ 0.84 %

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันพรุ่งนี้ คาดว่า จะปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยมองว่าการฟื้นตัวของดัชนีฯในช่วงนี้คงเป็นไปได้ยาก สะท้อนได้จากดัชนีฯได้ปรับตัวลดลงหลุดระดับแนวรับที่สำคัญ 746-745 จุด ทำให้เชื่อว่าภายในสัปดาห์นี้ดัชนีฯมีโอกาสปรับตัวลดลงแตะระดับแนวรับที่ 730 จุดได้อย่างแน่นอน โดยปัจจัยที่กดดันบรรยากาศการลงทุนนั้นได้แก่ ปัญหาการเมืองกรณีเหตุการณ์จราจลกลุ่มนปช.ที่ได้สร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจของไทย ซึ่งภาพของการสูญเสียต่างๆจะเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะประเทศกรีซ ที่อาจจะลุกลามไปยังประเทศอื่นๆในแถบยุโรป

นอกจากนี้ เชื่อว่าในอนาคตแรงขายของนักลงทุนต่างชาติจะมีมากขึ้น หลังจากที่กฎหมายปฎิรูปสถาบันการเงินของประเทศสหรัฐฯได้ผ่านการพิจารณาของสภาฯแล้ว โดยกฎหมายดังกล่าวจะควบคุมการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น รวมทั้งเม็ดเงินลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียให้น้อยลงกว่าปัจจุบัน

'หุ้นไทยพรุ่งนี้คงหาจุดที่ฟื้นตัวได้ยาก และมีโอกาสที่จะปรับตัวลดลง หลังดัชนีฯหลุดแนวรับสำคัญที่ 746-745 จุด และสัปดาห์นี้ก็อาจจะแตะที่ 730 จุด แต่หากดัชนีฯยังหลุดอีก ก็คงวางแนวรับถัดไปที่ 680 จุด โดยปัจจัยกดดันหลักมาจากผลพ่วงจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นเพราะภาพความเสียหายจะชัดเจนมากขึ้น ขณะที่วิกฤติประเทศกรีซยังถือว่าเป็นปัจจัยลบที่กระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง'นายกวี กล่าว

กลยุทธ์การลงทุน แนะ Wait&See โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 730 จุด และประเมินแนวต้านไว้ที่ 760 จุด

ด้านนายรักพงศ์ ไชยศุภรากุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันนี้ปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยดัชนีฯทรงตัวต่ำกว่า 750 จุด เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิจำนวนมาก ตาม 2 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ ตลาดหุ้นไทยยังไม่ได้ปรับตัวลดลง ตามตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา และหากพิจารณาตัวเลขจะพบว่า 3 วันทำการในสัปดาห์ก่อน ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงราว 0.5% ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลก ลงไปถึง 4-5%  ดังนั้นในวันนี้ดัชนีฯที่ร่วงลงประมาณ 3% จึงไม่มากมายนัก

ขณะเดียวกัน ปัจจัยทางการเมืองยังเป็นประเด็นที่นักลงทุนจับตามอง และแม้ว่าเริ่มมีมุมมองที่ดีขึ้น หลังจากสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เรียบร้อยแล้ว แต่จากเหตุการณ์จลาจลในวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปีชะลอตัว จากไตรมาสแรก ปี 2553 ที่ขยายตัวได้มากถึง 12% สูงสุดในรอบ 15 ปี ดังนั้นนักลงทุนจึงยังมีความวิตกพอสมควร

'ปกติแล้วต่างชาติก็ไม่ได้มองตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดเดียว มองเราเป็นตลาดขนาดกลางในเอเชีย ดังนั้นที่ 2-3 วันก่อนเขาขายหุ้นออกมา เพื่อดึงเงินกลับไปยูโร ป้องกันความเสี่ยง บ้านเราก็ปิด เขาก็ไม่ได้ขาย ฝรั่งไม่ได้ขายเพราะปัญหาการเมืองของเราหรอก'

ส่วนดัชนีฯในวันพรุ่งนี้มีแนวโน้มสูงที่ ในช่วงต้นของการเปิดตลาดฯ ดัชนีจะรีบาวน์ตัวขึ้น แต่จากนั้นต้องติดตามว่าจะสามารถยืนได้หรือไม่ เนื่องจากในระยะสั้น นักลงทุนต่างชาติยังมีแนวโน้มที่จะขายหุ้นในตลาดหุ้นเอเชียเพิ่มเติม

กลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำให้ขาย สำหรับนักลงทุนระยะสั้น ขณะที่นักลงทุนระยะยาว ให้ถือรอ เพราะภาพของตลาดหุ้นมีลักษณะแกว่งตัวออกข้าง เนื่องจากปัจจัยภายในดีขึ้น แต่ปัจจัยภายนอกกลับแย่ลง จึงแนะนำให้ติดตามสถานการณ์ต่างๆไปก่อน โดยประเมินแนวต้านอยู่ที่750-752 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 743-740 จุด และหากหลุดต่ำกว่านั้น มีแนวรับถัดไปอยู่ที่ 730 จุด                



Written by :
พิราบขาว
 

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday1066
mod_vvisit_counterAll days1066

We have: 1062 guests, 1 members online
Your IP: 216.73.216.167
Mozilla 5.0, 
Today: Oct 06, 2025

8200296