| แบงก์กรุงศรีฯปรับโครงสร้างเงินฝากรับพรบ.คุ้มครองฯ |
|
|
|
| Wednesday, 27 October 2010 10:01 | |||
|
นายกฤษณ์ จันทโนทก ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส สายงานธุรกิจเงินฝากและการลงทุน และประกันภัยธนพัทธ์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในสิ้นปีนี้ฐานเงินฝากของธนาคารจะเพิ่มขึ้นเป็น 6.2 แสนล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.8 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่เงินฝากของธนาคารจะเป็นเงินฝากประจำกว่า 60% ที่เหลือเป็นเงินฝากออมทรัพย์และกระแสรายวัน ซึ่งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนทิศทางจากเดิมที่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มขึ้น ทำให้มองว่าในช่วงที่เหลือของปี การแข่งขันด้านราคาของผลิตภัณฑ์เงินฝากจะลดลง แต่ยอมรับว่าการระดมเงินฝากของธนาคารพาณิชย์จะยังมีสูงอยู่ สวนทางกับสภาพคล่องในระบบที่ยังมีอยู่สูง นอกจากนี้ การที่ พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากที่จะมีผลบังคับใช้ในปีหน้า โดยจะลดความคุ้มครองเงินฝากที่เกินกว่า 50 ล้านบาท เชื่อว่าจะยังไม่มีผลกับตลาดมากนัก แต่จะเห็นการแข่งขันของตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในปี 2555 เป็นต้นไป เนื่องจากลูกค้าที่เคยมีเงินฝากจำนวนมาก จะต้องกระจายเงินฝากมากขึ้น เป็นโอกาสของธนาคารขนาดกลางและขนาดใหญ่มากขึ้น ซึ่งธนาคารจะปรับโครงสร้างผลิตภัณฑ์การออมให้ลูกค้า โดยเฉพาะการนำเสนอผลิตภัณฑ์ตั๋วแลกเงิน (บี/อี) ให้กับลูกค้ามากขึ้น สำหรับลูกค้าที่ต้องการผลตอบแทนสูงๆ ทั้งนี้ จากการศึกษาฐานข้อมูลลูกค้าเงินออมในปัจจุบัน ที่มีเงินคงเหลือในบัญชีมากกว่า 100,000 บาท พบว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มลูกค้าเจ้าของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และกลุ่มนักลงทุนทั่วไป ซึ่งมีความต้องการที่คล้ายกัน คือ ต้องการดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป แต่ไม่พร้อมที่จะเปิดบัญชีเงินฝากประจำ เนื่องจากยังคงต้องการสภาพคล่องของเงินทุนหมุนเวียนในกิจการหรือการลงทุน ธนาคารจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เงินฝาก "กรุงศรี Mix & Max" เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า สำหรับจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว คือ เรื่องอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป โดยผู้ฝากจะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึง 1.25% ต่อปี เมื่อเปิดบัญชีและมีจำนวนเงินฝากคงเหลือ ตั้งแต่ 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาท ในช่วงเปิดตัวจนถึงวันที่ 31 ม.ค. 2554 หลังจากนั้น จะได้รับอัตราดอกเบี้ย ในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์บวก 0.50% ต่อปี ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ของธนาคารปัจจุบันอยู่ที่ 0.25% โดยธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยเข้าบัญชีทุกเดือน อีกหนึ่งจุดเด่น คือ ความสะดวกทางด้าน สภาพคล่อง ให้ผู้ฝากสามารถเบิกถอนเงินในบัญชีได้ถึงเดือนละ 2 ครั้ง โดยไม่จำกัดวงเงิน ทั้งนี้ หากเบิกถอนเกิน 2 ครั้งต่อเดือน คิดค่าธรรมเนียมการเบิกถอนครั้งละ 500 บาท "จากผลการทดสอบตลาดตั้งแต่ต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีเงินฝากเพิ่มขึ้นประมาณ 8,000 ล้านบาท ธนาคารจึงเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 40,000 ล้านบาท ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ได้อย่างแน่นอน" นายกฤษณ์ กล่าว
|






![]() | Today | 1021 |
![]() | All days | 1021 |
Comments