ธ.ก.ส.เสนอครม.พักหนี้เกษตรกรเหยื่อน้ำท่วม |
Thursday, 31 March 2011 17:00 | |||
นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ออกมาตรการให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนโดยเบื้องต้นได้เตรียมเงินบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าวงเงิน 19 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเช่น การจัดถุงยังชีพจำนวน 8,800 ถุง มูลค่า 1.8 ล้านบาท สำหรับมาตรการความช่วยเหลือด้านหนี้สิน ธ.ก.ส. จะจำหน่ายหนี้สูญในกรณีที่ลูกค้าเสียชีวิตซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีเกษตกรลุกค้าเสียชีวิต โดย ธ.ก.ส. รับภาระเอง ส่วนเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายในการประกอบอาชีพจะขยายเวลาชำระหนี้และงดคิดดอกเบี้ยเป็นเวลา 3 ปี โดย ธ.ก.ส. จะขอชดเชยดอกเบี้ยจากรัฐบาลในอัตราดอกเบี้ย MRR – 1 ซึ่งขณะนี้อยู่ที่อัตราร้อยละ 5.75 และกรณีเกษตรกรลูกค้ายังไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธ.ก.ส. จะดำเนินมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และฟื้นฟูอาชีพ ตลอดจนให้กู้ใหม่เพื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพและพัฒนาคุณภาพชีวิตรายละไม่เกิน 1 แสนบาท โดยลดดอกเบี้ยเงินกู้จากอัตราปกติให้อีก 3 % เป็นเวลาไม่เกิน 3 ปี ซึ่งในส่วนนี้ ธ.ก.ส. จะขอชดเชยดอกเบี้ยจากรัฐบาลในอัตรา 3% พร้อมกำหนดเกณฑ์การชำระหนี้ตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า และลดหย่อนหลักประกันเงินกู้จากหลักเกณฑ์ปกติ โดยกรณีใช้อสังหาริมทรัพย์จำนองจะขยายวงเงินกู้จากที่กู้ได้ไม่เกินครึ่งหนึ่งของวงเงินจดทะเบียนจำนองเป็นให้กู้ได้ไม่เกินวงเงินจดทะเบียนจำนอง กรณีใช้กลุ่มลูกค้ารับรองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป จะขยายวงเงินในการค้ำประกันจากรายละไม่เกิน 1.5 แสนบาท เป็นไม่เกิน 2 แสนบาท ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา มีลูกค้าได้รับความเดือดร้อน 5.15 หมื่นครอบครัว คิดเป็นต้นเงินที่เป็นหนี้ 4,138 ล้านบาท มีพื้นที่ทำการเกษตรเสียหาย ประกอบด้วย นาข้าวกว่า 2 แสนไร่ , ข้าวโพด 1,000 ไร่ , ไม้ผล/ไม้ยืนต้น/ไม้ประดับ 1.6 แสนไร่ , พืชผัก 2.66 แสนไร่ , ประมง 1.42 หมื่นไร่ และปศุสัตว์ 4.91 แสนตัว นายลักษณ์ ยังกล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. มีมติปล่อยสินเชื่อให้กับสหกรณ์นิคมท่าแซะ จ.ชุมพร วงเงิน 373.6 ล้านบาท เพื่อนำไปก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มปาล์มน้ำมัน คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา MRR – 1.25 ซึ่งเท่ากับ 3.50 % กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี โดยปลอดชำระคืนต้นเงินกู้ในปีที่ 1 และใช้หลักประกันจำนองที่ดินแปลงที่ตั้งโครงการ นอกจากนี้ยังปล่อยกู้ให้สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี วงเงิน 122 ล้านบาท เพื่อนำไปปรับปรุงโรงงานและซื้อเครื่องจักรทดแทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตนม UHT และขยายฟาร์มโคนมสาธิต โดยคิดอัตราดอกเบี้ย MRR – 1.25 ซึ่งเท่ากับ 3.50 % กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี โดยใช้หลักประกันจำนองที่ดินแปลงที่ตั้งโครงการและแปลงอื่นๆ พร้อมทั้งจำนองอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรบนที่ดิน และให้คณะกรรมการดำเนินการทั้งคณะและผู้จัดการสหกรณ์ค้ำประกันเงินกู้ในฐานะส่วนตัว
|
Today | 8427 | |
Yesterday | 33336 | |
All days | 168230595 |
Comments