| กกร.เล็งชงแผนพัฒนาอีสานยกระดับศก.-ท่องเที่ยว |
|
|
|
| Tuesday, 07 February 2012 16:12 | |||
|
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า กกร.ได้พิจารณาวาระที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) ภูมิภาค ที่จังหวัดอุดรธานี ในโอกาสที่จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ระหว่างวันที่ 21-22 กุมภาพันธ์นี้ สำหรับประเด็นที่จะเสนอ ได้แก่ การพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์ใน 4 เรื่อง โดยจะขอให้เร่งรัดโครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่กรุงเทพฯ–หนองคาย ให้เสร็จในปี 2562 สนับสนุนการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ–หนองคาย ปรับปรุงเส้นทางเลียบแม่น้ำโขง เส้นทางหมายเลข 211 และ 212 ก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายบ้านไผ่ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด และนครพนม เพื่อให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสอดรับกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจชายแดนที่จังหวัดมุกดาหารและนครพนม พัฒนาอุตสาหกรรมเมือง ที่จังหวัดอุดรธานี และขอนแก่น โดยให้มีสิทธิพิเศษเท่ากับ 3 จังหวัดภาคใต้ พร้อมนำอีโคทาวน์เข้ามาประยุกต์ใช้ ประธานสภาอุตสาหกรรมฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ต้องการให้ภาครัฐขยายการเปิดด่านสากลด้านนครพนม ท่าแขก จากเดิมปิดเวลา 18.00 น. เป็นเวลา 22.00 น. บริหารจัดการน้ำเพื่อการเกษตรตามลุ่มน้ำโขง เลย ชี และมูล เพื่อใช้ความได้เปรียบด้านแรงโน้มถ่วงของภาคตะวันออกเฉียงเหนือให้เป็นประโยชน์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวและบริการ โดยสนับสนุนการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จังหวัดเลย การส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยเร่งรัดจัดตั้งมหาวิทยาลัยเฉลิมพระเกียรติที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบ 90 พรรษา ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยก่อสร้างให้เสร็จในปี 2556 ทั้งนี้ การประชุมเอเชีย บิสสิเนส ซัมมิท ครั้งที่ 13 ประกอบด้วย 13 ประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี จีน อินเดีย ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และไต้หวัน ซึ่งเป็นการประชุมของภาคเอกชน เพื่อนำข้อเสนอความคิดริเริ่มต่าง ๆ และจะมอบผลการประชุมให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นไปเสนอในเวทีระดับผู้นำต่อไป เช่น การประชุมเอเปก และเอเปก บิสิเนส แอดไวส์เซอรี่ เคาน์ซิล ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย พ.ร.ก.กู้เงิน 2 ฉบับ นั้นจะเป็นปัญหาของประเทศไทยที่จะต้องมีการตรวจสอบการทำงานให้มีความโปร่งใส ซึ่งจะใช้เวลาการดำเนินงานยาวกว่าภาคเอกชนที่ไม่มีปัญหา ในเรื่องระเบียบ ขั้นตอนในเรื่องความโปร่งใส ซึ่งการแก้ปัญหาเรื่องน้ำควรดำเนินการตามแผนให้เร็วที่สุด หากดำเนินการล่าช้าเกินไปจะมีคำถามจากนักลงทุนและกระทบความเชื่อมั่น
|






![]() | Today | 1102 |
![]() | All days | 1102 |
Comments