นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) (TK) เป็นบริษัทผู้ให้สินเชื่อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในเขตกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่าผลประกอบการที่เติบโตเพียง 17.1% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลกระทบน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 50 ปี ทำให้โรงงานผู้ผลิตรถจักรยานยนต์หยุดผลิตเกือบทั้งไตรมาส 4 ของปี 2554 และกำลังซื้อหดตัวต่อเนื่องทำให้ TK ไม่สามารถขยายสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย ทำให้สินเชื่อขยายตัวเพียง 8.8% อีกทั้งยังมีการตัดหนี้สูญและตั้งสำรองเพิ่มในช่วงไตรมาส 4 ทำให้สัดส่วนหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเป็น 4.3% จาก 3.2% ในไตรมาส 3 ปี 2554 อีกทั้ง TK ได้มีการปรับลดมูลค่าภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี (Deferred Tax Assets) ตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลใหม่ ที่จะเริ่มมีผลในปี 2555-2556 ในอัตราภาษีที่ร้อยละ 20 ส่งผลให้มีการบันทึกบัญชีเป็นค่าใช้จ่ายพิเศษในไตรมาส 4 ปี 2554 ทั้งสิ้น 29.3 ล้านบาท

          สำหรับผลประกอบการที่ TK ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น TK มีรายได้รวม 3,694.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2553 ส่วนพอร์ตสินเชื่อสุทธิรวมเพิ่มขึ้นจาก 6,962.0 ล้านบาทในปี 2553 มาเป็น 7,576.3 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว คิดเป็นอัตราเติบโต 8.8%

          นางสาวปฐมากล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ TK มีมติให้จ่ายเงินปันผล 0.58 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่กำหนดเงินปันผลไว้ที่ 0.52 บาทต่อหุ้น โดยจะเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2555 ในวันที่ 25 เมษายน 2555 เพื่อให้ผู้ถือหุ้นมีมติเห็นชอบอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุมใหญ่ชั้น 5 อาคาร เอส.พี. อาเขต เลขที่ 69 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ และหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติเห็นชอบอนุมัติตามที่คณะกรรมการเสนอ กำหนดการจ่ายเงินปันผลภายใน 1 เดือนนับจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ ซึ่งคณะกรรมการได้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 9 มีนาคม 2555 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 10 พฤษภาคม 2555

          ทางด้านนายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวเพิ่มเติมว่าปัจจุบันโรงงานผู้ผลิตรถจักรยานยนต์เริ่มเดินเครื่องผลิตได้แล้ว ประกอบกับรัฐบาลได้เร่งดำเนินนโยบายประชานิยมตามที่รัฐบาลได้รณรงค์ในช่วงหาเสียง ส่งผลให้กำลังซื้อโดยรวมของประชาชนเริ่มกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

          เพื่อเป็นการรองรับกำลังซื้อที่กลับมา นายประพลกล่าวว่า TK ได้ทำการเปิดสาขาเพิ่มอีก 2 สาขาที่ เดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี และ เพชรบูรณ์ ทำให้ TK มีสาขามากถึง 80 สาขากระจายใน 46 จังหวัดทั่วประเทศ และ TK ยังจะเปิดสาขาเพิ่มเติมอีก 3 – 4 แห่งในปีนี้และพร้อมรับพนักงานเพิ่มอีก 350 ตำแหน่ง เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด

          "เราเชื่อมั่นว่าภายใต้แผนการขยายงานของเรานี้ จะทำให้สัดส่วนลูกค้ากรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดในอีก 2-3 ปี ข้างหน้า จะปรับเป็น 20:80 ตามยอดขายของรถจักรยานยนต์ จากปัจจุบันที่เรามีสัดส่วนอยู่ที่ 35:65"นายประพลกล่าว

          นางสาวปฐมากล่าวเพิ่มเติมว่าจากการคาดการณ์ว่าตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้จะทำสถิติใหม่ที่ 2.1 ล้านคัน ทำให้ TK มั่นใจผลประกอบการในปีนี้ พอร์ทสินเชื่อรวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเปรียบเทียบกับการเติบโตของตลาดรถจักรยานยนต์ที่เติบโตประมาณ 5%

Written by :

กระแสหุ้นออนไลน์

 

Comments

B

i

u

Quote

Code

List

List item

URL

Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions

Submit Comment