บลจ.กรุงศรีขายกองทุนทาร์เก็ตฟันด์เล็งผลตอบแทน8% |
![]() |
![]() |
![]() |
Tuesday, 12 June 2012 16:23 | |||
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีอิควิตี้ 8% ทาร์เก็ต (KFEQ8)ที่มีการบริหารจัดการกองทุนแบบเชิงรุกโดยการคัดเลือกหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานที่ดีและมีแนวโน้มการเติบโตสูงและเน้นไปที่หุ้นที่จ่ายปันผลดีหรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภายในประเทศเป็นหลัก เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนระยะสั้นในตลาดหุ้นไทย
ทั้งนี้ กองทุน KFEQ8 ได้ตั้งเป้าจ่ายผลตอบแทนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 8% ขึ้นไปหรือมูลค่าหน่วยลงทุนเท่ากับหรือมากกว่า 10.91 บาท ต่อหน่วยต่อเนื่องกัน 5 วันทำการหรือตามมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ครบอายุโครงการ โดยบริษัทฯ จะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป เสนอขายระหว่างวันที่ 14–20 มิ.ย. 55 ลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
นายฉัตรพี กล่าวว่า บริษัทยังคงมีมุมมองในเชิงบวกกับสำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ซึ่งการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง ซึ่งโอกาสที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยจะกลับไปยืนที่ 1,250 จุดก็ยังมีความเป็นไปได้ภายในปลายปีนี้ แม้ว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบอยู่บ้างจากปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก เช่น สถานการณ์ทางการเมืองของไทย วิกฤติหนี้สาธารณะของยุโรป และอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลและขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมา แต่ในแง่ของผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจไทยถือว่ามีน้อยมาก
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าแนวโน้มในระยะยาวของตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นทิศทางขาขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการทั้งด้านอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียที่มีแนวโน้มสูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว และภาพรวมทางเศรษฐกิจของไทยเองที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโตประมาณ 5.75% จากการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนที่มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา รวมถึงการเร่งตัวของการใช้จ่ายในโครงการต่างๆของภาครัฐซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่ส่งผลดีต่อ ระบบเศรษฐกิจไทย
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่าปี 2013 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตถึง 7.78% ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยก็มีแนวโน้มเติบโตดีในระดับต้นๆของภูมิภาค จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและได้รับประโยชน์จากการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลือ 23% ในปีนี้และ 20% ในปีหน้า รวมถึงนโยบายต่างๆของรัฐที่ช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน ที่สำคัญราคาหุ้นไทยในปัจจุบันมีสัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ประมาณ 11 เท่ากว่าๆ ซึ่งถือว่ามีราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
|
![]() | Today | 979 |
![]() | All days | 979 |
Comments