บลจ.ไทยพาณิชย์ออกกองFIFลุยตราสารหนี้ทั่วโลก |
![]() |
![]() |
![]() |
Thursday, 19 July 2012 08:09 | |||
นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย รองกรรมการผู้อำนวยการกลุ่มกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายรูปแบบกองทุนต่างประเทศ จำนวน 2กองทุนได้แก่ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล บอนด์ SCB GLOBAL BOND FUND(SCBGLOB) และ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอล สตราทีจิกอินเวสเมนท์ SCB GLOBAL STRATEGIC INVESTMENT (SCBGSIF) มูลค่าโครงการรวม4,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 23-27 กรกฎาคม 2555 ด้วยเงินลงทุนครั้งแรกขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
ทั้งนี้กองทุน SCBGLOBมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว(FeederFund) คือ กองทุน Wellington Global Bond Portfolio จัดตั้งขึ้นในปี2542 ปัจจุบันมีขนาดกองทุนอยู่ที่ 35,000 ล้านบาท บริหารจัดการโดยWellington Managementซึ่งเป็นที่ปรึกษาการลงทุนที่ได้รับความไว้วางใจจากนักลงทุนสถาบันขนาดใหญ่กว่า2,000 ราย ในกว่า 50 ประเทศโดยมีนโยบายลงทุนเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เพื่อหาผลตอบแทนในระยะยาวโดยจะลงทุนส่วนใหญ่ในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนของทุกประเทศทั่วโลกและในบางกรณีอาจมีการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งจุดเด่นของกองทุนเป็นการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีคุณภาพจากหลากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่ง ณปัจจุบันค่าเฉลี่ยอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ที่กองทุนหลักลงทุนอยู่นั้นอยู่ที่AA-ส่วนกองทุน SCBGSIFมีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว(Feeder Fund) คือ กองทุน PIMCO Global Investment Grade Creditจัดตั้งขึ้นในปี 2551 มีขนาดกองทุนอยู่ที่ 529,200 ล้านบาทบริหารจัดการโดย PIMCO ซึ่งเป็นผู้ลงทุนในตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลกโดยมีนโยบายลงทุนเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
โดยกองทุนหลักมีนโยบายลงทุนอย่างน้อย2 ใน 3 ของสินทรัพย์ทั้งหมดในตราสารหนี้ภาคเอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารและ/หรือผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้โดยผู้ออกตราสารแต่ละรายเป็นบริษัทที่มีสำนักงานสาขาหรือประกอบธุรกิจอยู่ใน3 ประเทศเป็นอย่างน้อย จุดเด่นของกองทุนเป็นการกระจายการลงทุนด้วยการลงทุนในตราสารหนี้ที่หลากหลายทั่วโลกโดยเน้นการลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนเป็นหลักทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นเนื่องจากโดยทั่วไปตราสารหนี้ภาคเอกชนนั้นจะให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล
นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวถึงจุดเด่นของทั้งสองกองทุนว่านอกจากจะมีการกระจายการลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพที่หลากหลายทั่วโลกแล้วกองทุนดังกล่าวยังมีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินบาทไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศตลอดเวลาตลอดจนมีสภาพคล่องสูงซื้อขายได้ทุกวันทำการสำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี พบว่ากองทุน Wellington Global BondPortfolio มีผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนจริงในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐต่อปีอยู่ที่3.85% และเมื่อปรับด้วยต้นทุนป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินบาทจะอยู่ที่ 6.57% ต่อปี
ส่วนกองทุน PIMCO Global Investment Grade Creditมีผลตอบแทนเฉลี่ยจากการลงทุนจริงในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐต่อปีอยู่ที่5.82% และเมื่อปรับด้วยต้นทุนป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินบาทจะอยู่ที่ 8.62% ต่อปี
"กองทุนที่เสนอขายครั้งนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการนำเงินไปลงทุนต่างประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงและสามารถยอมรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องจากกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่กองทุนไปลงทุนในต่างประเทศได้และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้" นายณรงค์ศักดิ์กล่าว
สำหรับปัจจัยบวกที่มีผลต่อกองทุนในขณะนี้คือการที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีแนวโน้มอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นจากปัจจัยอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ การขาดดุลบัญชีการคลัง/บัญชีเดินสะพัดขณะที่เศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์GDP โลก ในปี 2555 อยู่ที่ประมาณ 2.5% ปี 2556 ประมาณ 3.0% และ 2557ประมาณ 3.3%
นอกจากนี้แนวโน้มผลประกอบการของธุรกิจขยายตัวต่อเนื่องเป็นผลดีทำให้ส่วนต่างราคา (Credit spread) ต่ำลงรวมถึงการที่ธนาคารกลางยุโรป ECBเข้าช่วยเหลือสถาบันการเงินที่มีปัญหาในยุโรปส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรลดลงตลอดจนอัตราดอกเบี้ยในประเทศพัฒนาแล้วมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCBAM Call Centerโทร.02-777-7777 กด 0 กด 6
|
![]() | Today | 1905 |
![]() | All days | 1905 |
Comments