TMF Group เผย ฮ่องกงติดอันดับ2ทำธุรกิจง่ายที่สุด |
Wednesday, 28 July 2021 11:13 | |||
ฮ่องกงยังคงเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการทำธุรกิจ จากการเปิดเผยในรายงาน Global Business Complexity Index (GBCI) โดย TMF Group บริษัทผู้ให้บริการทางวิชาชีพชั้นนำ รายงานได้ทำการวิเคราะห์ด้านต่าง ๆ ที่สำคัญต่อการบริหารธุรกิจและการปฏิบัติตามกฎระเบียบใน 77 ประเทศและเขตปกครอง ตั้งแต่เวลาที่ใช้ในการจัดตั้งบริษัท ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงกฎหมายภาษี นโยบายเกี่ยวกับค่าจ้างและสวัสดิการ ไปจนถึงความท้าทายในการเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งโดยรวมแล้วมีการใช้เกณฑ์ต่าง ๆ กว่า 290 รายการเป็นปัจจัยประกอบการพิจารณาจัดอันดับในปีนี้ ฮ่องกงเป็นสถานที่ที่ทำธุรกิจง่ายที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เป็นรองเพียงแค่เดนมาร์ก ซึ่งสาเหตุหลักเป็นเพราะการเปิดกว้างแบบไร้พรมแดน และกฎเกณฑ์ที่เรียบง่าย ยกตัวอย่างเช่นในด้านการบัญชี หลักการบัญชีของฮ่องกงมีความสอดคล้องกับมาตรฐานการรายงานทางการเงินระหว่างประเทศ หรือ International Financial Reporting Standards (IFRS) อีกปัจจัยหนึ่งคือ การจัดตั้งธุรกิจในฮ่องกงโดยทั่วไปใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ เพราะต้องทำเรื่องแจ้งหน่วยงานของรัฐแค่แห่งเดียว ขณะที่การไล่พนักงานออกเพราะทำผลงานไม่ดี ก็สามารถทำได้ค่อนข้างง่าย โดยใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ นอกจากนี้ ฮ่องกงยังเอื้อต่อการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล เนื่องจากเอกสารนิติบุคคลไม่จำเป็นต้องประทับตราสำคัญเพื่อให้มีผลทางกฎหมาย สำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยรวมนั้น มีทั้งความท้าทายและโอกาสมากมาย จีนเป็นหนึ่งในประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่ก็ยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่ทำธุรกิจยากที่สุดในโลกเช่นกัน อย่างไรก็ดี แนวโน้มล่าสุดแสดงให้เห็นว่าข้อเท็จจริงนี้กำลังจะเปลี่ยนไป โดยจีนลดลงจากอันดับที่ 6 ในปีที่แล้ว มาอยู่ที่อันดับ 12 ในปีนี้ เช่นเดียวกับอินโดนีเซียที่ตกลงจากอันดับที่ 1 มาอยู่ในอันดับที่ 6 หลังจากที่อินโดนีเซียแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความมุ่งมั่นในการเปิดรับการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ด้วยการออกกฎหมายใหม่เพื่อลดระดับความซับซ้อนในการทำธุรกิจอย่างจริงจัง ในทางกลับกัน เกาหลีใต้และอินเดียเป็นประเทศที่มีความซับซ้อนในการทำธุรกิจมากที่สุด 20 อันดับแรก ในขณะที่สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ล้วนอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดของดัชนี ซึ่งหมายความว่าประเทศเหล่านี้ง่ายสำหรับการทำธุรกิจมากกว่า การเปิดเผยที่น่าสนใจประการหนึ่งจากรายงานในปีนี้นี้คือไม่มีประเทศใดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่อนุญาตให้ไล่พนักงานออกโดยไม่ระบุเหตุผล ขณะที่เมื่อพิจารณาในระดับโลก ตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ 20% ในปัจจุบัน เทียบกับ 29% ในปี 2563 ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการระบาดของโควิด-19 และการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองพนักงาน เปาโล ทาโวลาโต หัวหน้าประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของ TMF Group กล่าวว่า "ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเต็มไปด้วยความหลากหลายและโอกาส โดยทั่วไปแล้ว ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้พยายามใช้กฎหมายที่เป็นมิตรต่อธุรกิจมากขึ้น ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางสำหรับธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และทำให้สภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจง่ายยิ่งขึ้น ความท้าทายยังคงมีอยู่มากมายในหลายประเทศ เช่น จีน และ อินโดนีเซีย แต่ผมเชื่อว่าประเทศเหล่านี้นำเสนอโอกาสการลงทุนเพียงพอที่จะดึงดูดบริษัทและนักลงทุนให้เข้าไปทำธุรกิจ" 10 อันดับแรก และ 10 อันดับท้าย 1. บราซิล 2. ฝรั่งเศส 3. เม็กซิโก 4. โคลอมเบีย 5. ตุรกี 6. อินโดนีเซีย 7. อาร์เจนตินา 8. โบลิเวีย 9. คอสตาริกา 10. โปแลนด์ ++++++++++++++++++ 68. มอริเชียส 69. เอลซัลวาดอร์ 70. เนเธอร์แลนด์ 71. สหรัฐอเมริกา 72. หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน 73. กือราเซา 74. ไอร์แลนด์ 75. หมู่เกาะเคย์แมน 76. ฮ่องกง 77. เดนมาร์ก ++++++++++++++++++++++++++ This e-mail address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it
|
Today | 30307 | |
Yesterday | 55307 | |
All days | 165868092 |
Comments