ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง112.93จุด |
![]() |
![]() |
![]() |
Thursday, 21 November 2019 08:01 | |||
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (20 พ.ย.)ที่ 27,821.09 จุด ลดลง 112.93 จุด หรือ -0.40% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,108.46 จุด ลดลง 11.72 จุด หรือ -0.38% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,526.73 จุด ลดลง 43.93 จุด หรือ -0.51% เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อรายงานว่า สหรัฐและจีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกภายในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การที่วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงนั้น อาจส่งผลกระทบต่อความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนด้วย ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ หลังจากสื่อต่างประเทศหลายแห่งรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า สหรัฐและจีนอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกภายในสิ้นปีนี้ โดยอาจมีการเลื่อนออกไปเป็นปีหน้า ขณะที่จีนต้องการให้สหรัฐยกเลิกภาษีมากขึ้น ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของอดีตเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลของทรัมป์ว่า การเจรจาการค้าในขณะนี้กำลังเผชิญภาวะชะงักงัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่า การที่วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงนั้น อาจจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศในการเจรจาการค้า โดยเมื่อวานนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 417 ต่อ 1 เสียง ผ่านร่างกฎหมายเพื่อให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง หลังจากที่วุฒิสภาสหรัฐได้ลงมติสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะส่งร่างกฎหมาย "Hong Kong Human Rights and Democracy Act" ไปยังทำเนียบขาว เพื่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามเป็นลำดับต่อไป โดยร่างกฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงการกำหนดให้ทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับฮ่องกง ภายใต้กฎหมายของสหรัฐ โดยการทบทวนดังกล่าวจะพิจารณาถึงประเด็นที่ว่า ฮ่องกงได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างเพียงพอจากจีนหรือไม่ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 29-30 ต.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และยังมองว่า ความไม่แน่นอนต่างๆที่เป็นผลมาจากความตึงเครียดด้านการค้าและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์นั้น เริ่มลดน้อยลงในระดับหนึ่ง รายงานการประชุมระบุว่า กรรมการเฟดมีมุมมองที่สอดคล้องกันว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะรับมือกับอุปสรรคในอนาคต ขณะเดียวกันก็ได้มีการหารือเกี่ยวกับเครื่องมือต่างๆที่ควรเตรียมไว้หากเศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอยในวันข้างหน้า อย่างไรก็ดี กรรมการเฟดทุกคนไม่เห็นด้วยกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนถึงระดับติดลบ เหมือนกับที่ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่นดำเนินการอยู่ในเวลานี้ สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองลดลง 2.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค.จาก Conference Board, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนพ.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
|
![]() | Today | 828 |
![]() | All days | 828 |
Comments