เริ่มต้นธุรกิจใหม่
:
การสร้างความแตกต่างเพื่อความอยู่รอ
|
โดย
ปกรณ์ พรรธนะแพทย์
รองกรรมการผู้จัดการ
ธนาคารกสิกรไทย
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง
ผมเชื่อว่าคำถามในใจของหลายคนคงไม่พ้นเรื่อง
“เราจะอยู่รอดในตลาดได้อย่างไร”
ในโลกยุคการแข่งขันเสรีเช่นปัจจุบันที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากมายในการตัดสินใจซื้อสินค้า
ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน
ยิ่งทำให้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่าย
ส่งผลให้ผู้ประกอบการ
โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่เพิ่งเริ่มต้นกิจการ
ต้องทำงานหนักมากขึ้น
เพื่อให้สินค้าและบริการของกิจการเป็นที่ต้องการของตลาด
หรือได้รับความนิยมจากผู้บริโภค
การสร้างตราสินค้าหรือแบรนด์เพื่อให้เกิดการรับรู้นั้นอาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป
แต่ต้องสร้างสินค้า /
บริการที่แตกต่าง
(Differentiation)
จากผลิตภัณฑ์หรือบริการของคู่แข่งอย่างชัดเจนด้วย
แนวคิดของการสร้างความแตกต่าง
การเป็นเจ้าแรกผู้บุกเบิกตลาด
ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักรู้สึกว่าเจ้าแรกคือต้นตำรับ
มีความเชี่ยวชาญและความรู้มากกว่า
ส่วนผู้ที่เดินรอยตามเป็นพวกลอกเลียนแบบ
นอกจากนี้
ผู้บริโภคมักจะจดจำสินค้าซึ่งเป็นเจ้าแรกได้
จนบางครั้งชื่อตราสินค้าอาจจะกลายเป็นคำที่ใช้เรียกแทนชื่อประเภทสินค้าไปในที่สุด
แต่ทั้งนี้
ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆอย่างต่อเนื่องด้วย
เพื่อยึดครองส่วนแบ่งไว้ให้ได้นานที่สุด
การสร้างคุณสมบัติที่แตกต่างจากผู้นำตลาดเดิม
น่าจะเป็นแนวทางให้กิจการเอสเอ็มอีที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดได้บ้าง
โดยเฉพาะคุณสมบัติที่เน้นถึงประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ
ซึ่งควรดึงจุดเด่นมาเพียงเรื่องเดียว
ที่ง่ายต่อความเข้าใจและการจดจำ
ลูกค้าจะได้ไม่สับสน
การใช้ความเป็นมรดกสืบทอดหรืออ้างอิงแหล่งกำเนิดเพื่อสร้างความแตกต่าง
ผลิตภัณฑ์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
หรือมาจากถิ่นกำเนิดเฉพาะที่
ย่อมสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือ
และทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจในการเลือก
เช่น ขนมสูตรชาววัง
ครีมบำรุงผิวสูตรคุณยาย
เป็นต้น
ขั้นตอนการสร้างความแตกต่าง
ค้นหาไอเดียสร้างความแตกต่าง
/
เอกลักษณ์โดดเด่น
มีข้อมูลสนับสนุนแนวคิดให้ดูน่าเชื่อถือ
หรือสามารถอธิบายถึงความแตกต่างนั้นได้
โดยไม่มีข้อสงสัยที่ส่งผลในเชิงลบต่อผลิตภัณฑ์
ต้องเข้าใจในภาพรวมของกิจการ
ตลาด และความต้องการของผู้บริโภค
พร้อมทั้งเก็บรายละเอียดของคู่แข่ง
ทั้งคู่แข่งทางตรงและทางอ้อม
(คู่แข่งในสินค้าที่สามารถทดแทนกันได้)
และศึกษาสถานการณ์
ณ เวลานั้น
เพื่อดูว่าเป็นช่วงที่เหมาะกับไอเดียของกิจการหรือไม่
โดยอาจทำวิจัยศึกษาพฤติกรรมหรือความนิยมของผู้บริโภค
เป็นต้น
สื่อสารความแตกต่างให้เข้าไปอยู่ในใจของกลุ่มเป้าหมาย
เพื่อก่อให้เกิดการรับรู้ในวงกว้าง
โดยเน้นการสื่อสารที่เข้าใจง่ายผ่านสื่อต่างๆ
ตามความเหมาะสม อาทิ การโฆษณา
จัดทำโบรชัวร์ เวบไซต์
หรือการเสนอขาย ณ จุดขาย
เป็นต้น
รูปแบบของการสร้างความแตกต่าง
สำหรับรูปแบบการสร้างความแตกต่างนั้นประกอบด้วยหลากหลายแนวทาง
ดังนี้
-
1.ด้านผลิตภัณฑ์
:
เป็นความประทับใจอันดับแรกในการดึงดูดลูกค้า
|
2.ด้านการบริการ
:
เป็นความแตกต่างที่เพิ่มเติมด้วยบริการที่เหนือกว่า
|
|
ความสะดวกในการสั่งซื้อ
ความรวดเร็วในการให้บริการ
การเอาใจใส่ดูแลลูกค้า
จัดอบรมให้แก่ลูกค้า
เพื่อให้ใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ
การให้คำปรึกษาและข้อมูลข่าวสารต่างๆ
ที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้า
การซ่อมบำรุง
เป็นการช่วยเหลือลูกค้าให้ได้ใช้สินค้าที่อยู่ในสภาพการทำงานที่ดีอยู่เสมอ
การขนส่งและการติดตั้ง
|
3.ด้านบุคลากร
:
เป็นการสร้างความแข็งแกร่งด้วยการสรรหาและฝึกอบรมพนักงานให้มีประสิทธิภาพเหนือคู่แข่ง
|
4.ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย
:
เป็นการสร้างความได้เปรียบในการจัดจำหน่ายให้พร้อมต่อการจับจ่ายของลูกค้า
|
ความสามารถ
ความชำนาญ และความรู้ในการขาย
ความสุภาพ
เป็นมิตร มีสัมมาคารวะ
และเป็นกันเองในการให้บริการ
ความน่าเชื่อถือ
และไว้วางใจได้
การให้บริการที่เสมอต้นเสมอปลาย
ตอบสนองต่อคำขอร้องของลูกค้าอย่างรวดเร็ว
มีการสื่อสารที่ดี
โดยให้ข้อมูลที่ชัดเจน
และพยายามเข้าใจลูกค้า
|
|
5.ด้านภาพลักษณ์
:
การพัฒนาภาพลักษณ์ให้แข็งแกร่งต้องอาศัยเวลา
ความอดทน และความคิดสร้างสรรค์
ไม่ใช่ทำในเพียงระยะเวลาสั้น
แต่ต้องทำเป็นแคมเปญอย่างต่อเนื่อง
|
สัญลักษณ์
/
ตราสินค้า
ที่มีลักษณะเฉพาะตัว
โดดเด่น เหมาะกับประเภทของสินค้า
/
บริการ
สี
อาทิ สีของผลิตภัณฑ์
บรรจุภัณฑ์ ร้านค้า
เครื่องแบบพนักงานเป็นต้น
สโลแกนที่บ่งบอกถึงจุดเด่นได้อย่างชัดเจนและจดจำได้ง่าย
คุณลักษณะพิเศษ
อาทิ ความเก่าแก่ของผลิตภัณฑ์
การเข้ามาเป็นรายแรก
ความคุ้มค่าที่สุด
หรือการไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม
เป็นต้น
|
สิ่งที่ควรระวังในการสร้างความแตกต่าง
การสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจเป็นเรื่องที่ดี
และสำคัญต่อความอยู่รอดของการดำเนินธุรกิจในยุคที่มีการแข่งขันสูง
แต่ก็มีข้อควรระวังผลเสียที่อาจตามมาต่อกิจการด้วย
อาทิ
การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการผลิต
ไม่ว่าจะเป็นการผลิตให้ได้จำนวนที่มากขึ้น
หรือการพัฒนาคุณสมบัติของสินค้าให้ดีขึ้น
ควรพิจารณาเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้นว่าคุ้มค่าหรือไม่
ความสอดคล้องกับวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น
การสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการนั้น
ต้องคำนึงถึงความสอดคล้องกับสถานที่
และวัฒนธรรมของแหล่งที่จะนำสินค้าไปวางจำหน่ายด้วย
การวางตำแหน่งของสินค้าต้องชัดเจน
และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
เพื่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่เหมาะสมตามที่ตั้งใจไว้
อ่านมาถึงตรงนี้หลายท่านคงเห็นด้วยกับผมว่าการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า
/
บริการนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ
แต่ก็อย่าเพิ่งท้อนะครับ
ความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน
ผู้ที่สู้ไม่ถอยเท่านั้นจึงจะสามารถคว้าชัยชนะมาไว้ได้

ธนาคารกสิกรไทย
เปิด K
SME Care Knowledge Center ศูนย์การเรียนรู้เพื่อผู้ประกอบการครบวงจร
สนใจสมัครสมาชิกและใช้บริการได้ฟรีที่
อาคารจามจุรีสแควร์ ชั้น
2
โทร.
0-2160-5203-4 หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.ksmecare.com
เริ่มต้นธุรกิจใหม่
:
การสร้างความแตกต่างเพื่อความอยู่รอด
|
|
Comments