|
Investment Society by Sukit Udomsirikul BY scibs
|
|
|
|
|
Tuesday, 16 March 2010 15:07 |
|
Investment
Society by Sukit Udomsirikul
Telecom
Sector : Ministry of Finance said govt. won’t sue Telco
นายกรณ์
จาติกวานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ออกมาเปิดเผยว่ารัฐบาลจะไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากบริษัทในกลุ่มสื่อสารซึ่งเกิดจากการแก้ไขสัญญาสัมปทานหรือกฎหมายใดๆที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินคดียึดทรัพย์
โดยเห็นว่าควรเอาผิดจากพ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร เพียงผู้เดียว
เนื่องจาก ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นของบริษัทที่
โดย SCRI
ประเมินว่า
ประเด็นดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนลดความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่บริษัทจะต้องชดเชยค่าเสียหายให้กับรัฐบาลซึ่งจะกระทบต่อกำไรและมูลค่าหุ้น
โดย SCRI
คาดว่า
ADVANC
จะเป็นหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกมากที่สุดเพราะมีมูลค่าเงินที่อาจถูกเรียกร้องคิดเป็นมูลค่าสูงถึง
6.6
หมื่นล้านบาท
ในขณะที่ DTAC
ได้รับผลบวกจากมูลค่าที่อาจถูกเรียกร้องจำนวน
4.9
หมื่นล้านบาท
ส่วน TRUE
ได้รับผลบวกน้อยที่สุดจากมูลค่าที่อาจถูกเรียกร้องจำนวน
9
พันล้านบาท
อย่างไรก็ดี
ยังคงเหลือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานในอนาคตที่มีความเสี่ยงจากที่คณะรัฐมนตรีอาจเพิกถอนสัญญาต่อท้าย
และ ให้บริษัทกลับไปจ่ายส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาสัมปทานเดิม
อย่างไรก็ดี SCRI
ประเมินว่า
กระบวนการดังกล่าวจะใช้เวลานานในการพิจารณาทั้งในชั้นของอนุญาโตตุลากาลและศาลปกครอง
จึงยังไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการในปีนี้
ดังนั้น SCRI
จึงยังคงยืนยันแนะนำ
“ซื้อ” ADVANC
และ
DTAC
สำหรับ
THCOM
แนะนำ
“ซื้อเก็งกำไร” ส่วน TRUE
ยังแนะนำ
“ขาย”
ADVANC
:
หากรัฐบาลไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นการแก้ไขใดๆที่เกิดขึ้นในอดีต
ซึ่งประกอบด้วย 3
กรณี
คือ 1)
การแก้ไขสัญญาสัมปทาน
ที่มีการลดส่วนแบ่งรายได้ของระบบ
Prepaid
ลงจาก
25%
เป็น
20%
ซึ่งคิดเป็นมูลค่า
18,908
ล้านบาท
คิดเป็นมูลค่าหุ้นละ 6.40
บาท
และ 2)
การจ่ายส่วนแบ่งรายได้ลดลงจากการหักค่าใช้โครงข่ายร่วม
(Roaming)
มูลค่า
6,960
ล้านบาท
คิดเป็นมูลค่าหุ้นละ 2.40
บาท
3)
การเรียกร้องส่วนแบ่งรายได้จากการหักจ่ายเป็นภาษีสรรพสามิต
มูลค่า 40,553
ล้านบาท
คิดเป็นมูลค่าหุ้นละ 13.40
บาท
อย่างไรก็ดี SCRI
ประเมินว่า
ADVANC
ยังมีความเสี่ยงเหลืออยู่เพียงเรื่องเดียว
คือ กรณีการเปลี่ยนส่วนแบ่งรายได้ของระบบ
Prepaid
กับไปที่สัญญาดั้งเดิม
ซึ่งกรณีนี้ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานตามมาตรา
22
ของ
พ.ร.บ.ร่วมทุน
และต้องผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
โดยหากว่าคณะรัฐมนตรีให้เพิกถอนสัญญาต่อท้ายและให้แก้ไขกลับไปตามฉบับดั้งเดิม
จะมีผลทำให้มูลค่าที่เหมาะสมของ
ADVANC
ลดลง
15.00
บาท
โดยหากรัฐบาลไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นแต่ต้องแก้สัญญาสัมปทานกลับเป็นตามเดิม
มูลค่าเหมาะสมของ ADVANC
อยู่ที่
100
บาท
แนะนำ “ซื้อ”
DTAC
: ในกรณีของ
DTAC
จะได้รับปัจจัยบวกจาก
2
กรณี
คือ
1)
การแก้ไขสัญญาสัมปทาน
3
ครั้ง
โดยมีจำนวน 2
ครั้ง
ซึ่งมีผลให้ส่วนแบ่งรายได้ของ
DTAC
ปรับลดลง
และ ได้รับการขยายเวลาสัมปทานออกไป
ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 25,460
ล้านบาท
หรือหุ้นละ 7.50
บาท
และ 2)
กรณีการนำส่วนแบ่งรายได้ไปจ่ายเป็นภาษีสรรพสามิต
ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 23,164
ล้านบาท
หรือคิดเป็นมูลค่าหุ้นละ
9.80
บาท
ส่วนในอนาคตหากคณะรัฐมนตรีให้เพิกถอนสัญญาต่อท้ายและให้แก้ไขกลับไปตามฉบับดั้งเดิม
SCRI
ประเมินว่า
ประเด็นนี้ไม่มีผลกระทบต่อหุ้น
เพราะ DTAC
จะเริ่มจ่ายส่วนแบ่งรายได้ที่
30%
ซึ่งจะเริ่มในปี
2554
จนสิ้นสุดอายุสัมปทาน
ดังนั้น
หากรัฐบาลไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์ในอดีตแต่แก้สัญญาสัมปทานกลับไปตามเดิม
มูลค่าเหมาะสมของ DTAC
อยู่ที่
45
บาท
แนะนำ “ซื้อ”
TRUE
:
ถือว่าเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดนับตั้งแต่มีคำตัดสินของศาลฎีกา
เนื่องจาก TRUEMOVE
ไม่เคยมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานหลังจากที่ซื้อธุรกิจมาจาก
WCS
และทำสัญญาสัมปทานใหม่กับ
CAT
ดังนั้น
TRUE
จึงได้รับปัจจัยบวกจากการไม่เรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งของรัฐบาลเพียงประเด็นเดียว
คือ กรณีการนำส่วนแบ่งรายได้ไปจ่ายเป็นภาษีสรรพสามิต
ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 9,015
ล้านบาท
หรือ คิดเป็นมูลค่าหุ้นละ
0.62
บาท
ทำให้มูลค่าเหมาะสมของ TRUE
กลับไปอยู่ที่
3.10
บาท
แนะนำ “ขาย”
สุดท้ายขอให้ทุกท่านโชคดีและพบกันใหม่สัปดาห์หน้า
คอลัมน์หนังสือพิมพ์กระแสหุ้น
Investment
Society by Sukit Udomsirikul
Telecom
Sector : Ministry of Finance said govt. won’t sue Telco
นายกรณ์
จาติกวานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ออกมาเปิดเผยว่ารัฐบาลจะไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากบริษัทในกลุ่มสื่อสารซึ่งเกิดจากการแก้ไขสัญญาสัมปทานหรือกฎหมายใดๆที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินคดียึดทรัพย์
โดยเห็นว่าควรเอาผิดจากพ.ต.ท.ทักษิณ
ชินวัตร เพียงผู้เดียว
เนื่องจาก ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นของบริษัทที่
โดย SCRI
ประเมินว่า
ประเด็นดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนลดความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่บริษัทจะต้องชดเชยค่าเสียหายให้กับรัฐบาลซึ่งจะกระทบต่อกำไรและมูลค่าหุ้น
โดย SCRI
คาดว่า
ADVANC
จะเป็นหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกมากที่สุดเพราะมีมูลค่าเงินที่อาจถูกเรียกร้องคิดเป็นมูลค่าสูงถึง
6.6
หมื่นล้านบาท
ในขณะที่ DTAC
ได้รับผลบวกจากมูลค่าที่อาจถูกเรียกร้องจำนวน
4.9
หมื่นล้านบาท
ส่วน TRUE
ได้รับผลบวกน้อยที่สุดจากมูลค่าที่อาจถูกเรียกร้องจำนวน
9
พันล้านบาท
อย่างไรก็ดี
ยังคงเหลือประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานในอนาคตที่มีความเสี่ยงจากที่คณะรัฐมนตรีอาจเพิกถอนสัญญาต่อท้าย
และ ให้บริษัทกลับไปจ่ายส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาสัมปทานเดิม
อย่างไรก็ดี SCRI
ประเมินว่า
กระบวนการดังกล่าวจะใช้เวลานานในการพิจารณาทั้งในชั้นของอนุญาโตตุลากาลและศาลปกครอง
จึงยังไม่มีผลกระทบต่อผลประกอบการในปีนี้
ดังนั้น SCRI
จึงยังคงยืนยันแนะนำ
“ซื้อ” ADVANC
และ
DTAC
สำหรับ
THCOM
แนะนำ
“ซื้อเก็งกำไร” ส่วน TRUE
ยังแนะนำ
“ขาย”
ADVANC
:
หากรัฐบาลไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นการแก้ไขใดๆที่เกิดขึ้นในอดีต
ซึ่งประกอบด้วย 3
กรณี
คือ 1)
การแก้ไขสัญญาสัมปทาน
ที่มีการลดส่วนแบ่งรายได้ของระบบ
Prepaid
ลงจาก
25%
เป็น
20%
ซึ่งคิดเป็นมูลค่า
18,908
ล้านบาท
คิดเป็นมูลค่าหุ้นละ 6.40
บาท
และ 2)
การจ่ายส่วนแบ่งรายได้ลดลงจากการหักค่าใช้โครงข่ายร่วม
(Roaming)
มูลค่า
6,960
ล้านบาท
คิดเป็นมูลค่าหุ้นละ 2.40
บาท
3)
การเรียกร้องส่วนแบ่งรายได้จากการหักจ่ายเป็นภาษีสรรพสามิต
มูลค่า 40,553
ล้านบาท
คิดเป็นมูลค่าหุ้นละ 13.40
บาท
อย่างไรก็ดี SCRI
ประเมินว่า
ADVANC
ยังมีความเสี่ยงเหลืออยู่เพียงเรื่องเดียว
คือ กรณีการเปลี่ยนส่วนแบ่งรายได้ของระบบ
Prepaid
กับไปที่สัญญาดั้งเดิม
ซึ่งกรณีนี้ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานตามมาตรา
22
ของ
พ.ร.บ.ร่วมทุน
และต้องผ่านการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
โดยหากว่าคณะรัฐมนตรีให้เพิกถอนสัญญาต่อท้ายและให้แก้ไขกลับไปตามฉบับดั้งเดิม
จะมีผลทำให้มูลค่าที่เหมาะสมของ
ADVANC
ลดลง
15.00
บาท
โดยหากรัฐบาลไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นแต่ต้องแก้สัญญาสัมปทานกลับเป็นตามเดิม
มูลค่าเหมาะสมของ ADVANC
อยู่ที่
100
บาท
แนะนำ “ซื้อ”
DTAC
: ในกรณีของ
DTAC
จะได้รับปัจจัยบวกจาก
2
กรณี
คือ
1)
การแก้ไขสัญญาสัมปทาน
3
ครั้ง
โดยมีจำนวน 2
ครั้ง
ซึ่งมีผลให้ส่วนแบ่งรายได้ของ
DTAC
ปรับลดลง
และ ได้รับการขยายเวลาสัมปทานออกไป
ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 25,460
ล้านบาท
หรือหุ้นละ 7.50
บาท
และ 2)
กรณีการนำส่วนแบ่งรายได้ไปจ่ายเป็นภาษีสรรพสามิต
ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 23,164
ล้านบาท
หรือคิดเป็นมูลค่าหุ้นละ
9.80
บาท
ส่วนในอนาคตหากคณะรัฐมนตรีให้เพิกถอนสัญญาต่อท้ายและให้แก้ไขกลับไปตามฉบับดั้งเดิม
SCRI
ประเมินว่า
ประเด็นนี้ไม่มีผลกระทบต่อหุ้น
เพราะ DTAC
จะเริ่มจ่ายส่วนแบ่งรายได้ที่
30%
ซึ่งจะเริ่มในปี
2554
จนสิ้นสุดอายุสัมปทาน
ดังนั้น
หากรัฐบาลไม่เรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์ในอดีตแต่แก้สัญญาสัมปทานกลับไปตามเดิม
มูลค่าเหมาะสมของ DTAC
อยู่ที่
45
บาท
แนะนำ “ซื้อ”
TRUE
:
ถือว่าเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุดนับตั้งแต่มีคำตัดสินของศาลฎีกา
เนื่องจาก TRUEMOVE
ไม่เคยมีการแก้ไขสัญญาสัมปทานหลังจากที่ซื้อธุรกิจมาจาก
WCS
และทำสัญญาสัมปทานใหม่กับ
CAT
ดังนั้น
TRUE
จึงได้รับปัจจัยบวกจากการไม่เรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งของรัฐบาลเพียงประเด็นเดียว
คือ กรณีการนำส่วนแบ่งรายได้ไปจ่ายเป็นภาษีสรรพสามิต
ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 9,015
ล้านบาท
หรือ คิดเป็นมูลค่าหุ้นละ
0.62
บาท
ทำให้มูลค่าเหมาะสมของ TRUE
กลับไปอยู่ที่
3.10
บาท
แนะนำ “ขาย”
สุดท้ายขอให้ทุกท่านโชคดีและพบกันใหม่สัปดาห์หน้า
|
Comments