บล.เอเซียพลัส : BCP แนะนำซื้อ มูลค่าพื้นฐานที่ 19.75 บาท

ประกาศแผนลงทุนในโครงการพลังงานทดแทนในระยะ 5 ปี ข้างหน้า
BCP มีแผนกระจายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆนอกเหนือจากธุรกิจโรงกลั่นที่ปัจจุบันการ
ปรับปรุงประสิทธิภาพเป็นโรงกลั่นแบบ Complex Refinery แล้วเสร็จ ซึ่งล้วนเป็นโครงการลง
ทุนขนาดใหญ่ประกอบด้วย 1.โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2. โรงงานผลิตเอทานอล และ 3.
เหมืองแร่โปแตส ด้วยวงเงินลงทุนรวม 1.6 หมื่นล้านบาท ในระยะ 5 ปี ข้างหน้า ซึ่งจากการศึกษา
ของฝ่ายวิจัยภายใต้สมมติฐานการลงทุนในลักษณะ Project Finance ด้วย D/E 2:1 คาดว่า
BCP ยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนเพราะมีกำไรหลังหักจ่ายภาษีและปันผลเพียงพอ โดยในส่วนของ
หนี้สินอาจจะมาจากการออกหุ้นกู้หรือกู้ยืมจากสถาบันการเงิน เพราะปัจจุบันยังมีศักยภาพการกู้
ได้อยู่จาก D/E ปัจจุบันที่อยู่เพียง 0.55 เท่า อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการ
โดยคาดจะเริ่มทยอยสร้างรายได้ภายใน 1-3 ปี ข้างหน้า ซึ่งหากโครงการดังกล่าวข้างต้นดำเนิน
การได้ตามแผนจะทำให้ฐานกำไรของ BCP เพิ่มขึ้นอีก 20-30% จากปัจจุบัน จึงถือเป็นประเด็น
สำคัญที่จะต้องติดตาม ขณะที่ในส่วนของธุรกิจหลักโรงกลั่นนั้น ค่าการกลั่นในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่
เพียง 4-5 เหรียญฯต่อบาร์เรล ซึ่งถือว่าไม่เป็นไปตามรูปแบบแนวโน้มค่าการกลั่นที่เกิดขึ้นใน
อดีตที่จะทำระดับสูงสุดของปีมากกว่า 10 เหรียญฯต่อบาร์เรล ในไตรมาส 2 ซึ่งถือว่าได้รับผล
กระทบโดยตรงจากความกังวลในปัญหาวิกฤตการเงินในทวีปยุโรปเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตามหาก
พิจารณากำลังการกลั่นส่วนเพิ่มที่จะเกิดขึ้นในปี 2553 เพียง 8 แสนบาร์เรล (ลดลงจากปี 2552
ที่เพิ่ม 2.5 ล้านบาร์เรล) ทำให้ค่าการกลั่นในปี 2553 น่าจะเฉลี่ยอยู่ได้ในระดับ 4 เหรียญต่อ
บาร์เรล

แนวโน้มกำไรงวด 2Q53 มีโอกาสอ่อนตัวจากขาดทุนสต๊อกน้ำมัน
ฝ่ายวิจัยคาดการณ์แนวโน้มกำไรงวด 2Q53 อาจมีทิศทางอ่อนตัวลงจากงวด 1Q53
จากการบันทึกขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันหากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังยืนอยู่ในระดับ 70 เหรียญฯ
ต่อบาร์เรล ถึงสิ้นงวด 2Q53 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยราคาน้ำมันใน 1 เดือนสุดท้ายของงวด 1Q53 ที่
77.41 เหรียญฯต่อบาร์เรล ถึง 7.41 เหรียญฯต่อบาร์เรล ขณะที่คาดค่าการกลั่นพื้นฐานจะเพียง
ทรงตัวเนื่องจากการชะลอตัวลงของความต้องการใช้น้ำมันของโลก ทั้งนี้ในเบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคง
ประมาณการกำไรปี 2553 ไว้เช่นเดิม เพราะคาดค่าการกลั่นเฉลี่ยที่จะเกิดขึ้นในปี 2553 ยังคง
สอดคล้องกับสมมติฐานที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 4 เหรียญฯต่อบาร์เรล

แนะนำซื้อ...PER ต่ำสุด และอัตราปันผลจ่ายสูงสุด ในกลุ่มฯ
ฝ่ายวิจัยยังคงคำแนะนำซื้อ โดยมีมูลค่าพื้นฐานภายใต้วิธี DCF ที่ 19.75 บาทต่อหุ้น
ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี PER ต่ำมาก และมีจุดแข็งในด้านการจ่ายปันผล โดยมีอัตราผลตอบแทน
เงินปันผลที่สูงสุดในกลุ่มฯ อีกทั้งเป็นการยกระดับโรงกลั่นจาก Simple Refinery เป็น
Complex Refinery และมีการกระจายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆสามารถคาดหวังอัตราผลตอบ
แทนในระดับสูงได้ภายในระยะเวลา 4 ปี ข้างหน้าหากโครงการต่างๆดังกล่าวดำเนินการตามแผน
ได้สำเร็จ

Written by :

พิราบขาว

 

Comments

B

i

u

Quote

Code

List

List item

URL

Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions

Submit Comment