| ตลาดหุ้นตั้งเป้าดันมาร์เก็ตแคปเพิ่ม1แสนล. |
|
|
|
| Monday, 08 November 2010 09:45 | |||
|
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อนุมัติแผนงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2554 เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่องค์กร และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ โดยปี 2554 ถือเป็นปีสำคัญที่จะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับ สภาวะการแข่งขันแบบเปิด ภายหลังจากการปฎิรูปตลาดหลักทรัพย์ (Demutualization) ซึ่งจะมีผู้ทำธุรกิจรายใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น ทั้งงานด้านการซื้อขายหลักทรัพย์ การชำระราคา การรับฝากหลักทรัพย์ และงานด้านนายทะเบียนหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ขยายโอกาสการทำธุรกิจ และสร้างความเชื่อมโยงกับตลาดหลักทรัพย์และเครือข่ายผู้ลงทุนต่างประเทศ สำหรับกลยุทธ์สำคัญ 4 ด้านของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2554 ได้แก่ 1) การขยายขอบเขตธุรกิจของตลาดหลักทรัพย์ฯ (Expand Coverage) 2) การเพิ่มคุณค่าและคุณภาพบริการ (Enhance Value) 3) การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ( Increase Efficiency) และ 4) การเพิ่มขีดความสามารถของตลาดหลักทรัพย์ฯ (Improve Capability) “ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะ ขยายขอบเขตธุรกิจ ด้วยการเน้นเพิ่มสินค้า ฐานผู้ลงทุน และช่องทางที่หลากหลาย โดยในปี 2554 จะเพิ่มสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า ( Oil Futures ) รวมทั้ง สัญญาซื้อขายล่วงหน้าโลหะเงิน (Silver Futures) และเพิ่ม Exchange Traded Funds ( ETFs ) และใบรับฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เปลี่ยนมือได้ (Transferable Custody Receipt) ขณะที่มีเป้าหมายที่จะเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ( Market Capitalization) จากบริษัทจดทะเบียนใหม่อีก 100 , 000 ล้านบาท โดยเน้นธุรกิจเป้าหมายใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มประกัน กลุ่มสื่อสารและโทรคมนาคม กลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ และกลุ่มพลังงานและพลังงานทดแทน ” นายจรัมพรกล่าว นอกจากนี้ จะเจาะกลุ่มผู้ลงทุนกลุ่มใหม่ ๆ โดยทำงานร่วมกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อเพิ่มผู้ลงทุนที่ซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านอินเทอร์เน็ตจากฐานลูกค้าธนาคารที่ใช้ Internet Banking นอกจากนี้ จะขยายขอบเขตบริการหลังการซื้อขาย โดยเปิดให้บริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นสมาชิกปัจจุบัน สามารถชำระราคาแทนสมาชิกอื่นได้ รวมทั้งเข้าเป็นสมาชิกศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ในต่างประเทศ เพื่อรองรับการชำระราคาหลักทรัพย์ต่างประเทศตามโครงการเชื่อมโยงตลาดหุ้นอาเซียน ( ASEAN Linkage) และการจดทะเบียนควบสองตลาด ( Dual Listing) นายจรัมพรกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเน้น เพิ่มคุณค่าและคุณภาพบริการ (Enhance Value ) ให้กับบริษัทจดทะเบียน บริษัทหลักทรัพย์ และผู้ลงทุน รวมทั้งเพิ่มสภาพคล่องของสินค้าเดิม และส่งเสริมการซื้อขายหลักทรัพย์ของผู้ลงทุนใน 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ผู้ลงทุนบุคคลทั้งที่ลงทุนผ่านอินเทอร์เน็ตและผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด ผู้ลงทุนต่างชาติ และผู้ลงทุนสถาบันในประเทศ รวมทั้งจะเพิ่มการลงทุนจากผู้ลงทุนสถาบันในจีนและญี่ปุ่น เนื่องจากกฎเกณฑ์ในประเทศดังกล่าวเอื้ออำนวยมากขึ้น นอกจากนี้ จะขยายเวลาการซื้อขาย Gold Futures ในตลาดอนุพันธ์ให้คาบเกี่ยวกับเวลาซื้อขายในตลาดนิวยอร์ก เพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุนและลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาในช่วงปิดตลาด สำหรับกลยุทธ์ในการ เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ( Increase Efficiency) จะรวมถึงการปรับปรุงแนวทางการลงทุนผ่าน NVDR เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบโจทย์ผู้ลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ จะเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น การบริหารความเสี่ยงของสำนักหักบัญชี การจัดโครงสร้างกองทุนคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเหมาะสม รวมไปถึง การเพิ่มประสิทธิภาพระบบการเผยแพร่ข้อมูลของบริษัทจดทะเบียน เพื่อลดภาระให้แก่บริษัทจดทะเบียน นายจรัมพร กล่าวว่า “ กลยุทธ์ที่สำคัญอีกกลยุทธ์หนึ่ง คือการ เพิ่มขีดความสามารถของตลาดหลักทรัพย์ฯ (Improve Capability) โดยจะมีการเดินหน้าพัฒนาระบบเทคโนโลยีตามแผน IT Master Plan ซึ่งจะเป็นแผนงานสำคัญสำหรับโครงสร้างพื้นฐานของระบบซื้อขายและระบบบริการหลังการซื้อขาย เพื่อให้การออกสินค้าใหม่ การปรับปรุงบริการทำได้รวดเร็ว และเพิ่มคุณภาพและมาตรฐานระบบงานของตลาดหุ้นไทยก้าวสู่ระดับโลกอีกด้วย สำหรับกลุ่มงานพัฒนาตลาดทุน ( Capital Market Development Fund: CMDF) ซึ่งจะถูกโอนไปจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อการพัฒนาตลาดทุนภายหลังจากการปฏิรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ในปี 2554 จะเตรียมความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน โดยจะปรับบทบาทให้กว้างขึ้นเพื่อครอบคลุมตลาดทุนทั้งระบบ ทั้งนี้ ได้มีการจัดทำ CMDF Roadmap ที่ครอบคลุมงานด้านต่าง ๆ ร่วมกับหน่วยงานทางการ และสมาคมที่เกี่ยวข้องในตลาดทุน ในส่วนของการพัฒนาบุคลากรและผู้ประกอบวิชาชีพในตลาดทุน จะแบ่งบทบาทที่ชัดเจนกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุน และสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นองค์กรกำกับดูแลตนเอง (Self Regulatory Organization หรือ SRO) ในปี 2554 CMDF จะเน้นการเพิ่มขีดความสามารถให้กับบุคลากรของทั้งบริษัทหลักทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้สามารถให้คำแนะนำและบริการผู้ลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการพัฒนาทักษะการวางแผนทางการเงินและการลงทุนให้กับผู้ลงทุนและประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ จะยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มที่มีระดับการกำกับดูแลกิจการในระดับดี ให้เป็นระดับดีมากและดีเลิศ และสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนนำหลักการไปปฏิบัติจริง รวมทั้งส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนใช้ประโยชน์จากงานด้านผู้ลงทุนสัมพันธ์อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานของตลาดทุนโดยรวมให้มีความน่าเชื่อถือ และได้รับการยอมรับจากทั้งในและต่างประเทศ “ ปี 2554 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะมุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยการทำงานอย่างเข้มข้น เพื่อเตรียมการสำหรับการปฏิรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาแก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ทั้ง 4 ด้าน จะทำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นช่องทางหลักที่ตอบโจทย์ลูกค้าในประเทศให้กับทั้งผู้ลงทุนและบริษัทที่ต้องการระดมทุน และเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่แข่งขันได้กับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค การปฏิรูปตลาดหลัก ทรัพย์ฯ จะดำเนินไปพร้อม ๆ กับการพัฒนาตลาดทุนในระยะยาว เพื่อให้ตลาดทุนไทยเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทย ซึ่งในที่สุดจะส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยและความอยู่ดีกินดีของประชาชนไทยโดยรวม ” นายจรัมพรกล่าว
|






![]() | Today | 792 |
![]() | All days | 792 |
Comments