Forgot your password? Create an account
  • Increase font size
  • Default font size
  • Decrease font size
News

Stockwave Online กระแสหุ้นออนไลน์ หุ้น หลักทรัพย์ การเงิน ข่าวเศรษฐกิจ

Home Hot News บลจ.ธนชาตขายกองทุนหุ้นรอรับดัชนี1,200จุด
บลจ.ธนชาตขายกองทุนหุ้นรอรับดัชนี1,200จุด PDF Print E-mail
Tuesday, 05 June 2012 18:41

(05 มิ.ย. 2555) - บลจ.ธนชาตเ เสนอขายกองทุนเปิดธนชาตชาเลนจ์ (T-Challenge)  ในวันที่ 5-14 มิ.ย.2555 กองทุนสามารถลงทุนได้ทั้งในตราสารแห่งทุน และหรือตราสารทางการเงินอื่นๆ และหรือตราสารหนี้ ตามสัดส่วนการลงทุนและจังหวะตลาดที่เหมาะสม กองทุนจะมีอายุ  1 ปี หรือต่ำกว่า 1 ปี หากเกิดเหตุตามเงื่อนไขการเลิกกองทุน คือ เมื่อกองทุนมีมูลค่าหน่วยลงทุนตั้งแต่ 10.91 บาท ขึ้นไป เป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน

 

โดย บลจ.ธนชาต คาดว่าตลาดหุ้นจะผันผวนไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งในช่วงดัชนีแกว่งตัวเช่นนี้ ควรเก็บหุ้นแกร่ง มีคุณภาพ โดยเลือกลงทุนในหุ้นดีที่ราคาตก มีโอกาสดีดกลับแรง หรือหุ้นที่ผู้ลงทุนอยากลงทุนตั้งแต่ดัชนี 1,200 เพราะจะเพิ่มโอกาสทำกำไรในภาวะตลาดแกว่งตัวเช่นปัจจุบัน

 

นายวีระพล สิมะโรจน์ ผู้จัดการกองทุนอาวุโส กลุ่มตราสารทุน บลจ. ธนชาต  เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นปัจจุบันค่อนข้างผันผวนจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะปัญหาที่ว่ากรีซจะออกจากกลุ่มยูโรหรือไม่ และปัญหาสถาบันการเงินในสเปน ทำให้นักลงทุนลดความเสี่ยงจากสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก และย้ายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยกว่าเป็นการชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ปัญหาในยุโรปเป็นปัญหาที่ทุกประเทศทั่วโลกรับทราบและตื่นตัวในการเตรียมการป้องกัน

 

ดังนั้น จึงมีโอกาสที่รัฐบาลหรือธนาคารชาติของทั่วโลกจะออกมาตรการช่วยเหลือในจังหวะที่เหมาะสมได้ ซึ่งหากความเสี่ยงข้างต้นคลี่คลายลง จะทำให้นักลงทุนหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง เนื่องจากสภาพคล่องในตลาดโลกยังมีอยู่สูง และอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ

 

การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในจังหวะที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มผลตอบแทนการลงทุนได้ ซึ่งเมื่อนักลงทุนหันกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียจะเป็นตลาดหุ้นหลักที่นักลงทุนให้ความสนใจ เนื่องจากเป็นภูมิภาคที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจมีความมั่นคง

 

ขณะที่ไทยเป็นประเทศที่นักลงทุนให้ความสนใจมากในช่วงนี้ เนื่องจากมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูง โดยคาดว่าจะสูงถึง 5-6% และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนก็มีอัตราการเติบโตที่สูงเช่นกัน คือประมาณ 23% ในปี 55 และ 13% ในปี 56 จากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งภายในประเทศหลังภาวะน้ำท่วมใหญ่ และการลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23%

 

จากความไม่แน่นอนดังกล่าว ส่งผลให้ตลาดมีการแกว่งตัวค่อนข้างสูง และราคาหุ้นได้ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจคือ ค่า PER ของตลาดอยู่ที่ประมาณ 11.5 เท่าในปี 2555 และ 10.0 เท่าในปี 56 ซึ่งนับว่าเป็นจุดที่น่าลงทุน

Comments

B
i
u
Quote
Code
List
List item
URL
Name *
Code   
ChronoComments by Joomla Professional Solutions
Submit Comment
 
 

Login

Forgot your password? Create an account
mod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_countermod_vvisit_counter
mod_vvisit_counterToday1144
mod_vvisit_counterAll days1144

We have: 1142 guests online
Your IP: 216.73.216.39
Mozilla 5.0, 
Today: Sep 20, 2025

8170488