| ECB ขยายระยะเวลาและลดขนาดวงเงินQEสนับสนุนเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง |
|
|
|
| Friday, 27 October 2017 22:18 | |||
|
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจเศรษฐกิจ และธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี) ออกบทวิเคราะห์ เรื่อง ECB ขยายระยะเวลาและลดขนาดวงเงิน QE สนับสนุนเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง ธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank: ECB) ประกาศมาตรการผ่ อนคลายนโยบายการเงิน( Quantitative Easing: QE) ตามที่ตลาดคาดในการประชุมวั นที่ 26 ตุลาคม 2017 เพื่อสนั บสนุนให้ระบบการเงินมีสภาพคล่ องต่อเนื่องและผลักดันอัตราเงิ นเฟ้อให้เข้าสู่เป้าหมายที่ 2% มาตรการดังกล่าว ประกอบด้วย 1. ขยายระยะเวลาการดำเนิ นมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่ มเติม 9 เดือน โดยจากเดิมที่ มาตรการจะสิ้นสุดในเดือนธั นวาคม 2017 เป็นสิ้นสุดในเดื อนกันยายน 2018 ทั้งนี้ อาจมีการขยายระยะเวลาเพิ่มเติ มได้หากอัตราเงินเฟ้อและการฟื้ นตัวของระบบเศรษฐกิจไม่เป็ นไปตามที่ ECB คาด 2. ลดขนาดวงเงินที่จะเข้าซื้อพั นธบัตรรัฐบาล โดยจะยังคงวงเงิ นปริมาณการอัดฉีดต่อเดือนที่ 6 หมื่นล้านยูโร จนถึงเดือนธันวาคม 2017 และลดกา รอัดฉีดปริมาณเงินต่อเดื อนลงเหลือ 3 หมื่นล้านยูโร ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนมกราคม 20 18 จนถึงเดือนกันยายน 2018 การตอบสนองของตลาดการเงินไม่ผั นผวนนัก เนื่องจาก ECB แสดงมุมมองที่ ระมัดระวังต่ อแผนการถอนมาตรการผ่ อนคลายทางการเงิน ภายหลังนาย มาริโอ ดรากี ประธาน ECB ประกาศดำเนิ นมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่ มเติม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรั ฐบาลระยะยาว 10 ปี ในประเทศเศรษฐกิจหลักของยูโรโซน ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน ปรับลดลงโดยเฉลี่ยเพียง 5 bps ล งมาอยู่ที่ 0.45% 0.85% 1.97% และ 1.57% ตามลำดับ ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็ กน้อยที่ 0.4% อยู่ที่ระดับ 1. 1777 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อยูโร จากระดับ 1.181 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อยูโร ก่อนการประกาศมาตรการฯ ทั้งนี้ ตลาดการเงินตอบสนองในทิศทางดั งกล่าวและไม่ผันผวนนัก เนื่องจากนักวิเคราะห์บางส่ วนคาดการณ์ไว้ว่า ECB จะปรั บลดวงเงิน QE สู่ระดับ 4 หมื่ นล้านยูโร เป็นระยะเวลาเพียง 6 เดือน และจะทำให้ ECB สามารถปรับขึ้ นอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงปลายปี 2018 อย่างไรก็ดี การปรับลดวงเงินสู่ระดับ 3 หมื่ นล้านยูโร เป็นระยะเวลา 9 เดือน สะท้อนว่า ECB มีมุมมองที่ระมั ดระวังต่อแผนการถอนมาตรการผ่ อนคลายทางการเงินเป็นอย่างมาก ( Dovish stance) และอาจทำให้การเริ่ มมาตรการตึงตัวทางการเงินเป็ นไปได้ช้า อีไอซีมองว่า ECB จะเริ่มปรับขึ้ นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงหลั งของปี 2019 โดยการปรับขึ้นอั ตราดอกเบี้ยนโยบายจะเกิดขึ้ นภายหลังจากที่ ECB สิ้นสุ ดมาตรการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งมีแนวโน้มที่จะสิ้นสุ ดภายในครึ่งแรกของปี 2019 ทั้ งนี้ แม้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนที่มี แนวโน้มเติบโตต่อเนื่องและทั่ วถึงมากขึ้นจะสนับสนุนให้ ECB ส ามารถยุติการเข้าซื้อพันธบัตรรั ฐบาลและเริ่มมาตรการตึงตั วทางการเงินได้ในช่วงครึ่งหลั งของปี 2019 แต่ปัจจัยเสี่ยงที่ จะทำให้ ECB อาจไม่สามารถเร่ งออกมาตรการตึงตัวทางการเงินได้ ตามที่คาด ประกอบด้วย (1) อัตราเงินเฟ้อที่ อยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2% ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 1.5% ใน เดือนกันยายน (2) ความเสี่ยงต่ อการแยกตัวเป็ นเอกราชของคาตาโลเนี ยออกจากสเปน (Catalexit) (3) การเลือกตั้งทั่วไปของอิ ตาลีที่จะเกิดขึ้นภายในเดื อนพฤษภาคม ปี 2018 ซึ่งอาจก่อให้เกิ ดกระแส anti-establishment ได้ หากพรรคที่ต่อต้าน EU ได้รับชั ยชนะ (4) การเจรจา Brexit ที่ต้ องได้ข้อสรุปภายในเดือนมีนาคม 2 019 โดยหากไม่ได้ข้อสรุป UK จำเ ป็นต้องออกจาก EU ด้วยความสัมพั นธ์ภายใต้เงื่อนไขขององค์ การการค้าโลก (WTO) ซึ่งเรียกได้ว่าไม่มีอภิ สิทธิ์ใดเลยและนับเป็นกรณีที่ เลวร้ายที่สุด ค่าเงินยูโรเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลงในปี 2018 ค่ าเงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่ าลงจากในระดับปัจจุบันที่1.18 ด อลลาร์สหรัฐฯ ต่อยูโร สู่ระดับ 1.15 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อยูโร ในช่วงสิ้นปี 2018 เนื่องจากปั จจัยด้านส่วนต่างระหว่างอั ตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ และยูโรโซนที่กว้างมากขึ้น ตามแนวโน้มการปรับขึ้นอั ตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ที่เร็วกว่ายูโรโซน โดยอีไอซีคาดว่า Fed จะมีการปรั บขึ้นอีก 1 ครั้งในการประชุมเดื อนธันวาคม 2017 และอีก 3 ครั้ งในปี 2018 นอกจากนี้ ความเสี่ยงด้านการเมืองในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น Catalexit การเลื อกตั้งในอิตาลี และการเจรจา Brexit ก็นับว่าเป็ นปัจจัยที่อาจทำให้เงินทุ นไหลออกจากยูโรโซนได้เช่นกัน ค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มอ่อนค่าลงในปี 2018 ตา มทิศทางการดำเนินนโยบายการเงิ นแบบตึงตัวของ Fed และ ECB อี ไอซีมองว่าค่าเงินบาทจะอยู่ที่ ราว 33.5-34.5 บาทต่อดอลลาร์ สหรัฐฯ ในช่วงสิ้นปี 2018 อ่อนค่ าลงจากในปัจจุบันที่ 33.14 บาทต่ อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยทิศทางการปรับขึ้นอั ตราดอกเบี้ยของ Fed ประกอบกั บสภาพคล่องในตลาดการเงินทั่ วโลกที่น้อยลง จากทั้งการลดวงเงินสำหรับการอั ดฉีดสภาพคล่องของ ECB และการปรั บลดงบดุลของ Fed ส่งผลให้อั ตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ของสหรัฐฯและยูโรโซนสู งขึ้นเมื่อเทียบกับไทย เนื่องจากธนาคารแห่งประเทศไทยยั งมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ ยนโยบายไว้ที่ 1.5% ตลอดปี 2017 และ 2018
|






![]() | Today | 763 |
![]() | All days | 763 |
Comments