| ธณพงศ์ มีทอง มอง CPALL ผลงานเติบโตก้าวกระโดด |
|
|
|
| Tuesday, 19 January 2010 17:50 | |||
|
เคยหยิบเอาหุ้น CPALL มาแนะนำใน "กระแสหุ้นออนไลน์" โดยมองเป็น Defensive stock เป็นหุ้นเชิง Aggressive Strategy คือเป็นหุ้นที่อนาคตมีแนวโน้มดี มีกำแพงทางการค้าแข็งแกร่ง มีเงินสดในมือจำนวนมาก ผู้บริหารก็มั่นใจว่าทั้งปีรายได้จะเติบโต 10-15% ตามเป้า ปัจจุบันมียอดขายในแต่ละสาขายังอยู่ในแนวโน้มที่ดี ทั้งอาหาร เครื่องดื่มและอาหารแห้ง รวมถึงรายได้จากการให้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิส ที่เพิ่มสูงขึ้นตามสาขาใหม่ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่ 400-450 สาขา รวมๆ แล้ว สิ้นปี 57 ผู้บริหาคาดการณ์ว่า จะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้นถึง 7,000 สาขา ความโดดเด่นของ CPALL ตามมุมมองของ "ธณพงศ์ มีทอง" กำไรไตรมาส 3 เติบโตโดดเด่น ทั้งที่เป็นช่วง Low ของธุรกิจ แต่ก็สามารถทำได้ดี ทำให้งวด 9 เดือนกำไรเติบโตสูงถึง 3.89 พันล้านบาท เป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีที่แล้ว ชี้ให้เห็นว่าธุรกิจของ CPALL ไม่ใช่แค่ร้านสะดวกซื้อทั่วไป ด้วยเหตุผลของวัฒนธรรมของคนไทยที่เปลี่ยนแปลง และเคยชินกับการเข้า-ออก ร้านเซว่นอีเลฟเว่นมากขึ้น จากเดิมแค่จำเป็น กลายเป็นความเคยชินไปแล้ว รวมไปถึงการเปิดสาขาใหม่ ทำให้มีความสะดวกมากขึ้น และการมีสินค้าที่หลากหลาย ตรงกับความต้องการไม่เลือกเวลา เพราะเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้การรองรับลูกค้ามีไม่จำกัด ซึ่งการเปิดสาขาเป็นไปตามความต้องการของลูกค้า มากกว่าการเปิดเพื่อให้มีจุดให้บริการให้มากที่สุด สังเกตุได้จาก บางสถานที่มีการเปิดสาขาใกล้ๆ กัน ห่างกันแค่ 300-500 เมตร ก็ยังมีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก ชี้ให้เห็นว่า ความต้องการของลูกค้า มีมากกว่าสาขาที่เปิดให้บริการ มองอนาคตสำหรับ CPALL ในธุรกิจค้าปลีก ผมยังมองอนาคตมีความสดใส รายได้จะเพิ่มขึ้นจากการเปิดขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง และการเพิ่มสินค้าใหม่ที่รองรับความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เช่น สินค้าประเภทอาหาร ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า เป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ซึ่งเป้าหมายของสัดส่วนประเภทอาหารจะเพิ่มเป็น 80-85% ของรายได้รวมภายใน 3 ปี บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำ 'ซื้อ' ให้ราคาพื้นฐาน 27.75 บาท โดยพิจารณาจากจากแนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธินับตั้งแต่ปี 52 เป็น 72% ปี 53 เป็น 18% และปี 54 เป็น 12% อีกทั้งความมั่นใจผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เป็นปัจจัยบวกต่อ CPALL งบดุลก็มีความแข็งแกร่ง ราคาพื้นฐาน 27.75 บาท อิงกับ P/E ปี 53 เท่ากับ 20 เท่า พร้อมทั้งคาดการณ์อัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 52-53 อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเท่ากับ 4.0% และ 4.7% ตามลำดับ จัดลำดับให้เป็น Top Pick ในหมวดหลักทรัพย์ พาณิชย์ บล.ภัทร แนะนำ 'ซื้อ' ราคาพื้นฐาน 26 บาท เป็นผู้ค้าปลีกที่มีศักยภาพในการเติบโตได้สูงทั้งในแง่ของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น และเป็นหุ้นที่มีโครงสร้างรายได้ที่มี เสถียรภาพ ประกอบกับเผชิญแรงกดดันด้านการแข่งขันไม่มาก ในปี 2010 คาดว่ากำไรสุทธิจะขยายตัวในอัตรา 26% เนื่องจากได้รับประโยชน์จากภาวะการแข่งขันที่ต่ำ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ และยอดขายอาหารพร้อมรับประทานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันกำไรที่จะขยายตัวดังกล่าวยังมาจากสาขาใหม่อีก 400 แห่ง ราคาเป้าหมายสะท้อนถึง PE ปี 2010 ที่ 16.63 เท่า กำไรสุทธิปี 2009 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4,645 ล้านบาท และ 5,837 ล้านบาทในปี 2010 และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2009 และ 2010 ที่ 3.29% และ 4.45% ตามลำดับ
|






![]() | Today | 1776 |
![]() | All days | 1776 |
Comments