| KYE ดีจริงหรือ...?? ในมุมมองของ ธณพงศ์ มีทอง |
|
|
|
| Friday, 26 February 2010 13:58 | |||
|
ราคาหุ้นของ KYE ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ราคาประมาณ 60-70 บาท เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2552 หลังจากผลประกอบการได้ประกาศออกมาค่อนข้างดีในไตรมาส 1 ที่บริษัทรับรู้รายได้จากกำไรของบริษัทลูก ด้วยกำไรที่เพิ่มขึ้น และการประกาศจ่ายเงินปันผล 9 บาทต่อหุ้น ทำให้ราคาของ KYE ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ก่อนหน้านั้น KYE เป็นหุ้นที่ไม่มีใครมองเห็น และแทบจะไม่มีใครเข้ามาทำการซื้อขาย ก่อนจะถูกจุดประกายโดยผู้จัดรายการวิทยุท่านหนึ่งคือ "อาจารย์สิปปกร ขาวสอาด" ที่มองเห็นอนาคตของหุ้นตัวนี้ แล้วนำมาบอกกล่าวกับผู้ฟังรายการ ความเปลี่ยนแปลงของ KYE ชัดเจนมากที่สุดก็คือ การประกาศผลประกอบการของปี 2551 บริษัทมีรายได้สุทธิ 6,789.20 ล้านบาท กำไรสุทธิ 426.44 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 6.28% แต่เมื่อมามองผลประกอบการของปี 2552 งวด 9 เดือน บริษัทสามารถทำรายได้สุทธิ 5,274.45 ล้านบาท กำไรสุทธิ 773.94 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิพุ่งขึ้นเป็น 14.67% จะเห็นว่า อัตรากำไรเพิ่มขึ้นสูงมาก ถึงแม้ว่าไตรมาส 3 จะมีผลประกอบการออกมาไม่สวยหรูนัก แต่ในไตรมาส 4 (มกราคม-มีนาคม) ซึ่งเป็นฤดูการขาย ในมุมของผู้บริหาร คุณประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานกรรมการบริหาร ยืนยันว่า แต่ละปีในช่วงเวลาดังกล่าว จะมียอดขายเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ ทั้งสินค้าตู้เย็น พัดลม และแอร์ ทั้ง 3 รายการ บริษัทเป็นผู้นำตลาด แบรนด์เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตและส่งออกไปยังต่างประเทศสูงถึง 70% ที่เหลือขายในประเทศ และตลาดต่างประเทศก็กำลังเติบโต รวมทั้งบริษัทลูก ซึ่งผลิตสินค้าและส่งออกถึง 90% ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะทำให้ไตรมาส 4 ของบริษัทไม่เติบโต และที่สำคัญฤดูการขายของ KYE ยังยาวไปถึงประมาณเดือนมิถุนายน 2553 ในมุมมองของข่าวเห็นว่า ผลประกอบการของ KYE ในรอบสิ้นปี และไตรมาส 1 น่าจะออกมาดี เมื่อดูจากอัตรากำไรสุทธิที่สูงมากกว่า 14% ที่สำคัญ บริษัทประสบความสำเร็จ ในการลดต้นทุนการผลิต โดยไม่กระทบต่อคุณภาพ และมาตรฐานของสินค้า ทำให้มาตรการนี้ จะยังมีต่อไป เนื่องจากเห็นว่า เป็นผลดีต่อบริษัท จากนั้น ก็ไปมองที่ดูสินทรัพย์ ถือว่าสูงมาก 4 พันล้านบาท หนี้สินมีแค่ 1.1 พันล้านบาท และส่วนใหญ่เป็นหนี้ทางการค้า ไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไร ขณะที่หนี้สินกับสถาบันการเงินนั้น "ไม่มี" ดังนั้น เมื่อมองถึงหุ้นดี หุ้นเด่นของผม "ธณพงศ์ มีทอง" มอง KYE เป็นหุ้นเด่นปีนี้ เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งของหุ้นที่จ่ายปันผลดีมากกว่าปีที่แล้ว ที่จ่ายหุ้นละ 9 บาท เนื่องจากปีนี้กำไรดีมาก และที่สำคัญคือ ที่นี่จ่ายปันผลในอัตรา 50% ของกำไรสุทธิ จนกระทั่งมีการคาดการณ์กันว่า น่าจะจ่ายมากกว่า 20 บาทต่อหุ้น แต่ก็เป็นเรื่องของอนาคต ที่เราจะต้องเฝ้าติดตามกันต่อไป
|






![]() | Today | 1822 |
![]() | All days | 1822 |
Comments