ฟิทช์ คงเครดิตหุ้นกู้บ.กัลฟ์ ที่ ‘AAA (tha)’
|
|
|
|
Thursday, 24 June 2010 16:20 |
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของหุ้นกู้ค้ำประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นของบริษัท กัลฟ์ โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ที่ระดับ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ โดยหุ้นกู้ดังกล่าวประกอบด้วยหุ้นกู้อายุ 5 ปี มูลค่า 1.16 พันล้านบาทและหุ้นกู้อายุ 10 ปี มูลค่า 2.9 พันล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนเดือนเมษายน 2554 และเดือนเมษายน 2559 ตามลำดับ
อันดับเครดิตของหุ้นกู้สะท้อนถึงการค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยโดยไม่มีเงื่อนไข และไม่สามารถยกเลิกได้จาก DEPFA BANK plc หรือ DEPFA ซึ่งปัจจุบันได้รับการจัดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (International Long-term Foreign Currency Issuer Default Rating) ที่ ‘A-’, แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ อันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของ DEPFA อยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินในประเทศ (International Long-term Local Currency Issuer Default Rating) ของประเทศไทยซึ่งอยู่ที่ระดับ ‘A-’ ฟิทช์ กล่าวว่าการปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตสากลของ DEPFA และของประเทศไทยซึ่งทำให้อันดับเครดิตสากลทั้งสองแตกต่างกันอาจส่งผลต่ออันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ค้ำประกันดังกล่าวได้ โดยการปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตสากลหนึ่งอันดับ อาจนำไปสู่การปรับเปลี่ยนอันดับเครดิตภายในประเทศมากกว่าหนึ่งอันดับได้ ผู้ถือหุ้นกู้ควรตระหนักว่าการค้ำประกันดังกล่าวไม่รวมถึงผลต่างของอัตราดอกเบี้ยและอัตราดอกเบี้ยผิดนัดชำระบนเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างชำระเมื่อเกิดเหตุผิดนัดชำระ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงดังกล่าวได้ถูกลดทอนลงจากการที่ผู้ออกหุ้นกู้ได้เปิดบัญชีเงินฝากจำนวน 5 ล้านบาทเพื่อผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อสำรองไว้สำหรับการชำระคืนเงินจำนวนดังกล่าวที่ผู้ค้ำประกันไม่ได้ค้ำประกัน นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นกู้ควรตระหนักด้วยว่าอาจจะได้รับชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยจากผู้ค้ำประกันเป็นเงินสกุลเยน ในกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศห้ามหรือจำกัดการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินบาท
อันดับเครดิตของ DEPFA ซึ่งถือหุ้น 100% โดย Hypo Real Estate Holding AG หรือ HRE Group (มีอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศที่ ‘A-’, แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) สะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่สูงมากที่ HRE Group จะได้รับการสนับสนุนจาก German Financial Market Stabilisation Fund หรือ SoFFin ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น 100% ใน HRE Group ในนามรัฐบาลเยอรมัน (Federal Republic of German) และความเกี่ยวเนื่องของธุรกิจและการดำเนินงานระหว่างบริษัทใน HRE Group กรณีของ HRE Group เป็นกรณีที่รัฐบาลเยอรมันให้การช่วยเหลือบริษัทเอกชนครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เกิดวิกฤตทางการเงิน โดยเห็นได้จากจำนวนเงินที่รัฐบาลให้การช่วยเหลือ และมาตรการในการเข้าควบคุมกิจการทั้งหมดของกลุ่ม อย่างไรก็ตามมาตรการการสนับสนุนและแผนการปรับโครงสร้าง HRE Group ยังต้องได้รับการตรวจสอบโดยสหภาพยุโรป (European Commission) ซึ่งคาดว่าจะ แล้วเสร็จในช่วงกลางปี 2553 แผนการปรับโครงสร้าง HRE Group ประกอบด้วยการลดทรัพย์สิน และการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานมากขึ้น ตามแผนการปรับโครงสร้าง ธุรกิจหลักของกลุ่มซึ่งประกอบด้วยธุรกิจการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปและโครงการภาครัฐ ซึ่งจะถูก refinance ด้วยการออกหุ้นกู้ในประเทศเยอรมันที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (German covered bond หรือ Pfandbriefe) จะถูกดำเนินการภายใต้ Deutsche Pandbriefbank AG ซึ่งถือหุ้น 100% โดย HRE Group ในส่วนของทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของกลุ่ม ซึ่งได้แก่การปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ และธุรกิจที่เกี่ยวกับตลาดทุนและธุรกิจซื้อขายตราสารทางการเงิน จะดำเนินการภายใต้ DEPFA โดยคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะลดขนาดลงอย่างต่อเนื่อง จากการหมดอายุของทรัพย์สิน การขายแบบเจาะจง และโอนทรัพย์สินออก HRE Group ได้ประกาศการแผนการโอนทรัพย์สินที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของกลุ่มและสินทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ในจำนวนที่อาจสูงถึง 210 พันล้านยูโร ไปยังสถาบันบริหารทรัพย์สินที่ควบคุมโดยรัฐ (Abwicklungsanstalt) ซึ่งคาดว่าจะก่อตั้งในช่วงครึ่งหลังของปี 2553
บริษัท กัลฟ์ โคเจนเนอเรชั่น เป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อย (SPP) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. โดยไฟฟ้าที่ผลิตได้ส่วนใหญ่จะขายให้กับ กฟผ. บริษัท กัลฟ์ โคเจนเนอเรชั่นได้เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าในเดือนกันยายน 2541 โดยปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้า 112 เมกะวัตต์ และไอน้ำ 16 ตันต่อชั่วโมง บริษัทกัลฟ์โคเจนเนอเรชั่น เป็นบริษัทลูกของบริษัท กัลฟ์ อิเล็กตริก จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าจำนวน 5 โรง โดยมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 1,847 เมกะวัตต์
หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตหาได้ที่ www.fitchratings.com ในการจัดอันดับเครดิตฟิทช์ได้ใช้หลักเกณฑ์ตาม Corporate Rating Methodology ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2552
|
Comments