| กสิกรประเมินน้ำท่วมฉุดจีดีพีไตรมาส4โต1.6%จาก4% |
|
|
|
| Wednesday, 27 October 2010 10:29 | |||
|
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ว่า สถานการณ์อุทกภัยรุนแรงในช่วงเดือนต.ค.53 จนส่งผลให้เกิดน้ำท่วมสูงครอบคลุมพื้นที่เกือบ 30 จังหวัดนั้น เป็นปัจจัยลบที่เข้ามาซ้ำเติมเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มากขึ้น ทั้งนี้ประเมินว่าความเสียหายในเบื้องต้นของเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ว่า อาจมีมูลค่าประมาณ 9,100-24,000 ล้านบาท คิดเป็นความเสียหาย 0.1-0.2% ของจีดีพีทั้งปี ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจไตรมาสที่ 4/2553 ให้ต่ำกว่าคาดการณ์เดิมประมาณ 0.4-1.0% โดยอัตราการขยายตัวอาจลดลงมาอยู่ที่ 1.1-1.6% จากเดิมก่อนหน้าเหตุการณ์อุทกภัยคาดการณ์ไว้ที่ 2.0% สำหรับผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั้งปี คาดว่าจะส่งผลให้จีดีพีในปี 2553 ต่ำลงจากคาดการณ์เดิม 0.1-0.2% ลงมาอยู่ที่ 6.8-6.9% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 7.0% ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า นอกจากความเสียหายต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจแล้ว ปัญหาน้ำท่วมยังอาจส่งผลให้ราคาสินค้าอาหารสดพุ่งสูงขึ้นในช่วงเดือนต.ค.-พ .ย. ทำให้อัตราเงินเฟ้อในไตรมาสที่ 4/53 อาจสูงขึ้นมาที่ 3.5-3.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.2% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั้งปี 53 อาจสูงขึ้นมาที่ 3.5-3.6% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.4% ระดับราคาที่สูงขึ้นอาจมีผลต่อเนื่องไปถึงทิศทางเงินเฟ้อในปี 2554 หากสถานการณ์ผลผลิตพืชผลทางการเกษตรที่เสียหายส่งผลให้อุปทานทั้งในประเทศ และต่างประเทศตึงตัวมากขึ้น ก่อนหน้านี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 54 ไว้ที่ 2.5-4.0% โดยปัจจัยสำคัญที่อาจมีผลต่อการปรับเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อ ได้แก่ ทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก นโยบายรัฐต่อมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพและราคาพลังงาน การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และล่าสุดคือปัญหาอุทกภัยที่จะดันฐานของราคาสินค้าในปีหน้าให้สูงขึ้นกว่า คาดการณ์เดิม ทิศทางเงินเฟ้อที่ชะลอตัวในเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ได้ช่วยผ่อนคลายแรงกดดันต่อนโยบายการเงิน ทำให้ทางการยังไม่จำเป็นต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุม ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม แรงกดดันเงินเฟ้อที่อาจเพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาน้ำท่วมนี้ อาจทำให้โจทย์ในการดำเนินนโยบายการเงินของทางการไทยมีความซับซ้อนมากขึ้น เพราะระดับราคาสินค้าและอัตราค่าจ้างในปี 54 อาจปรับตัวสูงขึ้นจากผลกระทบของเงินเฟ้อในช่วงปลายปี 53 นี้ สำหรับปีหน้า คาดว่า เศรษฐกิจไทยอาจชะลอตัวลงในปีหน้า ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อาจจะอ่อนตัวลงไปอีก ทำให้การตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของไทย อาจต้องเลือกให้น้ำหนักกับเป้าหมายสำคัญ เนื่องจากลำพังอัตราดอกเบี้ยเพียงเครื่องมือเดียว คงจะไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งด้านการดูแลเงินเฟ้อ การขยายตัวของเศรษฐกิจ และเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนในเวลาเดียวกันทั้งหมดได้
|






![]() | Today | 689 |
![]() | All days | 689 |
Comments