| กทท.ดึงคณบดีวิศวจุฬาฯร่วมพัฒนาคลองเตย |
|
|
|
| Sunday, 19 August 2012 14:01 | |||
|
การท่าเรือดึงคณะบดีวิศวะจุฬาพร้อมมืออาชีพด้านสร้างสรรค์สังคมร่วมให้แนวคิดคณะกรรมการจัดทำกรอบการพัฒนาพื้นที่ชุมชนย่านท่าเรือคลองเตย เผยเร่งสรุปก่อนเดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิตทั้ง 43 ชุมชนขึ้นแนวสูงสร้างเป็นแลนด์มาร์คกรุงเทพฯ พร้อมเปิดแผนพัฒนาพื้นที่โกดังเก่าริมเจ้าพระยาให้เป็นคอนเทนเนอร์เทอร์มินอล 3 และวอเตอร์ฟรอนด์ไทยแลนด์สร้างจุดขายใหม่ด้านการท่องเที่ยวทางน้ำ เตรียมเปิดตัวรูปแบบอย่างไม่เป็นทางการในงาน 100 ปีกระทรวงคมนาคมเร็วๆ นี้
เรือตรีวิโรจน์ จงชาณสิทโธ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.) เปิดเผย ว่าตามที่พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมมีนโยบายให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.)เร่งจัดระเบียบแหล่งชุมชนย่านท่าเรือคลองเตยโดยเล็งรวบบ้านแนวราบทั้ง 43 ชุมชนขึ้นอยู่อาศัยคอนโดมิเนียมแทนเพื่อรองรับการพัฒนาชุมชนในพื้นที่ให้อยู่รวมกันอย่างเป็นระบบรูปแบบคลองเตยนิวซิตี้เพื่อให้เป็นแลนด์มาร์คด้านที่อยู่อาศัยใจกลางเมืองกรุงเทพมหานครนั้น
ล่าสุดอยู่ระหว่างการทาบทามบุคคลในหลากหลายสาขาอาชีพเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการจัดทำกรอบการพัฒนาพื้นที่ชุมชนย่านท่าเรือคลองเตย และให้ข้อเสนอแนะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทาบทามรศ.ดร.บุญสม เลิศหิรัญวงศ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับตำแหน่งประธานพิจารณาทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ย่านท่าเรือคลองเตยตลอดจนบุคคลผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการสร้างสรรค์สังคมอีกหลายท่านเข้ามาร่วมให้แนวคิดข้อเสนอแนะสำหรับการยกระดับการพัฒนาชุมชนย่านท่าเรือคลองเตยดังกล่าว โดยผู้ที่ได้เรียนเชิญในครั้งนี้ถือว่าเป็นผู้เสียสละ ไม่มีกรอบระยะเวลากำหนดไว้ ทั้งนี้กระทรวงคมนาคมและการท่าเรือฯต้องการเปิดรับฟังแนวคิดจากผู้ที่รอบรู้ในวงการหลายๆท่านเพื่อนำไปเป็นแนวทางให้คณะกรรมการประยุกต์ใช้ในการกำหนดกรอบพัฒนาที่ชัดเจนต่อไป
“สำหรับพื้นที่ทั้ง 4 โซนเดิมนั้นคงต้องพักไว้ก่อนเพราะมีนโยบายเร่งด่วนจากกระทรวงคมนาคมให้ดำเนินการพัฒนาชุมชนท่าเรือคลองเตยโดยกทท.เตรียมเสนอของบในปี 2557 เพื่อการศึกษารูปแบบขณะนี้ได้ความชัดเจนในเรื่องพื้นที่นำร่องแล้วประมาณ 60 ไร่ในระยะแรกก่อนที่จะขยายในระยะต่อไป อีกทั้งยังเร่งทำความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่ให้ร่วมกันขับเคลื่อนไปในแนวทางเดียวกัน สำหรับพื้นที่ที่เหลือก็ให้ศึกษาในคราวเดียวกันนี้ด้วยเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ย่านชุมชนท่าเรือคลองเตยให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องกันไป”เรือตรีวิโรจน์ กล่าว
ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า พล.ต.ท.ชัจจ์ ได้สั่งการให้เร่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดประกอบไปด้วยบุคคลหลายฝ่ายโดยมีผู้อำนวยการกทท.เป็นกรรมการและเลขานุการ ส่วนกรรมการคนอื่นๆประกอบด้วย ผู้นำชุมชน มูลนิธิดวงประทีป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ในพื้นที่ ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ผู้แทนการเคหะแห่งชาติ ผู้แทนกรมธนารักษ์และผู้แทนการท่าเรือฯเป็นกรรมการและเลขานุการเพื่อจัดทำกรอบการพัฒนาพื้นที่ย่านคลองเตยทั้งระบบให้แล้วเสร็จโดยเร็วต่อไป
“เนื่องด้วยขอบเขตพื้นที่กว้างขวางครอบคลุมพื้นที่กว่า 100 ไร่จึงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน จำแนกความต้องการของแต่ละชุมชน หรือแต่ละครอบครัว พร้อมกับทำความเข้าใจประชาชนและรับฟังความเห็นในเบื้องต้นควบคู่กันไปด้วย แต่กำชับว่าภายในปีนี้กรอบการพัฒนาต้องให้ภาพชัดเจนเพื่อขออนุมัติตั้งงบประมาณในปี 2557 ไปดำเนินการศึกษาความเหมาะสมต่อไป ส่วนแผนการพัฒนานั้นอาจต้องดำเนินการไปทีละเฟสตามกรอบงบประมาณและเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่มากเกินไป เนื่องจากในเบื้องต้นพื้นที่ที่ได้รับคืนมาจากกรมพลาธิการทหารบกมีประมาณ 58 ไร่จึงน่าจะก่อสร้างคอนโดมิเนียมได้หลายอาคาร แต่ต้องรอดูผลการศึกษาความเหมาะสมอีกครั้ง”
นอกจากนี้ การท่าเรือแห่งประเทศไทยยังมีแผนพัฒนาพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดระยะทางประมาณเกือบ 2 กิโลเมตรเพื่อดำเนินการก่อสร้างคอนเทนเนอร์เทอร์มินอล 3 รองรับการขนส่งสินค้าสำหรับเรือขนาดกลางขนาดเล็กที่จะเข้ามาใช้บริการท่าเรือคลองเตย นอกจากนั้นพื้นที่ใกล้เคียงกันยังจะก่อสร้างศูนย์ประชุมและมุกพักผ่อน ตลอดจนท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยวรูปแบบ “วอเตอร์ฟรอนด์” จุดขายใหม่ของประเทศไทยตลอดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งเป็นพื้นที่โกดังเก่า โดยฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่วังกะเจ้าที่ร่มรื่นและเขียวขจีไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ มีบ้านปลูกแซมในรูปแบบวิถีชีวิตชุมชนอนุรักษ์ที่เริ่มหายากในกรุงเทพฯปัจจุบัน สิ่งสำคัญยังต้องการเปิดท่าเรือเพื่อการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้การเข้าถึงพื้นที่ได้ทั้งทางบกและทางน้ำ แต่สิ่งที่คาดหวังไว้คือต้องการให้มีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่คลองเตยและใกล้เคียงดีขึ้นตามไปด้วย
“ผมได้ร่างแบบคร่าว ๆ เอาไว้แล้วแต่ต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญดูความเหมาะสมอีกครั้งก่อนนำเสนอคณะกรรมการกทท.เห็นชอบต่อไป รูปแบบผสมผสานทั้งพื้นที่สีเขียวและมุมสวยๆ เพื่อการพักผ่อน มีสถานที่เลือกซื้อ-ขายสินค้าหลากหลายประเภทที่มาจากแหล่งผลิตสำคัญๆทั่วประเทศ โดยจุดขายอีกด้านหนึ่งคือกทท.พร้อมเปิดจุดให้บริการเป็นพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกด้านส่งออกไปต่างประเทศทางเรือ โดยเตรียมเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการในงานครบรอบ 100 ปีกระทรวงคมนาคมเร็วๆ นี้ หลังจากนั้นเตรียมของบประมาณพัฒนาให้เป็นจุดขายใหม่ของกรุงเทพมหานครและประเทศไทยต่อไป โดยในเบื้องต้นกทท.พร้อมจะลงทุนเอง ซึ่งคาดว่าจะใช้งบประมาณไม่เกิน 1,000 ล้านบาทแต่ต้องดูแนวทางของกระทรวงคมนาคมและรัฐบาลอีกครั้งว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร”เรือตรีวิโรจน์ กล่าว
|






![]() | Today | 1099 |
![]() | All days | 1099 |
Comments