ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น9.36จุด |
![]() |
![]() |
![]() |
Wednesday, 07 March 2018 08:40 | |||
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) ที่ 24,884.12 จุด เพิ่มขึ้น 9.36 จุด หรือ +0.04% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,728.12 จุด เพิ่มขึ้น 7.18 จุด หรือ +0.26% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,372.01 จุด เพิ่มขึ้น 41.30 จุด หรือ +0.56% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านนโยบายการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่า เขาจะเดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของสหรัฐได้ออกมาแสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งรวมถึงนายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ที่ประกาศว่าจะลาออก หากปธน.ทรัมป์ยังเดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าว ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับมาวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านนโยบายการค้า หลังจากปธน.ทรัมป์ได้ยืนยันกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า เขาจะไม่ยอมเดินถอยหลังในเรื่องแผนเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม แม้ประเด็นดังกล่าวกำลังเป็นที่ถกเถียงกันในขณะนี้ก็ตาม ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคนของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงนายพอล ไรอัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ออกมาแสดงท่าทีต่อต้านมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม พร้อมกับเรียกร้องให้ปธน.ทรัมป์ยกเลิกแผนการดังกล่าว ขณะที่นายแกรี่ โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ประกาศเมื่อวานนี้ว่า เขาจะลาออกหากปธน.ทรัมป์ยังเดินหน้าแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าดังกล่าว และล่าสุดในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย นายโคห์นได้ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งแล้ว ซึ่งข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุน เนื่องจากนายโคห์นถือเป็นที่ปรึกษาที่น่าเชื่อถือสำหรับปธน.ทรัมป์สำหรับการให้คำแนะนำด้านเศรษฐกิจและตลาด อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนในระดับหนึ่ง จากรายงานข่าวที่ว่า เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปีในปลายเดือนหน้า ซึ่งจะเป็นการพบปะกันเป็นครั้งแรกระหว่างนาย คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และนายมูน แจ อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ โดยข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐดิ่งลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือนในเดือนม.ค. โดยร่วงลง 1.4% หลังจากเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 5 เดือน โดยยอดสั่งซื้อที่ดิ่งลงในเดือนม.ค.นั้น ได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของคำสั่งซื้อเครื่องบิน นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนม.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.
|
![]() | Today | 1204 |
![]() | All days | 1204 |
Comments